Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
1 พงศ์กษัตริย์ 20

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
1 พงศ์กษัตริย์ 21

เรื่องย่อ

กษัตริย์เบนฮาดัดแห่งอารัมยกทัพมาล้อมสะมาเรีย แต่พระเจ้าทรงช่วยอิสราเอลให้ได้รับชัยชนะอย่างน่าอัศจรรย์ถึงสองครั้งสองครา แม้ว่าอาหับจะได้รับชัยชนะ แต่เขาก็ปล่อยเบนฮาดัดไป ทำให้พระเจ้ากริ้ว ต่อมา อาหับปรารถนาที่จะได้สวนองุ่นของนาโบธ แต่เมื่อนาโบธปฏิเสธที่จะขายให้ อาหับก็ยอมให้พระราชินีเยเซเบลวางแผนร้ายใส่ร้ายนาโบธจนถูกประหารชีวิต เมื่ออาหับยึดครองสวนองุ่น พระเจ้าจึงส่งเอลียาห์ไปเผชิญหน้ากับอาหับและประกาศการพิพากษาที่จะมาถึง ทั้งอาหับและเยเซเบลจะต้องพบกับจุดจบที่น่าเศร้า เรื่องราวเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพระเมตตาของพระเจ้าที่มีต่ออิสราเอล ความยุติธรรมของพระองค์ที่ลงโทษความชั่วร้าย และผลของการไม่เชื่อฟังพระเจ้า

 

เบนฮาดัด กษัตริย์แห่งซีเรีย รวบรวมกษัตริย์และหัวหน้าอีก 32 คน และเรียกร้องจากอาหับ กษัตริย์แห่งอิสราเอลตอนเหนือ โดยทรงต้องการความมั่งคั่งที่ดีที่สุดของสตรีและลูกหลานของพระองค์ อาหับทรงรู้สึกถูกคุกคามจากพันธมิตรขนาดใหญ่ของเบนฮาดัด เมื่อเบนฮาดัดข่มขู่ว่าจะโจมตีพระราชวังของอาหับ อาหับก็ทรงตอบว่า "พรุ่งนี้คุณอาจจะใส่ชุดเกราะ แต่คุณจะไม่ถอดมันออก"

ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งบอกอาหับว่าพระองค์จะทรงได้รับชัยชนะ แม้จะมีกองทัพที่เล็กกว่า อาหับทรงเชื่อฟังคำแนะนำของผู้เผยพระวจนะ และอิสราเอลได้รับชัยชนะเหนือพันธมิตรของซีเรีย ผู้เผยพระวจนะเตือนอาหับว่าซีเรียจะกลับมาในฤดูใบไม้ผลิ และพระองค์ควรจะเตรียมตัวให้พร้อม ชาวซีเรียเชื่อว่าอิสราเอลได้รับชัยชนะ เพราะการได้เปรียบในบ้านเกิดเมืองนอน แต่ผู้เผยพระวจนะรับรองแก่อาหับว่าพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าทุกสถานที่ อิสราเอลได้รับชัยชนะอีกครั้ง และทหารซีเรีย 27,000 นายที่รอดชีวิตจากการต่อสู้ได้หนีไปยังอาเฟก ซึ่งกำแพงได้พังทลายลงมาสังหารพวกเขา ขณะที่เบนฮาดัดกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ เขาวางแผนที่จะขอความเมตตาจากอาหับ เพื่อแลกกับการคืนดินแดนที่พวกเขาได้ยึดมา อาหับทรงเห็นด้วยกับข้อเสนอ ซึ่งขัดกับสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาให้ทำ อาหับน่าจะประหารเบนฮาดัด

พระเจ้าทรงส่งผู้เผยพระวจนะไปตำหนิอาหับที่ทรงปล่อยเบนฮาดัด ผู้เผยพระวจนะได้ใช้การแสดงละครเพื่อแสดงให้เห็นถึงประเด็นของตน โดยบอกอาหับว่าเขาได้เชิญการลงโทษประหารชีวิตมาสู่ตนเองและประชากรของตนโดยการปล่อยเบนฮาดัดให้มีชีวิตอยู่ อาหับไม่ได้ทรงสำนึกผิดและทรงกลับบ้านด้วยความโกรธเคืองและหงุดหงิด อาหับทรงปรารถนาที่ดินของนาโบธเพื่อนบ้านของตน เมื่อนาโบธปฏิเสธที่จะขายที่ดินให้ พระองค์ก็ทรงโกรธมาก เยเซเบล พระราชินีของพระองค์ทรงวางแผนที่จะได้ที่ดินผืนนี้มาโดยมิชอบ

 

ข้อคิด: 1 พงศ์กษัตริย์ 20-21

ทุกครั้งที่พระเจ้าให้สัญญา พระองค์จะรักษาสัญญานั้นไว้ แต่พระองค์จะแก้ไขสัญญาก็ต่อเมื่อเห็นแก่ความเมตตาหรือพระคุณเท่านั้น เราเห็นได้จากอาหับ พระคัมภีร์กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอาหับเป็นกษัตริย์ที่พระเจ้าโปรดปรานน้อยที่สุดในอิสราเอล “ไม่มีใครขายตัวเพื่อทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้าเหมือนอาหับ ซึ่งอิเซเบลมเหสีของพระองค์ยุยง เขากระทำการที่น่ารังเกียจยิ่งนัก” (21:25–26) แต่ในย่อหน้าถัดไป พระเจ้าผ่อนปรนโทษอาหับ พระเจ้าชอบที่จะแสดงความเมตตาต่อผู้คน แม้แต่คนชั่วร้ายที่สุดในหมู่พวกเรา พระองค์เต็มใจที่จะให้อภัย คุณจะไม่รักพระเจ้าแบบนั้นได้อย่างไร พระองค์อยู่ที่ที่ความปีติยินดีอยู่!

 

คำถาม

1.   กษัตริย์อาหับได้รับชัยชนะจากพระเจ้าถึงสองครั้ง แต่ก็ยังไม่สำนึกผิด (1 พงศ์กษัตริย์ 20) เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเราจะเปิดใจรับการทรงนำและการเตือนสติจากพระเจ้าอย่างแท้จริง แม้ในยามที่ชีวิตเป็นไปด้วยดี?

2.   อาหับยอมให้เยเซเบลวางแผนร้ายจนนาโบธต้องเสียชีวิตเพื่อแย่งชิงสวนองุ่น (1 พงศ์กษัตริย์ 21) เราจะระวังไม่ให้ความปรารถนาของเรานำไปสู่การกระทำที่ไม่ถูกต้องได้อย่างไร และจะแยกแยะและต่อต้านอิทธิพลที่ไม่ดีในชีวิตของเราได้อย่างไร?

 

 

1 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 21 เป็นเรื่องราวที่มืดหม่นและน่าเศร้า ซึ่งเผยให้เห็นถึงความชั่วร้ายของความโลภ อำนาจที่ฉ้อฉล และผลลัพธ์อันเลวร้ายของการไม่เชื่อฟังพระเจ้า นี่คือข้อคิดสำคัญที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากบทนี้:

  • ความโลภนำไปสู่บาป (ข้อ 1-4): กษัตริย์อาหับต้องการสวนองุ่นของนาโบท ซึ่งอยู่ใกล้กับวังของเขา แม้ว่านาโบทจะปฏิเสธที่จะขายเพราะเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ (ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามตามธรรมบัญญัติของโมเสส) แต่อาหับก็ยังคงไม่พอใจและซึมเศร้า สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าความโลภสามารถครอบงำจิตใจคนเราได้มากเพียงใด และนำไปสู่ความปรารถนาที่ผิดบาป
  • อิทธิพลที่ชั่วร้าย (ข้อ 5-10): เยเซเบล ราชินีผู้ชั่วร้ายของอาหับ เข้ามาแทรกแซงและวางแผนการอันชั่วร้ายเพื่อให้นาโบทถูกประหารชีวิตโดยการกล่าวหาเท็จและใช้พยานเท็จ สิ่งนี้เผยให้เห็นถึงอันตรายของอิทธิพลที่ชั่วร้าย และการที่คนหนึ่งสามารถชักจูงอีกคนหนึ่งให้ทำบาปได้ง่ายดายเพียงใดเมื่อความปรารถนาฝ่ายเนื้อหนังเข้ามาครอบงำ
  • การใช้อำนาจในทางที่ผิด (ข้อ 8-10): เยเซเบลใช้อำนาจของกษัตริย์และตราประทับของอาหับเพื่อออกคำสั่งให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองสมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรมนาโบทอย่างไม่เป็นธรรม นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้อำนาจที่พระเจ้าประทานให้ในทางที่ผิด เพื่อสนองความปรารถนาส่วนตัวที่ชั่วร้าย แทนที่จะใช้เพื่อความยุติธรรมและความชอบธรรม
  • พระเจ้าทรงเห็นและทรงพิพากษาความชั่วร้าย (ข้อ 17-24): แม้การฆาตกรรมนาโบทจะถูกปกปิดอย่างแนบเนียน แต่พระเจ้าทรงเห็นทุกสิ่ง พระองค์ทรงส่งเอลียาห์มาเผชิญหน้ากับอาหับและประกาศคำพิพากษาที่รุนแรงต่ออาหับ เยเซเบล และวงศ์วานของพวกเขา สิ่งนี้ยืนยันว่าไม่มีความชั่วร้ายใดที่ซ่อนเร้นจากสายพระเนตรของพระเจ้าได้ และพระองค์จะทรงนำความยุติธรรมมาสู่ผู้ที่ทำบาป
  • ผลลัพธ์ของการกลับใจ (แม้จะไม่สมบูรณ์) (ข้อ 25-29): เมื่ออาหับได้ยินคำพิพากษาของพระเจ้า เขาก็ถ่อมตัวลง นุ่งห่มผ้ากระสอบ และอดอาหาร ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการกลับใจ (แม้ว่าภายหลังเขาจะกลับไปทำสิ่งชั่วร้ายอีก) พระเจ้าทรงเห็นการกระทำนี้และทรงชะลอการลงโทษบางส่วนออกไป สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตา และแม้แต่การแสดงออกถึงการกลับใจเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้พระองค์ทรงผ่อนปรนการลงโทษได้ (แต่ไม่ได้ยกเลิกทั้งหมด)
  • ความชั่วร้ายของอาหับและเยเซเบล (ข้อ 25-26): บทนี้ยังเน้นย้ำถึงความชั่วร้ายที่ไม่เคยมีใครเทียบได้ของอาหับ ซึ่งถูกเยเซเบลภรรยาของเขายุยงให้ทำบาป สิ่งนี้เป็นคำเตือนถึงอันตรายของการคบค้าสมาคมกับผู้ที่นำไปสู่ความชั่วร้าย และการยอมให้ตนเองถูกชักจูงให้ละทิ้งพระเจ้า

โดยสรุปแล้ว 1 พงศ์กษัตริย์ 21 เป็นเรื่องราวที่สอนเราว่าความโลภและการใช้อำนาจในทางที่ผิดนำไปสู่ความพินาศ และพระเจ้าทรงยุติธรรมและจะทรงพิพากษาความชั่วร้ายเสมอ แต่พระองค์ก็ทรงพร้อมที่จะแสดงความเมตตาเมื่อมีการกลับใจ