เรื่องย่อ
อิสยาห์ 31-34 เผยให้เห็นถึงความโง่เขลาของการพึ่งพาอียิปต์เพื่อขอความช่วยเหลือทางทหาร แทนที่จะพึ่งพาพระเจ้า อิสยาห์เตือนว่าการกระทำเช่นนี้จะนำมาซึ่งความพินาศและความอัปยศอดสู อิสยาห์เน้นย้ำถึงอำนาจสูงสุดของพระเจ้าและความสามารถของพระองค์ในการปกป้องเยรูซาเล็มอย่างน่าอัศจรรย์ ในขณะเดียวกันก็กล่าวถึงการพิพากษาที่จะมาถึงประชาชาติที่กดขี่ประชากรของพระองค์ บทเหล่านี้เปลี่ยนจากคำเตือนไปสู่ความหวัง ด้วยภาพอันสดใสของการฟื้นฟูและการคืนดี สัญญาว่าแผ่นดินจะเจริญรุ่งเรือง ทะเลทรายจะเบ่งบาน และผู้ที่ได้รับการไถ่จะกลับมาด้วยความชื่นชมยินดีนิรันดร์ อิสยาห์วาดภาพอนาคตที่พระเจ้าทรงปกครองด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม และธรรมชาติเองก็สะท้อนถึงพระสิริของพระองค์
วันนี้ เราได้อ่านสามบทสุดท้ายจากบทเพลงคร่ำครวญหกบทของอิสยาห์ โดยเริ่มต้นด้วย "วิบัติ" ที่กล่าวถึงยูดาห์อย่างรุนแรง ซึ่งเตือนพวกเขาถึงอันตรายในการแสวงหาความช่วยเหลือจากอียิปต์ โดยเชื่อว่าอียิปต์สามารถป้องกันพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงประกาศว่าอียิปต์จะพิสูจน์ได้ว่าไร้ความสามารถและเน้นย้ำถึงอำนาจของพระองค์ในการให้ความช่วยเหลือเหนือธรรมชาติ พระองค์ทรงทำนายถึงวันที่พวกเขาจะหันกลับมาหาพระองค์ ทำลายรูปเคารพของพวกเขา และได้รับการปกครองโดยกษัตริย์ผู้ชอบธรรม ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงพระเยซู ผู้คนในสมัยของอิสยาห์อาจตีความการทำนายนี้ผิดว่าเป็นการเสด็จมาของกษัตริย์ที่ชอบธรรมทางโลก แต่ประเด็นยังคงอยู่: คนโง่และคนพาล ซึ่งมักจะละเลยคนยากจนและผู้ขัดสน จะไม่ได้รับการยกย่องอีกต่อไป
วิบัติครั้งที่ห้าพุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงที่พึงพอใจซึ่งกำลังชะล่าใจจากความมั่งคั่งของพวกเธอและเพิกเฉยต่ออันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น อิสยาห์เรียกร้องให้พวกเขากลับใจและเตือนพวกเขาว่าช่วงเวลาที่สะดวกสบายของพวกเขากำลังจะสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางคำเตือนที่รุนแรงเหล่านี้ อิสยาห์ยังคงรักษาข่าวสารแห่งความหวังไว้ ซึ่งสัญญาว่าพระวิญญาณของพระเจ้าจะเทลงมาเหนือแผ่นดิน และเปลี่ยนใจของผู้คนกลับมาหาพระองค์ นำไปสู่การฟื้นฟูความรุ่งเรืองทางจิตวิญญาณ
วิบัติครั้งที่หกและครั้งสุดท้ายเน้นไปที่ผู้ทำลายและผู้ทรยศที่ทรมานประชากรของพระเจ้าในยูดาห์ แม้ว่าพวกเขาจะรับใช้พระประสงค์ของพระเจ้าในการกระตุ้นให้เกิดการกลับใจ แต่พวกเขาก็จะได้รับการพิพากษาเช่นกัน เมื่อความโกลาหลครั้งนี้แผ่ออกไป ยูดาห์จะถูกล่อลวงให้สงสัยในความซื่อสัตย์ของพระเจ้า แต่พวกเขาต้องจำไว้ว่าพระองค์ทรงเป็นความมั่นคงของพวกเขา อิสยาห์สรุปโดยการเน้นว่าความยำเกรงพระเจ้าเป็นขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และพระเจ้าจะนำการพิพากษามาสู่ประชาชาติทั้งสิ้น พระเจ้าทรงพรรณนาถึงความว่างเปล่าที่น่าสยดสยองและถูกสาปแช่งของเอโดม ซึ่งนักวิชาการบางคนตีความว่าเป็นสัญลักษณ์ของนรก
ข้อคิด: อิสยาห์ 31-34
ในอิสยาห์ 32:15-16 อิสยาห์สัญญาว่าการเทพระวิญญาณของพระเจ้าจะเปลี่ยนจิตใจของผู้คนกลับมาหาพระองค์ และนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง โดยสร้างความยุติธรรมและความชอบธรรม ผลของความชอบธรรมนี้คือสันติสุข ความสงบ และความไว้วางใจที่ยั่งยืน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่าความชอบธรรมเป็นของขวัญที่เราได้รับจากพระเจ้า ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตัวเอง การทำความจริงนี้ให้เป็นจริง ทิตัส 3:5-6 ระบุว่าเราได้รับการไถ่โดยพระเมตตาของพระองค์ โดยการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยการฟื้นฟูของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ทรงเทลงมาบนเราอย่างมากมายผ่านทางพระเยซูคริสต์ โดยการชำระบาปของเราของพระคริสต์ เราจึงได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำให้เราชอบธรรมอย่างอิสระ ทำให้เรามีสันติสุขภายในและไว้วางใจในพระเจ้าตลอดไป ช่างเป็นภาระที่เบาจริงๆ เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ซึ่งความสุขอยู่!
คำถาม
1. อิสยาห์เตือนชาวอิสราเอลไม่ให้พึ่งพาอียิปต์เพื่อขอความช่วยเหลือทางทหาร โดยเน้นว่าความช่วยเหลือที่แท้จริงมาจากพระเจ้าเพียงผู้เดียว ในชีวิตครอบครัวของเรา มี "อียิปต์" อะไรบ้างที่เราพึ่งพา (เช่น ทรัพย์สิน เงินทอง ชื่อเสียง) แทนที่จะพึ่งพาพระเจ้าและหลักการของพระองค์? เราจะระบุและลดการพึ่งพาทางโลกเหล่านี้ได้อย่างไร เพื่อให้เราสามารถไว้วางใจในพระเจ้าอย่างเต็มที่เพื่อการปกป้องและการนำทาง?
2. อิสยาห์พยากรณ์ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟูและความชื่นชมยินดี ซึ่งธรรมชาติเองก็สะท้อนถึงพระสิริของพระเจ้า เราจะสร้างบรรยากาศที่สะท้อนถึงความรัก ความสงบสุข และความชื่นชมยินดีของพระเจ้าได้อย่างไร แม้ในช่วงเวลาที่ท้าทาย? เราจะส่งเสริมการเยียวยา การให้อภัย และการเติบโตทางจิตวิญญาณได้อย่างไร เพื่อให้ครอบครัวของเราสามารถสัมผัสกับความงดงามของการฟื้นฟูที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้?
อิสยาห์ บทที่ 32 ให้ภาพที่เปรียบเทียบกันอย่างชัดเจนระหว่างการปกครองที่ไม่ชอบธรรมในปัจจุบันกับการปกครองที่ชอบธรรมในอนาคตภายใต้พระเมสสิยาห์ นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินชีวิตด้วยความชอบธรรมและผลที่ตามมาจากการไม่เชื่อฟัง
1. การปกครองของกษัตริย์ที่ชอบธรรม (อิสยาห์ 32:1-8)
บทนี้เริ่มต้นด้วยการพรรณนาถึงการปกครองในอนาคตภายใต้ "กษัตริย์ที่ปกครองด้วยความชอบธรรม" และ "เจ้านายที่ปกครองด้วยความยุติธรรม" (ข้อ 1) กษัตริย์องค์นี้ไม่ได้เป็นเพียงผู้ปกครอง แต่ยังเป็นเหมือนที่หลบภัย เป็นที่กำบังจากลมพายุ เป็นสายน้ำในที่แห้งแล้ง และเป็นร่มเงาจากแดดร้อน (ข้อ 2) ภายใต้การปกครองของพระองค์ ผู้คนจะมองเห็นและได้ยินความจริง คนโง่จะไม่ถูกเรียกว่ามีเกียรติ และคนหลอกลวงจะไม่ถูกมองว่าเป็นคนดีอีกต่อไป (ข้อ 3-7)
ข้อคิด: ข้อความนี้ชี้ให้เห็นถึงความปรารถนาอันลึกซึ้งของมนุษย์ที่จะมีผู้นำที่แท้จริง ผู้นำที่ไม่ใช่แค่มีอำนาจ แต่ใช้พลังอำนาจนั้นเพื่อความยุติธรรม ความถูกต้อง และปกป้องประชากรของตนเอง พระธรรมตอนนี้เป็นคำพยากรณ์ถึงการเสด็จมาของ พระเยซูคริสต์ ผู้เป็นกษัตริย์ที่ชอบธรรมและจะนำความยุติธรรมและสันติสุขมาสู่โลก เมื่อพระองค์เสด็จมา ทุกสิ่งจะถูกจัดระเบียบใหม่ ผู้คนจะมองเห็นความจริงอย่างชัดเจน และการหลอกลวงจะไม่มีที่ยืน สิ่งนี้เตือนใจเราว่าเราควรแสวงหาผู้นำที่ดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์และชอบธรรม และในฐานะผู้ติดตามพระคริสต์ เราเองก็ควรสะท้อนคุณลักษณะเหล่านี้ในการดำเนินชีวิตของเรา
2. คำเตือนถึงสตรีผู้ประมาท (อิสยาห์ 32:9-14)
ในส่วนนี้ พระธรรมได้เปลี่ยนโทนมาเป็นการเตือนสตรีผู้ประมาทและประมาทเลินเล่อในกรุงเยรูซาเล็ม พวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยไม่ตระหนักถึงภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง พวกเธอจะตื่นตระหนกและคร่ำครวญเมื่อการทำลายล้างมาถึง ทุ่งนาจะรกร้างว่างเปล่า และบ้านเมืองจะกลายเป็นที่รกร้าง
ข้อคิด: คำเตือนนี้ไม่ใช่แค่สำหรับสตรีเท่านั้น แต่เป็นสำหรับทุกคนที่ใช้ชีวิตอย่างประมาท ไม่ตระหนักถึงความจริงของสถานการณ์ หรือเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนภัย บางครั้งเราก็อาจตกอยู่ในความสบายใจมากเกินไป จนลืมเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต หรือมองข้ามความจำเป็นในการกลับใจและการเปลี่ยนแปลง พระธรรมนี้เตือนเราให้ ตื่นตัวและระมัดระวัง อย่าปล่อยให้ความสะดวกสบายในปัจจุบันทำให้เราละเลยสิ่งสำคัญในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ การเงิน หรือความสัมพันธ์
3. ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์และการฟื้นฟู (อิสยาห์ 32:15-20)
ส่วนสุดท้ายของบทนี้ให้ความหวังและการฟื้นฟู การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อ "พระวิญญาณถูกเทลงมาเหนือเราจากเบื้องสูง" (ข้อ 15) เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมา ความรกร้างจะกลายเป็นทุ่งนาที่อุดมสมบูรณ์ ความยุติธรรมและความชอบธรรมจะดำรงอยู่ สันติสุขและความมั่นคงจะปกคลุมแผ่นดิน ผู้คนจะสามารถอยู่ในที่สงบและปลอดภัยได้
ข้อคิด: ข้อนี้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ในการนำการเปลี่ยนแปลงและการฟื้นฟูมาสู่ชีวิตและแผ่นดินโลก การฟื้นฟูที่แท้จริงไม่ได้มาจากความพยายามของมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่มาจากการทรงสถิตและฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณของพระเจ้า เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำงานในชีวิตของเรา พระองค์จะนำมาซึ่งความชอบธรรม สันติสุข และความมั่นคง สิ่งนี้กระตุ้นให้เรา แสวงหาการเติมเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และดำเนินชีวิตตามการทรงนำของพระองค์ เพื่อที่เราจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการนำความชอบธรรมและสันติสุขมาสู่โลกรอบตัวเรา
อิสยาห์ 32: บทนี้สอนเราว่า การปกครองที่แท้จริงคือการปกครองด้วยความชอบธรรม ซึ่งจะนำมาซึ่งสันติสุขและความมั่นคง เราควรตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท และพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงซึ่งมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า