เรื่องย่อ
เอเสเคียลบทที่ 34 กล่าวโทษผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอล (ผู้นำ) ที่ดูแลแต่ตัวเอง ปล่อยให้ฝูงแกะ (ประชาชน) กระจัดกระจายและอ่อนแอ พระเจ้าจึงจะทรงเข้ามารับหน้าที่เลี้ยงแกะเอง นำพวกเขากลับมายังแผ่นดินและประทานความอุดมสมบูรณ์ให้ เอเสเคียลบทที่ 35 พยากรณ์ถึงการพิพากษาเอดม ซึ่งเป็นศัตรูของอิสราเอล เพราะความอาฆาตพยาบาทและการยึดครองดินแดนของอิสราเอล เอเสเคียลบทที่ 36 สัญญาถึงการฟื้นฟูอิสราเอล ดินแดนจะกลับมาอุดมสมบูรณ์ และพระเจ้าจะทรงชำระล้างพวกเขาจากมลทินทั้งสิ้น ทำให้พวกเขาเป็นประชากรที่บริสุทธิ์และภักดีต่อพระองค์
คำพยากรณ์กล่าวโทษบรรดากษัตริย์ผู้ชั่วร้าย ผู้ซึ่งถูกเปรียบเหมือนผู้เลี้ยงแกะที่ไม่ดูแลฝูงแกะของตนอย่างถูกต้อง พวกเขาเห็นแก่ตัวและละเลยหน้าที่ของตน ทำให้ชีวิตของประชากรอิสราเอลต้องยากลำบาก พระเจ้าทรงวางแผนที่จะถือว่าผู้เลี้ยงแกะเหล่านี้ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์จะทรงช่วยกู้แกะให้รอดพ้นจากผลร้ายที่ตามมา
เอเสเคียลเผยพระวจนะต่อไป กล่าวโทษเอโดมสำหรับการกระทำของพวกเขา โดยเน้นย้ำถึงเหตุผลที่พระเจ้าตอบสนองพวกเขาในลักษณะที่พระองค์ทรงทำ พระเจ้าทรงประสงค์ให้พวกเขาเข้าใจความยุติธรรมและพระลักษณะของพระองค์ ไม่ใช่การลงโทษด้วยความอาฆาตแค้น
นอกจากนี้ ข้อความยังกล่าวถึงการฟื้นฟูแผ่นดินอิสราเอล โดยเน้นว่าแผ่นดินนั้นเป็นของพระเจ้า และพระองค์จะทรงนำประชากรของพระองค์กลับมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงพระสิริของพระองค์ แม้ว่าอิสราเอลไม่ได้สมควรได้รับพระคุณนี้ก็ตาม ข้อความยังเน้นย้ำว่าพระเจ้าทรงริเริ่มและทรงทำให้แผนการฟื้นฟูของพระองค์สำเร็จอย่างไร โดยทรงประทานใจใหม่ พระวิญญาณใหม่ และความสามารถในการเชื่อฟังแก่ประชากรของพระองค์ พระเจ้าทรงเชิญชวนพวกเขาให้ขอสิ่งเหล่านี้จากพระองค์ สร้างความสัมพันธ์มากกว่าเพียงผลลัพธ์
ข้อคิด: เอเสเคียล 34-36
พระเจ้าตรัสว่า "เราจะกระทำดีแก่เจ้าให้มากกว่าแต่ก่อน" (36:11) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักที่ไม่ธรรมดาของพระองค์ต่อผู้ที่ได้กบฏต่อพระองค์ เป็นเพียงพระเจ้าผู้ทรงดีเลิศเท่านั้นที่สามารถให้คำมั่นสัญญาที่จะให้ความดีที่ยิ่งใหญ่กว่าแก่คนบาปได้ การกระทำของพระองค์นั้นแสดงให้เห็นถึงความสุขและยืนยันพระลักษณะอันประเสริฐของพระองค์
คำถาม
1. เอเสเคียล 34 ตำหนิผู้เลี้ยงแกะที่ไม่ดูแลฝูงแกะของตน แต่กลับแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ใครคือ "ผู้เลี้ยงแกะ" ของเรา? เราจะตรวจสอบพวกเขาได้อย่างไร? และเราจะสนับสนุนให้พวกเขาทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและความเมตตาได้อย่างไร?
2. เอเสเคียล 36 สัญญาว่าพระเจ้าจะฟื้นฟูอิสราเอลและเปลี่ยนแผ่นดินที่รกร้างให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ เราจะนำหลักการนี้ไปใช้กับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายได้อย่างไร? เราจะสร้างสังคมที่ยั่งยืนได้อย่างไร? และเราจะดูแลโลกของเราให้ดีขึ้นสำหรับคนรุ่นหลังได้อย่างไร?
เอเสเคียล บทที่ 36 เป็นบทที่ให้กำลังใจและเต็มไปด้วยความหวัง เป็นเรื่องราวที่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะฟื้นฟูชนชาติอิสราเอลหลังจากที่พวกเขาถูกเนรเทศ ซึ่งมีข้อคิดสำคัญที่เราสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตได้ดังนี้
1. ความหวังและโอกาสในการเริ่มต้นใหม่
เอเสเคียล 36 แสดงให้เห็นว่าแม้ชนชาติอิสราเอลจะทำผิดจนต้องถูกลงโทษและต้องเผชิญกับความพินาศ แต่พระเจ้าก็ยังทรงเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เริ่มต้นใหม่ นี่เป็นข้อคิดที่เตือนเราว่าไม่ว่าเราจะเคยทำผิดพลาดหรือล้มเหลวมากแค่ไหนในอดีต เราก็ยังมีโอกาสที่จะแก้ไขและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นเสมอ ขอเพียงเรายอมรับในความผิดพลาดและมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
2. การฟื้นฟูจากภายในสู่ภายนอก
ในบทนี้ พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะประทาน "ใจใหม่และวิญญาณใหม่" ให้กับชนชาติอิสราเอล (ข้อ 26) นี่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องเกิดขึ้นจากภายใน ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนพฤติกรรมภายนอกเท่านั้น ข้อคิดนี้สอนให้เราเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนคือการเปลี่ยนที่จิตใจและทัศนคติของเราก่อน เมื่อภายในเราเปลี่ยนไปแล้ว การกระทำและผลลัพธ์ภายนอกก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย
3. การยอมรับในความผิดพลาด
พระเจ้าทรงย้ำว่าการฟื้นฟูของชนชาติอิสราเอลไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความดีของพวกเขา แต่เกิดขึ้นเพราะพระเจ้าทรงมีพระเมตตาและต้องการให้ชื่อของพระองค์ไม่ถูกดูหมิ่น (ข้อ 22) ข้อนี้เตือนเราว่าการยอมรับในความผิดพลาดของตัวเองเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลง การฟื้นฟูไม่จำเป็นต้องมาจากความสามารถของเราเอง แต่มาจากความเมตตาและโอกาสที่เราได้รับ
เอเสเคียล 36 เป็นเหมือนคำสัญญาว่าความหวังยังมีอยู่เสมอ การเริ่มต้นใหม่สามารถเกิดขึ้นได้ และการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องมาจากภายใน การยอมรับความผิดพลาดในอดีตไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นก้าวแรกที่นำไปสู่การเติบโตและชีวิตที่ดีขึ้น