เรื่องย่อ
ในยอห์น บทที่ 11 เล่าเรื่องการฟื้นคืนชีพของลาซารัส ซึ่งเป็นหนึ่งในการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเยซู เรื่องราวนี้เริ่มต้นด้วยการที่พระเยซูได้รับข่าวว่าลาซารัส พี่ชายของมารธาและมารีย์ ป่วยหนัก พระองค์ทรงรอคอยเป็นเวลาสองวันก่อนที่จะเดินทางไปยังเบธานี เมื่อพระองค์เสด็จมาถึง ลาซารัสเสียชีวิตไปแล้วสี่วัน มารธาและมารีย์ต่างแสดงความเชื่อและความเศร้าโศกต่อพระเยซู พระเยซูทรงฟื้นคืนชีพลาซารัสจากความตาย โดยตรัสว่า "ลาซารัสเอ๋ย จงออกมา" การอัศจรรย์นี้เป็นการยืนยันถึงอำนาจและศักดิ์ศรีของพระเยซูในฐานะพระบุตรของพระเจ้า และนำไปสู่การที่หลายคนเชื่อในพระองค์ แต่ก็ทำให้พวกปุโรหิตใหญ่และฟาริสีวางแผนที่จะประหารพระเยซูด้วย
วันนี้เราได้อ่านเรื่องราวของมารีย์ มาธา และลาซารัส ซึ่งเป็นการนําเสนอตัวละครที่เรารู้จักจากลูกา 10:38-42 ลาซารัสป่วย และพี่น้องสาวของเขาได้ส่งข้อความถึงพระเยซู แต่พระเยซูทรงรอสองวันก่อนที่จะเสด็จไปเยี่ยมเยียน ความล่าช้านี้อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดและความสับสนแก่เหล่าสาวกของพระองค์ ผู้ซึ่งลังเลที่จะเข้าใกล้เบธานีเพราะความใกล้ชิดกับกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งพระเยซูกำลังเผชิญกับความเกลียดชัง เมื่อพวกเขามาถึง พวกเขาได้เรียนรู้ว่าลาซารัสเสียชีวิตไปแล้วเป็นเวลาสี่วัน
เมื่อพระเยซูเสด็จมา มาธาได้ออกไปต้อนรับพระองค์ แสดงความเชื่อมั่นในความสามารถของพระองค์ที่จะช่วยเหลือ แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจวิธีการก็ตาม พระเยซูทรงตรัสกับมาธาเกี่ยวกับความสามารถของพระองค์ในการชุบชีวิตลาซารัส แต่เธอตีความหมายความเข้าใจผิด พระองค์กำลังตรัสถึงสิ่งทางกายภาพ และมาธาคิดว่าพระองค์กำลังตรัสถึงสิ่งทางวิญญาณ แม้ว่ามาธาไม่ได้ตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่พระเยซูจะทรงชุบชีวิตลาซารัสให้ฟื้นคืนพระชนม์ ความเชื่อของเธอไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่พระเยซูทรงดีและทรงเต็มไปด้วยความรัก
ต่อมา พระเยซูได้พบกับมารีย์ ผู้ซึ่งแสดงความเศร้าโศกออกมาอย่างเปิดเผยมากขึ้น ความทุกข์ของมารีย์ทำให้พระเยซูทรงกันแสง แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจอย่างลึกซึ้งต่อความเจ็บปวดของพวกเขา หลังจากนั้น พระองค์ได้สั่งให้กลิ้งหินออกจากหลุมศพของลาซารัส ขอบพระคุณพระบิดา และทรงเรียกลาซารัสให้ออกมาปาฏิหาริย์ครั้งนี้ทำให้บางคนเชื่อและนมัสการพระเยซู ในขณะที่คนอื่นๆ รีบไปรายงานเรื่องนี้แก่พวกฟาริสี ทำให้พวกเขาหวั่นเกรงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับอํานาจของตน คายาฟาสมหาปุโรหิตกล่าวว่า "เป็นการดีกว่าที่คนคนเดียวจะตายเพื่อประชาชน แทนที่ประชาชนทั้งหมดจะตาย" เหตุการณ์นี้นำไปสู่การวางแผนการปลงพระชนม์พระเยซูโดยบรรดาผู้นำศาสนา พระเยซูทรงตระหนักถึงแผนการเหล่านี้ แต่พระองค์ไม่ได้ทรงอยู่ด้วยความกลัว แต่ทรงเตรียมพร้อมเพื่อที่จะทรงทนทุกข์ทรมานในเวลาที่ทรงกำหนด
ข้อคิด: ยอห์น 11
พระเยซูทรงรักมารีย์ มาธา และลาซารัสอย่างสุดซึ้ง ทว่าพระองค์ทรงหน่วงเหนี่ยวการเสด็จไปยังบ้านของพวกเขา โดยทรงปล่อยให้ลาซารัสตาย เพื่อจะทรงแสดงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าให้เด่นชัดยิ่งขึ้น พระองค์ทรงออกแบบสถานการณ์นี้อย่างมีจุดมุ่งหมาย เพื่อความสามารถในการชุบชีวิตลาซารัสให้ฟื้นคืนพระชนม์จะนำพระสิริมาสู่พระบิดา และเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่การตรึงกางเขนของพระองค์ พระเยซูทรงตระหนักถึงค่าใช้จ่ายมหาศาลที่เกี่ยวข้องและทรงกันแสง โดยทรงตระหนักถึงหลุมฝังศพ หิน และผ้าพันศพที่รออยู่เบื้องหน้า พระองค์ ด้วยการทรงทำให้ความตายสิ้นฤทธิ์ พระองค์ทรงจัดเวลาเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างแม่นยำ ตั้งแต่ความใกล้ชิดกับพี่น้อง ไปจนถึงชัยชนะของพระองค์เหนือความตายและหลุมฝังศพ โดยทรงเปิดเผยว่าพระองค์ทรงเป็นที่ซึ่งความชื่นชมยินดีอยู่!
คำถาม
1. เมื่อเผชิญหน้ากับความทุกข์ ความเจ็บป่วย หรือการสูญเสีย เช่นเดียวกับมารธาและมารีย์ เราจะรักษาสมดุลระหว่างการแสดงความเศร้าเสียใจและการวางใจในพระเจ้าได้อย่างไร? (คำถามนี้กระตุ้นให้พิจารณาถึงการตอบสนองต่อความยากลำบากด้วยความเชื่อและความหวัง)
2. การฟื้นคืนชีพของลาซารัสเป็นการแสดงให้เห็นถึงอำนาจของพระเยซูเหนือความตาย การตระหนักถึงอำนาจนี้ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเราอย่างไรในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับความกลัว ความไม่แน่นอน หรือความท้อแท้? (คำถามนี้กระตุ้นให้พิจารณาถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่ด้วยความหวังในชัยชนะเหนือความตาย)
ข้อคิดที่สำคัญจากพระธรรมยอห์น บทที่ 11 ซึ่งเล่าเรื่องราวการปลุกลาซารัสให้ฟื้นจากความตาย มีหลายประเด็นดังนี้ครับ:
1. พระเยซูคือการเป็นขึ้นจากความตายและเป็นชีวิต ("เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต"):
o นี่คือคำประกาศที่สำคัญที่สุดของพระเยซูในบทนี้ โดยทรงตรัสกับมารธา (ยอห์น 11:25) แสดงให้เห็นถึงอำนาจเหนือความตายและพระลักษณะแห่งความเป็นพระเจ้าของพระองค์
o การเชื่อในพระองค์ทำให้ผู้ที่ตายแล้วมีชีวิต และผู้ที่มีชีวิตอยู่และเชื่อในพระองค์จะไม่มีวันตายเลย (ฝ่ายวิญญาณ)
2. อำนาจและพระสิริของพระเจ้าจะสำแดงออกมาในความทุกข์ยากและความล่าช้า:
o พระเยซูทรงยอมให้ลาซารัสตายและทรงรอเวลาที่จะไปยังหมู่บ้านเบธานี เพื่อให้การอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าได้เกิดขึ้น (ยอห์น 11:4)
o เหตุการณ์นี้สอนว่า บางครั้งความล่าช้าของพระเจ้า (ในสายตาของมนุษย์) มีจุดประสงค์เพื่อให้พระสิริของพระเจ้าปรากฏอย่างชัดเจนที่สุด
3. ความเห็นอกเห็นใจและความเป็นมนุษย์ของพระเยซู:
o แม้จะทรงรู้ว่าพระองค์จะปลุกลาซารัสให้ฟื้นขึ้นมา แต่พระเยซูก็ทรงร้องไห้ด้วยความเห็นใจเมื่อเห็นความเศร้าโศกของมารีย์และคนอื่น ๆ (ยอห์น 11:35)
o ข้อนี้แสดงให้เห็นว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงรักและเห็นใจความเจ็บปวดและความทุกข์ของมนุษย์อย่างแท้จริง
4. ความตายเป็นเหมือนการหลับสำหรับผู้เชื่อ:
o พระเยซูทรงกล่าวถึงการตายของลาซารัสว่าเป็น "การหลับ" (ยอห์น 11:11-14) สำหรับผู้เชื่อในพระองค์ ความตายทางกายเป็นเพียงการเปลี่ยนผ่านสู่ชีวิตนิรันดร์
5. การเรียกให้กระทำในส่วนที่มนุษย์ทำได้:
o ก่อนจะทรงอธิษฐานและเรียกให้ลาซารัสออกมา พระเยซูตรัสสั่งให้ผู้คน "จงเอาศิลาออกเสีย" (ยอห์น 11:39) ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้
o ข้อนี้สอนว่า ในการทำงานของพระเจ้า บางครั้งพระองค์ก็ต้องการให้เราทำส่วนที่อยู่ในอำนาจของเราก่อน ส่วนที่เหลือที่เป็นการอัศจรรย์จะเป็นหน้าที่ของพระเจ้า
โดยสรุปแล้ว บทที่ 11 เน้นย้ำถึงความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ในฐานะผู้มีอำนาจเหนือชีวิตและความตาย และความรักอันเปี่ยมล้นของพระองค์ที่มีต่อมวลมนุษย์ที่กำลังโศกเศร้า