พระคัมภีร์อพยพมีโครงสร้างเป็นเรื่องราวสองเรื่องคู่ขนานกัน คือเรื่องราวของโมเสส และเรื่องราวของอิสราเอล

โครงสร้างวรรณกรรมพระคัมภีร์อพยพ1

เรื่องราวของโมเสสเริ่มต้นที่ฟาห์โรห์ที่สั่งฆ่าเด็กผู้ชายชาวอิสราเอล แต่พระเจ้าได้ช่วยกู้โมเสสให้รอดออกมาจากน้ำ โดยที่แม่น้ำนั้นมีต้นกก และพี่สาวของโมเสสยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โมเสสออกจากประเทศอียิปต์ และเดินทางอยู่ในถิ่นทุรกันดารมีเดียนอยู่เป็นเวลาสี่สิบปี ก่อนที่พระเจ้าจะนำโมเสสไปพบกับพระองค์ที่พุ่มไม้ติดไฟ บนภูเขาโฮเรบ ณ ที่นั่น พระเจ้าได้เปิดเผยตัวตนของพระองค์ให้โมเสสรู้จัก และมอบพันธกิจกับโมเสสให้กลับไปนำชนชาติอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์

เรื่องราวของอิสราเอลเริ่มต้นที่ฟาห์โรห์ที่กดขี่ ให้อิสราเอลทำงานหนัก แต่พระเจ้าได้ส่งภัยพิบัติมายังแผ่นดินนั้น และได้ช่วยกู้อิสราเอลให้รอดออกมาจากน้ำ โดยทะเลแดงนั้น มีชื่อในภาษาฮีบรูว่าทะเลแห่งต้นกก และพี่สาวของโมเสสยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน อิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ และพระเจ้าได้นำอิสราเอลเดินไปในถิ่นทุรกันดาร ก่อนที่พระเจ้าจะนำชนชาตินี้ไปพบกับพระองค์ที่ภูเขาซีนาย (ซึ่งเป็นอีกชื่อหนึ่งของภูเขาโฮเรบ) ณ ที่นั่น พระเจ้าได้ทำพันธสัญญาที่ซีนาย และเปิดเผยตัวตนของพระองค์ให้อิสราเอลได้รู้จัก ผ่านธรรมบัญญัติของพระเจ้า และพระองค์มอบพันธกิจกับอิสราเอล ให้เป็นชนชาติปุโรหิตและชนชาติบริสุทธิ์ เพื่อเป็นตัวแทนของพระองค์ในการนำชนชาติอื่นๆ ให้ได้รู้จักกับพระเจ้า

โดยทั้งสองเรื่องราวนี้ มีประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งคือพระยาห์เวห์สัญญาว่า พระองค์จะสถิตย์อยู่กับโมเสสและอิสราเอลในทุกที่ ที่พวกเขาเดินทางไป พระยาห์เวห์ได้มอบแบบพิมพ์ในการสร้างเต็นท์นัดพบ (ซึ่งต่อมาถูกใช้เป็นแบบในการสร้างพระวิหาร) และอิสราเอลได้สร้างเต็นท์นี้สำเร็จ 

เมื่อพวกเขาสร้างเต็นท์นัดพบสำเร็จ พระสิริของพระยาห์เวห์ได้ลงมาอยู่ท่ามกลางชุมชนของพระองค์ ณ จุดนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าที่ได้ขาดออกตั้งแต่ปฐมกาลบทที่ 3 ได้เริ่มต้นกลับมาเป็นจริงในตอนจบของพระธรรมอพยพ  แต่ทว่าในตอนจบของพระธรรมอพยพ ปรากฏว่าโมเสสไม่สามารถเข้าไปในเต็นท์ได้หลังจากพระสิริของพระยาห์เวห์ลงมาอยู่ในเต็นท์  เป็นการจบแบบหักมุม และผู้อ่านจะติดตามตอนต่อไป ว่ามนุษย์ต้องทำอย่างไร ถึงจะสามารถเข้าสู่บ้านของพระเจ้าได้ในพระคัมภีร์เล่มต่อมา คือพระคัมภีร์เลวีนิตินั่นเอง

เรื่องราวชีวิตคริสเตียน

ถ้าเรื่องราวของโมเสสเป็นเหมือนเงาที่ชี้ไปที่พระเยซูคริสต์ เราจะเห็นได้เช่นกันว่าเรื่องราวของอิสราเอลเป็นเหมือนเงาที่ชี้ไปที่คริสเตียนที่เป็นเหมือนอิสราเอลใหม่ 

ในจดหมายฝาก 1 โครินท์ เปาโลได้เขียนจดหมายไปถึงคริสตจักรที่อยู่ในอาณาจักรกรีก โรมัน และจดหมายของเปาโลส่งไปยังพี่น้องคริสเตียนที่เป็นคนต่างชาติ (ไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากยิว) และเปาโลกล่าวไว้ดังนี้

'พี่น้องทั้งหลาย เพราะว่าข้าพเจ้าต้องการให้ท่านทั้งหลายเข้าใจว่า บรรพบุรุษของเราทั้งหมดได้อยู่ใต้เมฆ และได้ผ่านทะเล ไปทุกคน ได้รับบัพติศมาในเมฆและในทะเลเข้าสนิทกับโมเสสทุกคน ได้รับประทานอาหารฝ่ายจิตวิญญาณเดียวกันทุกคน และได้ดื่มน้ำฝ่ายจิตวิญญาณเดียวกันทุกคน เพราะว่าพวกเขาได้ดื่มจากพระศิลาฝ่ายจิตวิญญาณที่ติดตามเขาไป พระศิลานั้นคือพระคริสต์ แต่ถึงกระนั้นก็ดีมีคนส่วนมากในพวกนั้นที่พระเจ้าไม่พอพระทัย เราทราบได้จากที่เขาล้มตายกันเกลื่อนกลาดในถิ่นทุรกันดาร เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจเราไม่ให้ปรารถนาสิ่งชั่วเหมือนเขาทั้งหลาย '

1 โครินธ์ 10:1-6 (THSV11)

แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เปาโลพูดถึงคือเหตุการณ์ที่บันทึกไว้ในพระธรรมอพยพ แต่น่าสนใจมากว่าเปาโลใช้คำว่าบรรพบุรุษของเรา ทั้งๆ ที่โมเสสและอิสราเอลไม่ได้เป็นบรรพบุรุษของชาวกรีกและโรมันทางสายเลือด สิ่งนี้ยืนยันให้เห็นว่าเปาโลก็เห็นเช่นกันว่าอิสราเอลนั้น เป็นเงานที่เล็งไปถึงอิสราเอลใหม่ คือคริสตจักรของพระเยซูคริสต์

แต่เหตุการณ์ในอพยพมาเกี่ยวข้องอย่างไรกับคริสเตียนในสมัยนี้ ถ้าเราสังเกตุให้ดี จะเห็นได้ว่าเรื่องราวของอิสราเอลนั้น เป็นเงาที่ชี้ไปถึงเรื่องราวของชีวิตคริสเตียน

  มนุษย์ทุกคนเริ่มต้นจากการเป็นทาสของความบาป แต่ด้วยพระคุณพระเจ้า พระองค์ได้ช่วยกู้เราออกมาจากความบาป ที่พระเจ้าจะพิพากษา แต่พระองค์ให้ทางออกแก่มนุษย์ที่เชื่อวางใจ เข้าไปอยู่ในบ้านที่มีเลือดแกะที่ไม่มีตำหนิทาอยู่ที่ประตู เมื่อพระเจ้านำเราออกจากความบาป พระเจ้าให้เราได้บังเกิดใหม่รับบัพติสมาในน้ำ ชีวิตเก่าตายและฝังไว้ในทะเล และมีชีวิตใหม่ขึ้นมาจากน้ำ แต่พระเจ้าไม่นำเราเข้าสู่ดินแดนพันธสัญญาทันที พระองค์ให้เราอาศัยอยู่ในโลกนี้ เปรียบเสมือนกับการเดินในถิ่นทุรกันดาร และพระเจ้ามอบพันธกิจให้กับเรา ให้สั่งสอนคนทุกชาติให้เป็นสาวก เหมือนกับการสร้างพระวิหารของพระองค์ ซึ่งมีแบบพิมพ์ที่พระองค์เองเป็นศิลามุมเอก และผู้เชื่อแต่ละคนเหมือนหินแต่ละก้อนที่จะรวมกันก่อร่างขึ้นเป็นที่สถิตย์อยู่ของพระเจ้า และพระองค์จะสถิตย์กับเราในทุกๆที่ ที่เราไป จนกว่าจะสิ้นยุคนี้ คือเข้าสู่ยุคใหม่ คือการที่เราจะได้เข้าสู่ดินแดนพันธสัญญา คือสววรค์และโลกที่พระเจ้าจะสร้างขึ้นใหม่

พระคัมภีร์ได้ให้ภาพของชีวิตคริสเตียนเจ็ดขั้นตอนคือ

  1. ชีวิตที่ตกเป็นทาสของความบาป
  2. การช่วยกู้ของพระเจ้าออกมาจากบาป
  3. การบังเกิดใหม่
  4. การเดินในถิ่นทุรกันดาร
  5. การได้พบ รู้จัก และมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า
  6. การร่วมกันสร้างพระวิหารของพระเจ้า
  7. การเข้าสู่ดินแดนคานาอัน

ดังนั้นพระคัมภีร์อพยพจึงไม่เป็นเพียงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของโมเสสและประเทศอิสราเอล แต่เป็นเรื่องราวของพระเยซูคริสต์และชีวิตของเราคริสเตียนทุกคน  พระคัมภีร์อพยพจะสอนเราให้เข้าใจความหมายของความบาป การช่วยกู้ของพระเจ้า ความรอด การบังเกิดใหม่ พิธีมหาสนิท พิธีบับติสมา การทดสอบในถิ่นทุรกันดาร ธรรมบัญญัติ พระวิหารของพระเจ้า และพระลักษณะของพระเจ้ามากมาย และเราจะเริ่มต้นดูอพยพบทที่ 1 ในตอนถัดไป  ขั้นตอนเจ็ดขั้นนี้ จะช่วยให้เราติดตามเรื่องราวที่เรากำลังศึกษาได้ว่าอยู่ในขั้นตอนไหน เพื่อให้เราติดตามภาพใหญ่ และตั้งคำถามได้ดีขึ้นเมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์อพยพต่อไป

 

Footnote:
1.  Carmen Imes, Exodus Bible Project Classroom https://bibleproject.com/classroom/exodus-overview-carmen-imes/