ตอนที่แล้วเราได้เห็นแผนการของฟาโรห์ในการต่อต้านพระเจ้า แผนแรกคือการใช้งานอิสราเอลอย่างหนักและให้สร้างเมืองคลังหลวง แต่ยิ่งใช้งานหนัก อิสราเอลกลับยิ่งแพร่กระจาย เพิ่มปริมาณขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว ฟาโรห์เลยเริ่มต้นแผนสองในพระคัมภีร์ตอนนี้

แผนสอง - ให้นางผดุงครรภ์ฆ่าบุตรชายฮีบรู

'กษัตริย์อียิปต์มีรับสั่งแก่นางผดุงครรภ์ชาวฮีบรูคนหนึ่งชื่อชิฟราห์ อีกคนหนึ่งชื่อปูอาห์ ว่า “เมื่อเจ้าไปทำคลอดให้หญิงฮีบรูและเห็นเด็กคลอด ถ้าเป็นเด็กชายก็ให้ฆ่าเสีย ถ้าเป็นเด็กหญิงก็ให้ไว้ชีวิต” แต่นางผดุงครรภ์ยำเกรงพระเจ้า จึงไม่ได้ทำตามพระบัญชาของกษัตริย์อียิปต์ ปล่อยให้เด็กชายรอดชีวิต กษัตริย์อียิปต์จึงมีรับสั่งให้นางผดุงครรภ์เข้าเฝ้า ตรัสว่า “ทำไมพวกเจ้าจึงทำอย่างนี้? ที่ปล่อยให้เด็กชายรอดชีวิต” นางผดุงครรภ์จึงทูลฟาโรห์ว่า “เพราะหญิงฮีบรูไม่เหมือนหญิงอียิปต์ พวกนางแข็งแรงจึงคลอดบุตรก่อนที่นางผดุงครรภ์จะไปถึง” พระเจ้าจึงทรงดีต่อนางผดุงครรภ์นั้น คนอิสราเอลยิ่งทวีขึ้น และมีกำลังเข้มแข็งมาก เพราะนางผดุงครรภ์นั้นยำเกรงพระเจ้า พระองค์จึงโปรดให้พวกนางมีครอบครัว '
อพยพ 1:15-21

นางผดุงครรภ์ (เรียกง่ายๆ ว่าหมอตำแย) มีหน้าที่ช่วยเหลือแม่ให้สามารถคลอดลูกได้เริ่มชีวิตอย่างปลอดภัย แต่ฟาโรห์กลับใช้นางผดุงครรภ์ให้จบชีวิตของเด็กชายที่เกิดขึ้น นี่เป็นภาพของบาปอีกด้านหนึ่ง ที่สามารถใช้สิ่งที่ดีไปในทางที่ชั่วร้ายได้

ทำไมถึงต้องฆ่าเด็กผู้ชาย แต่ถ้าเป็นเด็กหญิงก็ให้ไว้ชีวิต?  อาจจะเป็นเพราะว่าฟาโรห์มองเห็นว่าผู้ชายมีความแข็งแรงมากกว่า สามารถโตขึ้นมาเป็นทหาร ผู้นำ และผู้ปกครองในสังคม และจะมีความสามารถต่อต้านฟาโรห์ได้มากกว่าผู้หญิงซึ่งจะอ่อนแอกว่าผู้ชาย 

ฟาโรห์เป็นกษัตริย์ที่มีอำนาจในแผ่นดิน ถ้าใครไม่ทำตาม ฟาโรห์น่าจะมีอำนาจลงโทษได้ ดังนั้นนางผดุงครรภ์จึงอยู่ในสถาณการณ์ที่จำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะทำตามที่ฟาโรห์สั่ง หรือเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตของเด็กชายเหล่านี้ 

พระคัมภีร์เน้นถึงสองครั้งในตอนนี้ ถึงการที่นางผดุงครรภ์ยำเกรงพระเจ้า และความยำเกรงพระเจ้านี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของสติปัญญา (สภษ 1:7) และในพระคัมภีร์คำว่าสติปัญญาคือการรู้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว (1พกษ 3:9-12) พวกเขาตัดสินใจปล่อยให้เด็กชายมีชีวิตรอดและหาเหตุผลมาตอบโต้กับฟาโรห์ได้ ถ้าเมื่อไหร่เราอยู่ในสถาณการณ์เหมือนนางผดุงครรภ์ ขอให้เราอธิษฐานขอสติปัญญาจากพระเจ้า ผู้ที่จะให้ประทานให้อย่างไม่ขาดเลย (ยก 1:5

ฮีโร่ตัวจริง

ในบทความก่อนหน้าได้เกริ่นไว้ถึงผู้เขียนอพยพที่ให้ความสำคัญกับ "ชื่อ" เป็นอย่างมาก ในพระคัมภีร์ตอนนี้ เราได้รู้จักชื่อนางผดุงครรภ์ทั้งสองคน คือชิฟราห์กับปูอาห์ แต่พระคัมภีร์กลับไม่ได้บันทึกชื่อของฟาโรห์เอาไว้ (คำว่าฟาโรห์เป็นตำแหน่ง เหมือนคำว่าพระราชาหรือนายกรัฐมนตรี)

พระคัมภีร์ให้เกียรติกับนางผดุงครรภ์ ถึงขนาดที่บันทึกชื่อเอาไว้ แต่ไม่ได้ให้เกียรติกับฟาโรห์

ถ้าเราดูต่อไป เราจะเห็นเหตุการณ์ที่แม่โมเสสปกป้องดูแลเด็กน้อยด้วยความเชื่อ (ฮบ 11:23) และธิดาของฟาโรห์ พี่สาวของโมเสส และสาวใช้มีส่วนร่วมในการช่วยกู้ของพระเจ้า

ชิฟราห์, ปูอาห์, แม่โมเสส, พี่สาวโมเสส, ลูกสาวฟาโรห์ และ สาวใช้ของฟาโรห์ ... พวกเขาเหมือนกันอย่างไร

ใช่แล้ว พวกเธอล้วนเป็นผู้หญิง!  ในขณะที่ฟาโรห์ตามฆ่าเด็กผู้ชาย เพราะคิดว่าผู้ชายที่ดูแข็งแรง ตัวโตกว่า มีกำลังมากกว่านี่แหละ ที่จะเป็นปัญหากับอียิปต์ แต่เปล่าเลย ในแผนการของพระเจ้า พระองค์กลับเลือกใช้เหล่าผู้หญิงที่ในสายตาของมนุษย์ เหมือนว่าจะอ่อนแอกว่า ตัวเล็กกว่า มีกำลังน้อยกว่า มาเป็นผู้อุปถัมภ์ให้กับผู้ชาย (ปฐก 2:18) ต่อสู้กับความชั่วร้ายของฟาโรห์และช่วยกู้เด็กผู้ชายที่กำลังเกิดมา

ฮีโร่ตัวจริงเหล่านี้ ไม่ได้ทำสิ่งอัศจรรย์ใดๆ ที่ยิ่งใหญ่เกินเลยขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบของเขาเลย พวกเขาเพียงแต่ยำเกรงพระเจ้าและดำเนินชีวิตด้วยสติปัญญาจากพระเจ้า และกล้าที่จะตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้องภายในขอบเขตของเขา

สิ่งนี้สอนให้เราเห็นว่าพระเจ้าใช้วิธีใดจัดการกับความชั่วร้ายในเหตุการณ์นี้ เราได้เห็นการดลบันดาลและการจัดเตรียมของพระเจ้า (God's providence) ที่ไม่ได้มีฟ้าผ่า ฟ้าแลบ ลงมาจากสวรรค์ ไม่ได้มีการอัศจรรย์ใดๆ ที่ดูตื่นตาตื่นใจ แต่พระองค์ใช้คนที่เหมือนว่าจะต่ำต้อยกว่า อ่อนแอกว่า ร้อยเรียงเหตุการณ์ต่างๆเข้าด้วยกันอย่างน่าอัศจรรย์ และเราได้เห็นพระสิริที่แท้จริงของพระเจ้า นี่คือพระลักษณะของพระยาห์เวห์ที่ทำให้พระองค์แตกต่าง (Holy) ไม่เหมือนพระอื่นๆ ใดในโลกนี้

การทำงานและการรับใช้ในคริสตจักรก็เป็นเช่นเดียวกัน เราควรให้ความสำคัญกับคนที่ดูเหมือนจะอ่อนแอ และต่ำต้อย ให้โอกาสกับทุกๆ คนในการมีส่วนร่วมในงานรับใช้ และมั่นใจในการจัดเตรียมของพระเจ้า พึ่งพิงพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้มากขึ้น แม้สิ่งที่เราทำได้จะดูเหมือนเล็กน้อย แต่ให้เราทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุด แล้วพระเจ้าจะอวยพรให้เกิดผลตามพระทัยของพระองค์ และรู้ว่าเมื่อทำเช่นนี้ คนภายนอกจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าและได้สัมผัสถึงความแตกต่างของพระยาห์เวห์อย่างแท้จริง ขอให้เรารู้ไว้เสมอว่าพระเจ้าให้เกียรติคนที่ถ่อมใจอยู่เสมอ (สดด 138:6, สภษ 3:34, สภษ 29:23มธ 23:12, ลก 1:52 และ ยก 4:6)