เรื่องย่อ
โยบระลึกถึงช่วงเวลาในอดีตที่เขาประสบความสำเร็จ เขาพูดถึงความมั่งคั่ง เกียรติยศ และอิทธิพลที่มีอยู่ เขาได้รับความเคารพ ความรัก และความไว้วางใจจากผู้คนรอบข้าง และได้ทำความดี ช่วยเหลือคนยากจนและผู้ตกทุกข์ได้ยาก
โยบภาคภูมิใจในความดี ความซื่อสัตย์ และความชอบธรรมของตนเอง เขาใช้ความทรงจำเหล่านี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนไม่สมควรได้รับความทุกข์ทรมานเช่นนี้ เขายืนยันว่าเขาไม่เคยทำบาป เช่น ไม่เคยละเลยคนยากจน บูชาเทพเจ้าอื่น หรือทำในสิ่งที่ไม่ดี เขาย้ำถึงความซื่อสัตย์และการยึดมั่นในหลักศีลธรรม
โยบมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตน และท้าทายให้คนอื่นพิสูจน์ว่าตนมีความผิด เขาประกาศว่าพระเจ้าทรงรู้ถึงความบริสุทธิ์ของเขา และขอให้พระเจ้าทรงพิพากษาเขาอย่างยุติธรรม การย้อนอดีตของโยบและการยืนยันความบริสุทธิ์แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตนเอง เขาหวังว่าพระเจ้าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาและแสดงความยุติธรรมในที่สุด
วันนี้ โยบยังคงพูดต่อจากเมื่อวาน เขาบอกว่าเขาคิดถึงอดีต โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า เขาจำได้ถึงช่วงเวลาที่เขารู้สึกเหมือนมีมิตรภาพกับพระเจ้า เขากล่าวว่า “มิตรภาพของพระเจ้าอยู่ในบ้านของฉัน” โยบรู้ว่าการรู้จักใครสักคนกับการมีมิตรภาพนั้นแตกต่างกันมาก
โยบยังรู้สึกเสียใจเกี่ยวกับชื่อเสียงที่เสียไป ผู้คนเคยเคารพเขาและฟังความคิดเห็นของเขา แต่ตอนนี้กลับคิดว่าเขาเป็นคนโง่ ความจริงแล้ว ความฉลาดของเขายังคงอยู่ แต่ผู้คนประเมินเขาตามสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญ
ก่อนหน้านี้ เพื่อนของโยบเคยกล่าวหาว่าเขาทำร้ายคนจน แต่โยบบอกว่าเขาได้ช่วยเหลือคนยากจนและต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ตอนนี้ เพื่อนของเขากลับไม่ช่วยและถึงกับต่อต้านเขา เรารู้ว่าพระเจ้าทรงรู้ความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ของโยบ จากบทแรกของหนังสือ เราทราบว่าเพื่อนของเขาคิดผิด
โยบตกอยู่ในความสิ้นหวัง เขายอมรับว่าพระเจ้าทรงรับผิดชอบต่อสถานการณ์ที่เขาเผชิญ พระเจ้าอาจไม่ใช่ผู้กระทำ แต่พระองค์ยังคงทรงมีอำนาจเหนือเหตุการณ์เหล่านั้น โยบเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับพระเจ้า เขาพูดว่า “พระองค์โหดร้ายกับข้าพเจ้า”
แม้ว่าโยบจะเป็นคนดี แต่ในใจเขาก็เริ่มมีความหยิ่งและรู้สึกมีสิทธิ์ พระเจ้าทรงใช้การทดลองนี้เพื่อเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจของโยบ ซึ่งเขาไม่สามารถรู้ได้จากที่อื่น ความคิดของเขากำลังจะชัดเจนขึ้น และเรากำลังเข้าใกล้จุดสำคัญในเรื่อง
พระเจ้าทรงรักโยบ และไม่ต้องการให้โยบเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระองค์ เช่นเดียวกับที่โยบต้องการให้เพื่อนเข้าใจความจริง พระเจ้าต้องการให้โยบเห็นความจริง เพื่อที่เขาจะไม่เชื่อคำโกหกเกี่ยวกับพระองค์อีกต่อไป พระเจ้าอยู่เสมอในกระบวนการเปิดเผยพระองค์ให้กับลูกๆ ของพระองค์
ข้อคิด: โยบ 29-31
โยบมองว่าพระเจ้าเป็นเพื่อนของเขา แม้ว่าในตอนนั้นเขาจะรู้สึกว่าไม่ใกล้ชิดกับพระเจ้า แต่เขาก็รู้สึกดีที่สามารถมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับพระองค์ มิตรภาพไม่ใช่แค่การรู้จักกัน แต่คือการไว้วางใจในกันและกัน คุณมักจะไว้วางใจคนที่คุณรู้จักดี และคนที่คุณใช้เวลาด้วย
เราควรพยายามรู้จักพระเจ้าและสร้างความไว้วางใจในพระองค์ให้มากขึ้น เพื่อที่ความเป็นเพื่อนกับพระเจ้าของเราจะเติบโตและลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ พระองค์คือแหล่งความชื่นบานในชีวิตเรา!
คำถาม
- ความหมายของชีวิตที่ประสบความสำเร็จ: โยบระลึกถึงชีวิตที่ประสบความสำเร็จในอดีตของเขา นี่ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความหมายของชีวิตที่ประสบความสำเร็จ ความสำเร็จที่แท้จริงคืออะไร? การมีทรัพย์สิน ชื่อเสียง หรืออำนาจ หรือมีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่า? การประสบความสำเร็จในอดีตมีผลต่อการมองชีวิตในปัจจุบันอย่างไร?
- การยอมรับความเปลี่ยนแปลงในชีวิต: การเปรียบเทียบชีวิตในอดีตและปัจจุบันของโยบ แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิต เราควรยอมรับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างไร? และการเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงมีความสำคัญอย่างไร?
มิตรภาพในพระคริสต์: พันธะที่ยั่งยืนกว่า
มิตรภาพในพระคริสต์ คือความสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่างผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ เป็นมิตรภาพที่ก่อร่างสร้างขึ้นบนพื้นฐานของความรัก ความเชื่อ และการติดตามพระเยซูร่วมกัน มันเป็นมากกว่ามิตรภาพทั่วไป เพราะมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เป็นเหมือนครอบครัวทางวิญญาณที่คอยสนับสนุนและเติบโตไปด้วยกัน
มิตรภาพในพระคริสต์แตกต่างจากมิตรภาพทั่วไปอย่างไร?
- มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง: ความเชื่อในพระเยซูคริสต์เป็นรากฐานที่ทำให้มิตรภาพนี้แข็งแกร่งขึ้น
- ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข: มิตรภาพในพระคริสต์เป็นความรักที่ให้อภัยและเข้าใจซึ่งกันและกันเสมอ
- การเติบโตทางวิญญาณร่วมกัน: เพื่อนร่วมความเชื่อจะคอยกระตุ้นและสนับสนุนให้เราเติบโตในความเชื่อ
- การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน: เมื่อมีปัญหาหรืออุปสรรค เพื่อนร่วมความเชื่อจะคอยให้กำลังใจและช่วยเหลือกัน
- ความสามัคคี: รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันในฐานะครอบครัวของพระเจ้า
ทำไมมิตรภาพในพระคริสต์จึงสำคัญ?
- ให้กำลังใจ: ในยามที่เราอ่อนแอหรือท้อแท้ เพื่อนร่วมความเชื่อจะเป็นกำลังใจให้เรา
- ช่วยให้เราเติบโต: เพื่อนร่วมความเชื่อจะช่วยให้เราเข้าใจพระคัมภีร์และดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้ดียิ่งขึ้น
- สร้างความสุข: การได้ใช้เวลาร่วมกันกับเพื่อนร่วมความเชื่อทำให้เรารู้สึกมีความสุขและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน
- เตรียมพร้อมสำหรับอนาคต: มิตรภาพในพระคริสต์จะติดตามเราไปตลอดกาล
เราจะสร้างและรักษามิตรภาพในพระคริสต์ได้อย่างไร?
- เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา: เช่น การไปโบสถ์ การเข้าร่วมกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์
- อธิษฐานร่วมกัน: การอธิษฐานร่วมกันจะช่วยให้เราเชื่อมโยงกันในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
- ช่วยเหลือกัน: เมื่อเพื่อนร่วมความเชื่อมีปัญหา ให้เราพร้อมที่จะช่วยเหลือ
- ให้อภัย: ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ การให้อภัยเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์
- ฉลองชัยชนะร่วมกัน: เมื่อเพื่อนร่วมความเชื่อประสบความสำเร็จ ให้เราร่วมกันเฉลิมฉลอง
มิตรภาพในพระคริสต์เป็นของขวัญอันล้ำค่าที่พระเจ้าประทานให้แก่เรา การมีเพื่อนร่วมความเชื่อจะช่วยให้เราดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้าได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น