Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
โยบ 24

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
โยบ 25

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
โยบ 26

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
โยบ 27

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
โยบ 28

เรื่องย่อ

โยบตั้งข้อกล่าวหาต่อคนที่ทำความชั่วร้ายและไม่ถูกลงโทษ เขาเล่าถึงความอยุติธรรมในโลก โดยเฉพาะกับคนยากจนและคนอ่อนแอ โยบตั้งคำถามถึงความยุติธรรมของพระเจ้า ว่าทำไมพระเจ้าถึงปล่อยให้คนชั่วทำบาปได้โดยไม่ต้องรับโทษ เขาเปรียบเทียบความอยุติธรรมกับความมืดและความชั่วร้ายที่ครอบคลุมทุกสิ่ง

เขาสะท้อนถึงความยากลำบากของผู้ที่ถูกกดขี่และความสิ้นหวังของผู้ถูกทอดทิ้ง โยบพูดถึงความยากในการค้นหาความยุติธรรมและการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน เขาเปรียบเทียบค่าของปัญญากับทองคำ เงิน และอัญมณี เน้นย้ำว่าปัญญาเป็นสิ่งสำคัญในการเข้าใจพระเจ้าและโลก

เขามีความปรารถนาที่จะเข้าใจพระเจ้าและค้นหาความหมายในชีวิต แม้จะเจออุปสรรคในการเข้าใจความยุติธรรมของพระองค์ เขายังคงหวังว่าจะค้นพบความจริงและเข้าใจแผนการของพระเจ้า โยบแสดงให้เห็นถึงความฉลาดและความเข้าใจในความซับซ้อนของชีวิต และความยากลำบากในการค้นหาความยุติธรรม แม้ในช่วงเวลาที่เขารู้สึกท้อแท้ก็ตาม 

 

วันนี้ โยบตอบคำพูดของเอลีฟาซอีกครั้ง โดยชี้ให้เห็นว่าบางครั้งคนชั่วกลับมีชีวิตที่ดี ในขณะที่คนดีต้องประสบกับความเลวร้าย เขาอาจฟังดูบ่น แต่ในความเป็นจริง เขากำลังปลอบใจตัวเอง และยืนยันว่าความทุกข์ของเขาไม่ได้ทำให้เขาเป็นคนไม่ดีในสายตาพระเจ้า โยบพยายามให้เพื่อนๆ เข้าใจในเรื่องนี้ด้วย

โยบเตือนเราว่าถ้าเราเชื่อตามเหตุผลที่เพื่อนของเขาบอก เราอาจคิดว่าคนที่มีสุขภาพดีและร่ำรวยคือคนดี ขณะที่คนจนและป่วยคือคนเลว ความเชื่อนี้อันตรายมาก เพราะเมื่อเกิดภัยพิบัติ เช่น ไฟไหม้หรือน้ำท่วม บางคนมักพูดว่ามันเป็นการลงโทษจากพระเจ้า ในขณะที่เราเองไม่มีข้อมูลว่าพระเจ้าคิดอย่างไร

บิลดัดตอบโต้โยบ โดยบอกว่าโยบไม่ใช่คนดี และไม่มีใครจะเป็นคนดีได้ตลอดเวลา แม้ว่าเราจะไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่พระเจ้าสามารถประกาศให้เราเป็นคนดีได้ ซึ่งไม่นับตามการกระทำของเรา แต่ตามความสำเร็จของพระคริสต์ เมื่อเราเป็นลูกของพระเจ้า พระองค์ก็ประกาศว่าเราดี แม้ว่าจะมีบาปก็ตาม

โยบเคารพในความอัศจรรย์ของพระเจ้า ซึ่งเพื่อนๆ ของเขาไม่เข้าใจ เขาอธิบายว่าพระเจ้าทรงมีอำนาจมาก และแม้จะไม่รู้ตัว โยบยังมั่นใจในความบริสุทธิ์ของจิตใจตน และไม่รู้สึกสำนึกผิดเช่นกัน เขารู้ว่าการทดลองที่เขาเผชิญไม่ใช่การลงโทษจากพระเจ้า

แม้จะเจอวิกฤต โยบก็ยังมองว่าพระเจ้าคือแหล่งปัญญา และชี้ให้เห็นว่าการยำเกรงพระเจ้าเป็นความรู้ที่แท้จริง คำพูดของเขายังสัมพันธ์กับคำสอนของซาโลมอน ซึ่งแสดงถึงความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าของโยบเอง

 

ข้อคิด: โยบ 24-28

พระเจ้าเป็นแหล่งปัญญาที่แท้จริง เมื่อเรามองหาพระองค์และอ่านพระวจนะของพระองค์ทุกวัน เราจะสามารถเข้าถึงปัญญานั้นได้ แม้ว่าคุณอาจรู้สึกว่ารู้จักพระเจ้าเพียงน้อยนิด แต่การตระหนักถึงเรื่องนี้เองก็เป็นการใช้ปัญญาแล้ว เมื่อคุณอ่านพระวจนะของพระองค์ทุกวัน คุณก็จะเติบโตในปัญญาอย่างต่อเนื่อง พระเจ้าได้สัญญาว่าผู้ที่แสวงหาพระองค์ด้วยสุดหัวใจจะได้พบพระองค์

ข่าวดีคือ พระเจ้าไม่ได้มีแค่ปัญญาเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีด้วย!

 

คำถาม

  • ความอยุติธรรมทางสังคมและการแสวงหาความยุติธรรม: โยบ บทที่ 24 แสดงให้เห็นถึงการกดขี่ข่มเหง ความยากจน และการละเมิดสิทธิ์มนุษย์ นี่เป็นปัญหาสำคัญในสังคมปัจจุบัน เราควรจัดการกับความอยุติธรรมทางสังคมอย่างไร? บทบาทของรัฐบาล องค์กร และบุคคลควรเป็นอย่างไรในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม? มีวิธีการใดบ้างที่จะสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเท่าเทียมกัน? และเราควรให้ความสำคัญกับความยุติธรรมแบบใด?
  • ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าและความจำกัดของมนุษย์: บทที่ 25-28 แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความลึกลับของพระเจ้า และความจำกัดของมนุษย์ในการเข้าใจพระองค์ เราควรยอมรับความจำกัดของตนเองอย่างไร? และอย่างไรจึงจะสามารถอยู่ร่วมกับความไม่แน่นอนและความลึกลับของชีวิต?

 

 

ปัญญาในทางของคริสเตียน: มากกว่าความรู้ แต่คือการดำเนินชีวิต

ปัญญา ในทางของคริสเตียนนั้นลึกซึ้งกว่าเพียงแค่ความรู้หรือความฉลาดทางโลก มันคือการประยุกต์ใช้ความรู้ ความเข้าใจ และความเชื่อในพระเจ้าเพื่อดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญาและสร้างสรรค์

ปัญญา คือ ของประทานจากพระเจ้า

  • พระเจ้าทรงเป็นแหล่งที่มาของปัญญา: พระคัมภีร์สอนว่าปัญญาทั้งหมดมาจากพระเจ้า (สุภาษิต 2:6)
  • พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ทรงนำ: พระองค์ทรงประทานปัญญาและความเข้าใจแก่ผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์

ลักษณะของปัญญาในทางคริสเตียน

  • การยำเกรงพระเจ้า: ปัญญาเริ่มต้นจากการเคารพและยำเกรงพระเจ้า
  • การเข้าใจพระวจนะ: การศึกษาพระคัมภีร์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เรามีปัญญาในการดำเนินชีวิต
  • การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน: ปัญญาไม่ใช่แค่ความรู้ทฤษฎี แต่คือการนำไปใช้ในชีวิตจริง
  • การเติบโตอย่างต่อเนื่อง: ปัญญาเป็นสิ่งที่เติบโตได้ตลอดเวลาด้วยการเรียนรู้และประสบการณ์

ปัญญาช่วยให้เรา

  • ตัดสินใจได้ถูกต้อง: เมื่อเผชิญกับทางเลือกต่างๆ ปัญญาจะช่วยให้เราเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
  • แก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ: ปัญญาช่วยให้เรามองเห็นปัญหาจากหลายมุมและหาทางออกที่ดีที่สุด
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: ปัญญาช่วยให้เราเข้าใจผู้อื่นและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
  • ดำเนินชีวิตที่มีความหมาย: ปัญญาช่วยให้เรามีเป้าหมายในชีวิตและดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข

วิธีการเพิ่มปัญญา

  • อธิษฐานขอปัญญาจากพระเจ้า: พระองค์ทรงเต็มใจที่จะประทานปัญญาให้แก่ผู้ที่ขอ
  • ศึกษาพระคัมภีร์: พระคัมภีร์เป็นแหล่งความรู้และปัญญาที่สำคัญที่สุด
  • เข้าร่วมกิจกรรมคริสตจักร: การนมัสการและการเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นจะช่วยให้เราเติบโตในปัญญา
  • ฝึกฝนการคิดวิเคราะห์: การฝึกคิดวิเคราะห์จะช่วยให้เราพัฒนาความสามารถในการตัดสินใจและแก้ปัญหา
  • ปฏิบัติตามสิ่งที่เรียนรู้: การนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริงจะช่วยให้ปัญญาของเราเติบโตขึ้น

ปัญญาในทางของคริสเตียนไม่ใช่แค่ความรู้ทางโลก แต่เป็นของประทานจากพระเจ้าที่ช่วยให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีสติปัญญาและสร้างสรรค์ การแสวงหาปัญญาเป็นการเดินทางตลอดชีวิต และเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแก่การลงทุน