Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 3

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 4

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 12

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 13

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 28

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 55

เรื่องย่อ

พระธรรมสดุดี 3-4; 12-13; 28; 55 ถ่ายทอดภาพของความไว้ใจในพระเจ้าท่ามกลางความทุกข์ยากและความวุ่นวายรอบตัว พระผู้ปกป้องและช่วยเหลือของผู้ไว้วางใจในพระองค์ ทำให้จิตใจสงบและมั่นคง แม้ในช่วงเวลาที่ทำให้สิ้นหวัง พระเจ้าก็ยิ่งใหญ่และยืนหยัดอยู่เคียงข้างเสมอ เช่นเดียวกับคนที่เรียกร้องความช่วยเหลือและยึดมั่นในพระองค์อย่างมั่นคง สุดท้าย เรื่องราวนี้เป็นการเน้นความศรัทธาที่ไม่หวั่นไหวต่อความทุกข์และอุปสรรค เพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกถึงความอ่อนน้อมและเชื่อมั่นในพระองค์อย่างมั่นคง

 

ดาวิดเขียนสดุดีบทที่ 3 เมื่อเขาต้องหนีจากกรุงเยรูซาเล็มเนื่องจากการก่อรัฐประหารของอับซาโลม ผู้คนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยนำก็หันมาพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับจิตวิญญาณของเขา โดยกล่าวว่าเขาคงไม่มีทางได้รับความช่วยเหลืออีกแล้ว การกระทำนี้ไม่เพียงทำร้ายจิตใจดาวิด แต่มันยังเป็นการดูหมิ่นลักษณะนิสัยของพระเจ้าที่ทรงเป็นองค์แห่งการช่วยเหลือ แม้จะเป็นคนชั่วร้ายหรือเลวทรามเพียงใด พระเจ้ายังคงมีความเมตตาและให้อภัย ดาวิดอาจไม่ทราบว่ามีคนหันหลังให้กี่คน แต่อาจเป็นร้อยหรือพัน โดยเฉพาะเมื่ออับซาโลมสามารถโน้มน้าวคนจำนวนมากไปเข้าข้างเขาผ่านการประจบสอพลอ แม้กระนั้น ดาวิดยังคงวางใจในพระเจ้าผู้ที่เขารู้ว่าเป็นองค์แห่งความดีและความมั่นคง

สดุดีบทที่ 4 เขียนขึ้นในบริบทของการนมัสการร่วมกัน เนื้อหาแสดงถึงความเชื่อมั่นในพระเจ้า พร้อมชี้ว่าความโกรธและการถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต้องถูกส่งมอบให้กับพระเจ้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวางใจในพระองค์ ดาวิดตระหนักว่าในที่สุดการอยู่ใกล้พระเจ้าคือที่ที่แท้จริงสำหรับการพบสันติสุข ไม่ใช่ในเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใดๆ การรู้จักพระเจ้าทำให้ดาวิดมีความยินดีมากกว่าศัตรูที่มั่งคั่งและรุ่งเรือง ไม่มีสิ่งใดมาแยกเขาออกจากพระเจ้าเหมือนที่สถานการณ์หรือพรทางวัตถุอาจหายไปได้ ดังนั้น ดาวิดสามารถนอนหลับอย่างสงบสุขโดยไม่ต้องกังวลว่าจะสูญเสียทุกสิ่ง

สดุดีบทที่ 12 และ 13 ยังกล่าวถึงปัญหาของโลกที่ขาดคนชอบธรรม ดาวิดกังวลกับการโกหก ความเย่อหยิ่ง และการไม่สนใจคนยากจนและขัดสน เขาคาดหวังว่าพระเจ้าจะทรงทำบางสิ่งเมื่อคนถูกกดขี่ ในขณะที่ในสดุดีบทที่ 13 ดาวิดรู้สึกถูกลืมแต่ยังคงเชื่อว่าพระเจ้าทรงอยู่ใกล้ โดยการเตือนจิตวิญญาณว่าไม่ควรหวาดกลัว ในท้ายที่สุดเขามั่นใจว่าพระเจ้าจะทรงยุติธรรม ในบทที่ 55 ดาวิดรู้สึกทรยศจากลูกชายและเพื่อนสนิท ซึ่งทำให้เขาหนีจากพระราชวังและเมืองไป แต่เขายังคงวางใจในพระเจ้าเพื่อจัดการศัตรูและเฝ้ารอผลลัพธ์ด้วยความมั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า

 

ข้อคิด: สดุดี 3-4; 12-13; 28; 55

ในสดุดี 28:9 ที่กล่าวว่า “จงเป็นผู้เลี้ยงแกะของพวกเขาและแบกพวกเขาตลอดไป” สะท้อนถึงบทบาทของพระเยซูผู้ที่ทรงเรียกพระองค์เองว่าเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี (ยอห์น 10:11) และสอดคล้องกับบทสดุดี 23 ที่กล่าวว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะของข้าพเจ้า” การเปรียบเทียบมนุษย์กับแกะนั้นเหมาะสมเพราะแกะมีศัตรูภายนอก เช่น ขโมยและหมาป่า อีกทั้งยังเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถไว้ใจได้เนื่องจากความโง่เขลา สายตาไม่ดี และความจำสั้น การที่ผู้เลี้ยงแกะแบกพวกมันจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัย ดาวิดเข้าใจเรื่องนี้ดีเพราะเขาเคยเป็นผู้เลี้ยงแกะ คำอธิษฐาน “จงเป็นผู้เลี้ยงแกะของพวกเขาและแบกพวกเขาตลอดไป” จึงเป็นการวิงวอนขอให้พระเจ้าทรงปกป้องจากภัยคุกคามทั้งภายนอกและจากตัวพวกเขาเอง ในขณะที่ดาวิดเผชิญหน้ากับความยากลำบากต่างๆ ทั้งจากศัตรูภายนอกและสัญชาตญาณที่ผิดพลาดของตนเอง เขาตระหนักว่าการมีผู้เลี้ยงแกะที่ดีเป็นเส้นทางสู่ความปลอดภัยและความชื่นบานแท้จริง

 

คำถาม

1.   พระคัมภีร์ สดุดี 3 และ 4 กล่าวถึงความไว้วางใจในพระเจ้าในยามที่เผชิญกับความทุกข์และความไม่แน่นอน เราสามารถนำหลักการนี้มาใช้เพื่อรับมือกับความกดดันและความวิตกกังวลในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง?

2.   สุดยอดแห่งความเชื่อและความหวังในสดุดี 55 กล่าวถึงความไว้ใจในพระเจ้าแม้ในยามที่รู้สึกถูกทรยศหรือผิดหวัง เราสามารถสร้างความเชื่อมั่นในพระเจ้าและรักษาความหวังในช่วงเวลาที่ยากลำบากได้อย่างไรในชีวิตปัจจุบัน?

 

 

สดุดี 55 เป็นบทเพลงคร่ำครวญที่สะท้อนความเจ็บปวด ความทุกข์ใจ และความรู้สึกถูกทรยศของผู้เขียน (ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นดาวิด) แต่ในท่ามกลางความมืดมิดนั้น บทเพลงนี้ก็ยังสอดแทรกข้อคิดและบทเรียนสอนใจที่มีคุณค่าสำหรับเราในทุกยุคสมัย ดังนี้ครับ:

1. ความจริงของความทุกข์และการถูกทรยศ:

  • ความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต: สดุดีบทนี้แสดงให้เห็นว่าแม้แต่ผู้ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากและความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ไม่ว่าจะเป็นความกังวลใจ ความกลัว หรือความเจ็บปวดจากการถูกทำร้าย
  • การถูกทรยศเจ็บปวดที่สุด: ความเจ็บปวดจากการถูกทรยศโดยคนที่ไว้ใจนั้นเป็นความเจ็บปวดที่ลึกซึ้งและยากจะเยียวยา ดาวิดระบายความรู้สึกของการถูกหักหลังโดยเพื่อนสนิท ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หลายคนอาจเคยเผชิญ

2. การระบายความรู้สึกและความสำคัญของการสื่อสารกับพระเจ้า:

  • การระบายความรู้สึกเป็นสิ่งสำคัญ: ดาวิดไม่ได้เก็บกดความรู้สึก แต่เขาระบายความทุกข์ ความกังวล และความโกรธต่อพระเจ้าอย่างตรงไปตรงมา นี่สอนให้เราเห็นว่าการยอมรับและแสดงความรู้สึกของเราออกมาเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพจิตใจ
  • การอธิษฐานและการร้องทูลต่อพระเจ้า: ท่ามกลางความทุกข์ ดาวิดหันเข้าหาพระเจ้าด้วยการอธิษฐานและการร้องทูล นี่เป็นแบบอย่างว่าเมื่อเราเผชิญปัญหา เราสามารถนำความทุกข์ของเรามาวางไว้ต่อหน้าพระเจ้าได้

3. ความเชื่อมั่นในพระเจ้าและการวางใจในพระองค์:

  • พระเจ้าทรงสดับฟังคำอธิษฐาน: แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนสิ้นหวัง ดาวิดยังคงเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะทรงสดับฟังคำอธิษฐานของเขา ("จงมอบภาระของท่านไว้กับพระยาห์เวห์ และพระองค์จะทรงค้ำจุนท่าน พระองค์จะไม่ทรงยอมให้คนชอบธรรมคลอนแคลนเลยเป็นนิตย์" - สดุดี 55:22)
  • การวางใจในพระเจ้าในทุกสถานการณ์: แม้ว่าดาวิดจะรู้สึกท้อแท้และต้องการหนีจากสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่ในที่สุดเขาก็แสดงความไว้วางใจในพระเจ้าว่าจะทรงจัดการทุกสิ่ง
  • ความยุติธรรมของพระเจ้า: ดาวิดเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะทรงพิพากษาคนชั่วร้ายและจะทรงปกป้องผู้ชอบธรรม ความเชื่อมั่นนี้เป็นแหล่งกำลังใจให้เขาสามารถอดทนต่อความยากลำบากได้

4. บทเรียนเกี่ยวกับการจัดการกับศัตรู:

  • การไม่แก้แค้นด้วยตนเอง: แม้ว่าดาวิดจะรู้สึกโกรธเคืองต่อศัตรูของเขา แต่เขาไม่ได้พยายามที่จะแก้แค้นด้วยตนเอง แต่เขากลับทูลขอให้พระเจ้าทรงจัดการ
  • การตระหนักถึงอันตรายจากคนใกล้ชิดที่ทรยศ: บทเพลงนี้เน้นย้ำถึงความเจ็บปวดที่มาจากการถูกทรยศโดยคนที่เคยสนิทสนม ซึ่งอาจเป็นบทเรียนให้เราพิจารณาความสัมพันธ์ของเราอย่างรอบคอบ

5. ความหวังและความอดทน:

  • ความหวังในพระเจ้า: แม้ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด ดาวิดยังคงมีความหวังในความเมตตาและความช่วยเหลือของพระเจ้า
  • ความอดทนในการรอคอยการช่วยเหลือจากพระเจ้า: การระบายความรู้สึกและการร้องทูลต่อพระเจ้าเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน ดาวิดไม่ได้คาดหวังว่าปัญหาจะคลี่คลายในทันที แต่เขายังคงรอคอยการแทรกแซงจากพระเจ้า

สดุดี 55 สอนเราว่าความทุกข์และการถูกทรยศเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่สิ่งสำคัญคือเราจะตอบสนองต่อสถานการณ์เหล่านั้นอย่างไร บทเพลงนี้เป็นแบบอย่างของการระบายความรู้สึกต่อพระเจ้า การวางใจในพระองค์แม้ในยามยากลำบาก และการมีความหวังในความยุติธรรมและความเมตตาของพระองค์