Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 6

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 8

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 9

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 10

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 14

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 16

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 19

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 21

เรื่องย่อ

เมื่อความทุกข์ยากเข้ามาท้าทายดาวิด คำสดุดีของเขาในบทที่ 6 แสดงถึงความเจ็บปวดและการวิงวอนขอความเมตตาจากพระเจ้า ดาวิดรู้สึกถึงน้ำหนักของบาปและความผิดพลาด แต่เขาก็ยังมีความหวังที่จะได้รับการฟื้นฟู ในสดุดี 8-10 มันยืนยันถึงการกลับใจและความตั้งใจที่จะหลีกห่างจากความชั่วร้าย ในขณะที่สดุดี 14 เตือนใจถึงความสำคัญของการแสวงหาพระเจ้า และว่าผู้ที่ทำชั่วจะต้องเผชิญกับความตายที่แน่นอน สดุดี 16 ชี้ให้เห็นถึงความพอใจในสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ และความมั่นคงในความรักของพระองค์ ส่วนสดุดี 19 สื่อถึงความยิ่งใหญ่ของพระวจนะและความกระตุ้นให้เดินตามคำแนะนำของพระเจ้าอย่างตั้งใจที่สุด สุดท้ายสดุดี 21 จะสะท้อนถึงการเฉลิมฉลองชัยชนะที่พระเจ้าทรงมอบให้กับผู้ที่วางใจในพระองค์ ทั้งหมดนี้สื่อถึงเส้นทางแห่งความเชื่อที่เต็มไปด้วยการสรรเสริญและการกลับใจ เพื่อให้แน่ใจว่าชีวิตที่ตั้งมั่นในพระเจ้าจะนำไปสู่ความสงบสุขและชัยชนะที่แท้จริง

 

ผู้ประพันธ์สดุดีมักใช้ภาพพจน์เชิงกวีและการพูดเกินจริงเพื่อสื่อถึงความรู้สึกภายในของตนเอง ดาวิดก็เช่นกัน การเข้าใจเมื่อไรที่ผู้ประพันธ์แสดงอารมณ์นั้นสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงการตีความที่ไม่ตรงกับความหมายที่แท้จริง เราควรถามคำถามเกี่ยวกับข้อความ ซึ่งนอกเหนือจากบริบททางวรรณกรรมยังต้องพิจารณาบริบททางประวัติศาสตร์และพระคัมภีร์ด้วย เช่น ในสดุดี 6 ดาวิดแสดงความกลัวว่าจะโดนบาปและความตายแยกเขาจากพระเจ้า ซึ่งอาจขัดแย้งกับคำสอนในพระคัมภีร์ แต่การตีความไม่ควรเกิดจากสดุดีเพียงบทเดียว ควรมองในมุมกว้างตามพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงความตายและการข้ามผ่านไปยังสวรรค์

ในสดุดี 8 และ 9 ดาวิดชื่นชมการสร้างสรรค์ของพระเจ้าและแสดงความซาบซึ้งในความสัมพันธ์กับพระองค์ โดยไม่ใช่เพียงแค่ขอสิ่งตอบแทนจากพระเจ้า ในทีนี้เขาสรรเสริญที่พระเจ้าทรงช่วยเหลือเขาจากศัตรู นอกจากนี้ สดุดี 10 แสดงถึงความรู้สึกขัดแย้งที่เกิดขึ้น เมื่อดาวิดรู้สึกว่าพระเจ้าอยู่ห่างไกลขณะคนชั่วเจริญรุ่งเรือง ทว่าเขากลับตั้งข้อสังเกตว่าพระเจ้าทรงเห็นความชั่วร้ายและมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ความรู้สึกทั้งสองด้านสามารถอยู่ร่วมกันในใจของมนุษย์ได้

สุดท้ายในสดุดี 14 ซึ่งก็ปรากฏในจดหมายฝากของเปาโลเขียนถึงพี่น้องในโรม และสดุดี 16 ก็ได้ยืนยันว่ามนุษย์ไม่มีความดีในตัวเอง แต่พระเจ้าทรงมอบความชอบธรรมอย่างไม่มีเงื่อนไขแก่ผู้ที่ไม่ชอบธรรม ผ่านพระคริสต์ การที่ดาวิดรู้สึกขอบคุณต่อสิ่งที่พระเจ้าได้มอบให้นั้นเกิดจากการได้รับการดูแลและสนับสนุนในทุกด้าน รวมถึงการเข้าใจความสำคัญของธรรมบัญญัติในชีวิต ทุกบทเพลงสดุดีเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ที่มีต่อพระเจ้าและการเรียนรู้จากพระคำเพื่อฟื้นฟูจิตวิญญาณ

 

ข้อคิด: สดุดี 6; 8-10; 14; 16; 19; 21

ในสดุดี 21 ดาวิดกล่าวว่าเขามีทุกสิ่งที่ต้องการ มงกุฎทองคำบริสุทธิ์ และอายุยืนยาว แต่ในข้อ 6 เมื่อเขาพูดกับพระเจ้าและพูดในบุคคลที่สามเหมือนที่กษัตริย์ทำบางครั้ง เขาบอกเราว่าความชื่นชมยินดีที่แท้จริงของเขามาจากไหน: "พระองค์ทรงทำให้เขายินดีด้วยความชื่นชมยินดีในพระพักตร์ของพระองค์" เราอ่านสิ่งที่คล้ายกันในสดุดี 16:11: "ในพระพักตร์ของพระองค์มีความชื่นชมยินดีอย่างเต็มเปี่ยม" แม้ว่าดาวิดจะได้รับพรทางโลกมากมาย แต่เขาก็ยังคงชี้ให้พวกเรากลับไปที่พระเจ้า เตือนเราว่าพระองค์คือที่ที่ความชื่นชมยินดีอยู่!

 

คำถาม

1.   การแสดงอารมณ์ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก: สดุดีบทที่ 6 แสดงถึงความทุกข์และความเศร้าโศกของดาวิดในขณะที่เขาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า คุณคิดว่าการแสดงอารมณ์และการร้องขอความช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ยากลำบากมีความสำคัญอย่างไรในชีวิตประจำวัน? เราสามารถสร้างพื้นที่ในการแสดงอารมณ์อย่างปลอดภัยในชุมชนของเราได้อย่างไร?

2.   การมองหาความหวังในพระเจ้าในเวลาที่ท้าทาย: ในบทที่ 8-10 และบทที่ 19, ดาวิดแสดงความเชื่อในความช่วยเหลือของพระเจ้า ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก คุณคิดว่าความหวังและความเชื่อในพระเจ้ามีผลต่อการจัดการกับความท้าทายในชีวิตอย่างไร? เราจะสามารถใช้ความหวังนี้ในการสนับสนุนตนเองและผู้อื่นในขณะที่เผชิญกับสถานการณ์ที่กระทบต่อจิตใจได้อย่างไร?

 

 

เปาโลอ้างอิงสดุดี 14 ใน พระธรรมโรม บทที่ 3 ข้อ 10-12 เพื่อสนับสนุนข้อโต้แย้งของเขาว่า มนุษย์ทุกคนอยู่ภายใต้อำนาจของบาป ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือคนต่างชาติ

เปาโลยกข้อความจากสดุดี 14:1-3 มาใช้ดังนี้:

ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า "ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้า เขาทุกคนหลงผิดไปหมด พวกเขาเลวทรามเหมือนกันสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี ไม่มีเลย" (โรม 3:10-12, ฉบับมาตรฐาน)

เหตุผลที่เปาโลใช้สดุดี 14:

  • เพื่อแสดงให้เห็นถึงสภาพที่แท้จริงของมนุษย์: สดุดี 14 บรรยายถึงความโง่เขลาและความเสื่อมทรามของมนุษย์ที่ไม่ยอมรับพระเจ้า เปาโลใช้ข้อความนี้เพื่อเน้นย้ำว่าโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์ทุกคนเป็นคนบาปและไม่มีใครชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า
  • เพื่อสนับสนุนหลักการเรื่องความบาปสากล: ในพระธรรมโรม บทที่ 1-3 เปาโลกำลังสร้างข้อโต้แย้งว่าทั้งชาวยิวและคนต่างชาติต่างก็อยู่ภายใต้อำนาจของบาป และไม่มีใครสามารถรอดพ้นได้โดยการกระทำตามกฎบัญญัติ การอ้างอิงสดุดี 14 ซึ่งกล่าวถึงความบาปที่เป็นสากล ช่วยเสริมสร้างหลักการนี้
  • เพื่อเตรียมผู้อ่านให้พร้อมรับข่าวประเสริฐ: โดยการแสดงให้เห็นถึงสภาพที่น่าสิ้นหวังของมนุษย์ภายใต้บาป เปาโลกำลังเตรียมผู้อ่านให้เข้าใจถึงความจำเป็นของพระคุณและความรอดที่มาทางพระเยซูคริสต์

ดังนั้น เปาโลใช้สดุดี 14 ในพระธรรมโรม บทที่ 3 เพื่อเน้นย้ำถึงสภาพบาปของมนุษย์ทุกคน และปูทางไปสู่การนำเสนอข่าวประเสริฐแห่งความรอดโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์