เรื่องย่อ
เมื่อความทุกข์ยากเข้ามาท้าทายดาวิด คำสดุดีของเขาในบทที่ 6 แสดงถึงความเจ็บปวดและการวิงวอนขอความเมตตาจากพระเจ้า ดาวิดรู้สึกถึงน้ำหนักของบาปและความผิดพลาด แต่เขาก็ยังมีความหวังที่จะได้รับการฟื้นฟู ในสดุดี 8-10 มันยืนยันถึงการกลับใจและความตั้งใจที่จะหลีกห่างจากความชั่วร้าย ในขณะที่สดุดี 14 เตือนใจถึงความสำคัญของการแสวงหาพระเจ้า และว่าผู้ที่ทำชั่วจะต้องเผชิญกับความตายที่แน่นอน สดุดี 16 ชี้ให้เห็นถึงความพอใจในสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ และความมั่นคงในความรักของพระองค์ ส่วนสดุดี 19 สื่อถึงความยิ่งใหญ่ของพระวจนะและความกระตุ้นให้เดินตามคำแนะนำของพระเจ้าอย่างตั้งใจที่สุด สุดท้ายสดุดี 21 จะสะท้อนถึงการเฉลิมฉลองชัยชนะที่พระเจ้าทรงมอบให้กับผู้ที่วางใจในพระองค์ ทั้งหมดนี้สื่อถึงเส้นทางแห่งความเชื่อที่เต็มไปด้วยการสรรเสริญและการกลับใจ เพื่อให้แน่ใจว่าชีวิตที่ตั้งมั่นในพระเจ้าจะนำไปสู่ความสงบสุขและชัยชนะที่แท้จริง
ผู้ประพันธ์สดุดีมักใช้ภาพพจน์เชิงกวีและการพูดเกินจริงเพื่อสื่อถึงความรู้สึกภายในของตนเอง ดาวิดก็เช่นกัน การเข้าใจเมื่อไรที่ผู้ประพันธ์แสดงอารมณ์นั้นสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงการตีความที่ไม่ตรงกับความหมายที่แท้จริง เราควรถามคำถามเกี่ยวกับข้อความ ซึ่งนอกเหนือจากบริบททางวรรณกรรมยังต้องพิจารณาบริบททางประวัติศาสตร์และพระคัมภีร์ด้วย เช่น ในสดุดี 6 ดาวิดแสดงความกลัวว่าจะโดนบาปและความตายแยกเขาจากพระเจ้า ซึ่งอาจขัดแย้งกับคำสอนในพระคัมภีร์ แต่การตีความไม่ควรเกิดจากสดุดีเพียงบทเดียว ควรมองในมุมกว้างตามพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงความตายและการข้ามผ่านไปยังสวรรค์
ในสดุดี 8 และ 9 ดาวิดชื่นชมการสร้างสรรค์ของพระเจ้าและแสดงความซาบซึ้งในความสัมพันธ์กับพระองค์ โดยไม่ใช่เพียงแค่ขอสิ่งตอบแทนจากพระเจ้า ในทีนี้เขาสรรเสริญที่พระเจ้าทรงช่วยเหลือเขาจากศัตรู นอกจากนี้ สดุดี 10 แสดงถึงความรู้สึกขัดแย้งที่เกิดขึ้น เมื่อดาวิดรู้สึกว่าพระเจ้าอยู่ห่างไกลขณะคนชั่วเจริญรุ่งเรือง ทว่าเขากลับตั้งข้อสังเกตว่าพระเจ้าทรงเห็นความชั่วร้ายและมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ความรู้สึกทั้งสองด้านสามารถอยู่ร่วมกันในใจของมนุษย์ได้
สุดท้ายในสดุดี 14 ซึ่งก็ปรากฏในจดหมายฝากของเปาโลเขียนถึงพี่น้องในโรม และสดุดี 16 ก็ได้ยืนยันว่ามนุษย์ไม่มีความดีในตัวเอง แต่พระเจ้าทรงมอบความชอบธรรมอย่างไม่มีเงื่อนไขแก่ผู้ที่ไม่ชอบธรรม ผ่านพระคริสต์ การที่ดาวิดรู้สึกขอบคุณต่อสิ่งที่พระเจ้าได้มอบให้นั้นเกิดจากการได้รับการดูแลและสนับสนุนในทุกด้าน รวมถึงการเข้าใจความสำคัญของธรรมบัญญัติในชีวิต ทุกบทเพลงสดุดีเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ที่มีต่อพระเจ้าและการเรียนรู้จากพระคำเพื่อฟื้นฟูจิตวิญญาณ
ข้อคิด: สดุดี 6; 8-10; 14; 16; 19; 21
ในสดุดี 21 ดาวิดกล่าวว่าเขามีทุกสิ่งที่ต้องการ มงกุฎทองคำบริสุทธิ์ และอายุยืนยาว แต่ในข้อ 6 เมื่อเขาพูดกับพระเจ้าและพูดในบุคคลที่สามเหมือนที่กษัตริย์ทำบางครั้ง เขาบอกเราว่าความชื่นชมยินดีที่แท้จริงของเขามาจากไหน: "พระองค์ทรงทำให้เขายินดีด้วยความชื่นชมยินดีในพระพักตร์ของพระองค์" เราอ่านสิ่งที่คล้ายกันในสดุดี 16:11: "ในพระพักตร์ของพระองค์มีความชื่นชมยินดีอย่างเต็มเปี่ยม" แม้ว่าดาวิดจะได้รับพรทางโลกมากมาย แต่เขาก็ยังคงชี้ให้พวกเรากลับไปที่พระเจ้า เตือนเราว่าพระองค์คือที่ที่ความชื่นชมยินดีอยู่!
คำถาม
1. การแสดงอารมณ์ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก: สดุดีบทที่ 6 แสดงถึงความทุกข์และความเศร้าโศกของดาวิดในขณะที่เขาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า คุณคิดว่าการแสดงอารมณ์และการร้องขอความช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ยากลำบากมีความสำคัญอย่างไรในชีวิตประจำวัน? เราสามารถสร้างพื้นที่ในการแสดงอารมณ์อย่างปลอดภัยในชุมชนของเราได้อย่างไร?
2. การมองหาความหวังในพระเจ้าในเวลาที่ท้าทาย: ในบทที่ 8-10 และบทที่ 19, ดาวิดแสดงความเชื่อในความช่วยเหลือของพระเจ้า ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก คุณคิดว่าความหวังและความเชื่อในพระเจ้ามีผลต่อการจัดการกับความท้าทายในชีวิตอย่างไร? เราจะสามารถใช้ความหวังนี้ในการสนับสนุนตนเองและผู้อื่นในขณะที่เผชิญกับสถานการณ์ที่กระทบต่อจิตใจได้อย่างไร?
เปาโลอ้างอิงสดุดี 14 ใน พระธรรมโรม บทที่ 3 ข้อ 10-12 เพื่อสนับสนุนข้อโต้แย้งของเขาว่า มนุษย์ทุกคนอยู่ภายใต้อำนาจของบาป ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือคนต่างชาติ
เปาโลยกข้อความจากสดุดี 14:1-3 มาใช้ดังนี้:
ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า "ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้า เขาทุกคนหลงผิดไปหมด พวกเขาเลวทรามเหมือนกันสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี ไม่มีเลย" (โรม 3:10-12, ฉบับมาตรฐาน)
เหตุผลที่เปาโลใช้สดุดี 14:
- เพื่อแสดงให้เห็นถึงสภาพที่แท้จริงของมนุษย์: สดุดี 14 บรรยายถึงความโง่เขลาและความเสื่อมทรามของมนุษย์ที่ไม่ยอมรับพระเจ้า เปาโลใช้ข้อความนี้เพื่อเน้นย้ำว่าโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์ทุกคนเป็นคนบาปและไม่มีใครชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า
- เพื่อสนับสนุนหลักการเรื่องความบาปสากล: ในพระธรรมโรม บทที่ 1-3 เปาโลกำลังสร้างข้อโต้แย้งว่าทั้งชาวยิวและคนต่างชาติต่างก็อยู่ภายใต้อำนาจของบาป และไม่มีใครสามารถรอดพ้นได้โดยการกระทำตามกฎบัญญัติ การอ้างอิงสดุดี 14 ซึ่งกล่าวถึงความบาปที่เป็นสากล ช่วยเสริมสร้างหลักการนี้
- เพื่อเตรียมผู้อ่านให้พร้อมรับข่าวประเสริฐ: โดยการแสดงให้เห็นถึงสภาพที่น่าสิ้นหวังของมนุษย์ภายใต้บาป เปาโลกำลังเตรียมผู้อ่านให้เข้าใจถึงความจำเป็นของพระคุณและความรอดที่มาทางพระเยซูคริสต์
ดังนั้น เปาโลใช้สดุดี 14 ในพระธรรมโรม บทที่ 3 เพื่อเน้นย้ำถึงสภาพบาปของมนุษย์ทุกคน และปูทางไปสู่การนำเสนอข่าวประเสริฐแห่งความรอดโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์