เรื่องย่อ
ในยุคของกษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอล ชาติอิสราเอลดำดิ่งสู่ความมืดมิดทางจิตวิญญาณ อาหับทรงอภิเษกสมรสกับเยเซเบล ธิดาของกษัตริย์แห่งไซดอน และทรงนำการบูชารูปเคารพของพระบาอัลเข้ามาในอิสราเอล เอลียาห์ ผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า ได้เผชิญหน้ากับอาหับและเยเซเบลอย่างกล้าหาญ ท้าทายพวกเขาและผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลในการพิสูจน์ว่าใครคือพระเจ้าที่แท้จริง พระเจ้าทรงสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์อย่างยิ่งใหญ่บนภูเขาคารเมล ทำให้คนอิสราเอลกลับใจใหม่ แต่เยเซเบลยังคงมุ่งร้ายต่อเอลียาห์ ทำให้เขาต้องหลบหนีเอาชีวิตรอด เรื่องราวนี้แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว ความเชื่อและความไม่เชื่อ และฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด
เมื่อบาอาชาทรงปกครองอิสราเอลตอนเหนือ เยฮูผู้เผยพระวจนะได้ทำนายว่าครอบครัวของเขาจะถูกทำลายล้าง และคำพยากรณ์นั้นก็เป็นจริง หลังจากบาอาชาสิ้นพระชนม์ เอลาห์พระราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ แต่ถูกซิมรีผู้รับใช้ของพระองค์สังหารหลังจากปกครองได้เพียงสองปี ซิมรีขึ้นครองราชย์ได้เพียงเจ็ดวัน แต่ทรงทำให้คำพยากรณ์ของเยฮูสำเร็จโดยการกำจัดครอบครัวของบาอาชาทั้งหมด เมื่อกองทัพอิสราเอลทราบข่าวการสังหารกษัตริย์ของพวกเขา พวกเขาก็แต่งตั้งอมรีเป็นกษัตริย์องค์ใหม่
ช่วงต้นรัชกาลของอมรีเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เนื่องจากครึ่งหนึ่งของประชากรไม่สนับสนุนเขา อย่างไรก็ตาม อมรีเอาชนะความท้าทายเหล่านี้และทรงสถาปนาพระองค์เองให้เป็นกษัตริย์ที่เข้มแข็ง แม้กระนั้น อมรีทรงเป็นกษัตริย์ที่ชั่วร้าย เช่นเดียวกับกษัตริย์ส่วนใหญ่ในอิสราเอลตอนเหนือ อาหับสืบราชสมบัติต่อจากอมรี และทรงชั่วร้ายยิ่งกว่ากษัตริย์องค์ก่อนๆ 1 พงศ์กษัตริย์ 16:33 กล่าวว่าอาหับทรงยั่วยุพระยาห์เวห์มากกว่ากษัตริย์องค์อื่นๆ ที่เคยปกครองอิสราเอลในช่วงรัชกาลของพระองค์ หีเอลชาวเบธเอล ได้สร้างเมืองเยริโคขึ้นใหม่ ซึ่งนำมาซึ่งคำสาปแช่งที่โยชูวาได้ประกาศไว้เมื่อนานมาแล้ว โดยบุตรหัวปีและบุตรคนสุดท้องของหีเอลเสียชีวิตจากการสร้างเมืองนี้ขึ้นใหม่
ในขณะเดียวกัน ในยูดาห์ตอนใต้ เยโฮชาฟัทได้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากอาสาพระราชบิดา หลังจากที่อาสาได้สิ้นพระชนม์ พระเจ้าทรงสถิตกับเยโฮชาฟัท เนื่องจากรัชกาลของพระองค์เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า เยโฮชาฟัททรงดำเนินตามรอยของดาวิด โดยทรงแสวงหาพระเจ้าและรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ยูดาห์ตอนใต้ทั้งหมดได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ซึ่งแตกต่างจากอิสราเอลตอนเหนือ เยโฮชาฟัททรงทำลายปูชนียสถานและส่งเจ้าหน้าที่และปุโรหิตไปทั่วแผ่นดินยูดาห์เพื่อสอนความจริงของพระเจ้า ศัตรูของพระองค์กลายเป็นพันธมิตร รวมถึงชาวฟีลิสเตียด้วย เยโฮชาฟัททรงเป็นที่รักและเคารพในยูดาห์ เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นคนดีและมีความกล้าหาญในการทำตามพระทัยของพระเจ้า
ข้อคิด: 1 พงศ์กษัตริย์ 16; 2 พงศาวดาร 17
"ความเกรงกลัว" ที่ปกคลุมอาณาจักรที่อยู่รอบยูดาห์ ซึ่งป้องกันไม่ให้พวกเขาทำสงครามกับเยโฮชาฟัท ไม่ได้มาจากความเคารพต่อพระเจ้า แต่เป็นความหวาดกลัว เพราะพวกเขาเห็นพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่กับยูดาห์ ถึงกระนั้น สิ่งนี้เปิดเผยความจริงที่น่ายินดีเกี่ยวกับอำนาจของพระเจ้าเหนือใจของศัตรูของเรา ไม่ว่าพระองค์จะเปลี่ยนใจพวกเขามาหาพระองค์เองหรือทรงป้องกันไม่ให้พวกเขาสร้างอันตรายต่อประชากรของพระองค์ พระเจ้าทรงกระทำสิ่งที่ดีและถูกต้อง ซึ่งสำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์ ขณะที่ประชากรของพระองค์ได้รับการปกป้องและแผนการของพระองค์สำเร็จลุล่วง พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิด พระองค์ทรงทำงานในระดับที่เกินความเข้าใจของเรา และทรงมีอำนาจสูงสุดเหนือจิตใจของผู้คน และในพระองค์นั้นมีความชื่นชมยินดีอันแท้จริง
คำถาม
1. อาหับทรงอภิเษกสมรสกับเยเซเบล และนำการบูชารูปเคารพเข้ามาในอิสราเอล (1 พงศ์กษัตริย์ 16) เราจะแยกแยะและต่อต้านอิทธิพลที่ไม่ดีต่อความเชื่อของเราได้อย่างไร ทั้งในระดับส่วนตัว ครอบครัว และสังคม?
2. เยโฮชาฟัททรงสร้างพันธมิตรกับอาหับ (2 พงศาวดาร 18) การสร้างพันธมิตรกับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้าอาจนำมาซึ่งผลเสียอย่างไร และเราจะรักษาสมดุลระหว่างการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นกับการรักษาความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าได้อย่างไร?
1 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 16 เล่าถึงเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรอิสราเอล (ทางเหนือ) โดยเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงราชวงศ์อย่างรวดเร็ว และผลลัพธ์ของการไม่เชื่อฟังพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง บทนี้เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนถึงผลของบาปและการละทิ้งพระยาห์เวห์:
1. การพิพากษาของพระเจ้าต่อราชวงศ์ที่ชั่วร้าย
- คำพยากรณ์และการสำเร็จเป็นจริง: บทนี้เริ่มต้นด้วยคำพยากรณ์ของเยฮู บุตรของฮานานี ที่ต่อว่าบาอาชาห์และราชวงศ์ของท่าน (ข้อ 1-4) เหตุผลก็คือบาอาชาห์ทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และดำเนินในทางบาปของเยโรโบอัม แม้ว่าบาอาชาห์จะเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงใช้ให้กำจัดราชวงศ์ของเยโรโบอัม แต่เขากลับดำเนินในความชั่วร้ายไม่ต่างกัน ซึ่งนำไปสู่การพิพากษาที่รุนแรงต่อราชวงศ์ของเขาเอง
- การสิ้นสุดอย่างน่าเศร้าของราชวงศ์บาอาชาห์: เอลาห์ โอรสของบาอาชาห์ ถูกซิมรีข้าราชการของตนเองลอบสังหารภายในสองปีที่ครองราชย์ (ข้อ 9-10) จากนั้นซิมรีก็กำจัดเชื้อสายของบาอาชาห์ทั้งหมดตามคำพยากรณ์ของพระเจ้า (ข้อ 11-14) สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงยุติราชวงศ์ที่ชั่วร้ายอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว
2. ความไม่มั่นคงทางการเมืองและการปกครองที่สับสน
- ราชวงศ์ที่สั้นและไร้อำนาจ: หลังจากบาอาชาห์ ราชวงศ์อิสราเอลก็เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความไร้เสถียรภาพ ซิมรีครองราชย์เพียงเจ็ดวัน (ข้อ 15) ก่อนที่จะถูกโอมรีล้มล้างและปลิดชีวิตตนเอง (ข้อ 18-19) นี่แสดงให้เห็นถึงความวุ่นวายทางการเมืองอย่างรุนแรงเมื่อผู้นำหันหลังให้พระเจ้าและมุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตน
- การช่วงชิงอำนาจ: การต่อสู้เพื่ออำนาจระหว่างโอมรีและทิบนี (ข้อ 21-22) แสดงให้เห็นถึงการแตกแยกและความไม่เป็นหนึ่งเดียวกันในอิสราเอล ผู้คนไม่ได้มองหาผู้นำที่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า แต่กลับติดอยู่ในวงจรของการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ
3. โอมรี: กษัตริย์ที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าใคร ๆ
- สร้างบาปใหม่: แม้จะครองราชย์อย่างยากลำบากในตอนแรก แต่โอมรีก็ประสบความสำเร็จในการสถาปนาราชวงศ์ของตนเองและสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ที่สะมาเรีย (ข้อ 23-24) อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้โอมรีโดดเด่นคือการที่ท่าน "กระทำความชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และได้กระทำสิ่งชั่วร้ายยิ่งกว่าผู้ที่อยู่ก่อนหน้าท่านทั้งหมด" (ข้อ 25)
- บาปที่เพิ่มพูน: โอมรีไม่เพียงดำเนินตามบาปของเยโรโบอัม (การสร้างลูกวัวทองคำ) แต่ยังนำอิสราเอลให้จมลึกในบาปมากยิ่งขึ้น (ข้อ 26) การกระทำของโอมรีวางรากฐานสำหรับความชั่วร้ายที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยของอาหับบุตรชายของเขา
4. อาหับ: จุดสูงสุดของความชั่วร้าย
- การนมัสการพระบาอัล: อาหับ บุตรของโอมรี ถือเป็นกษัตริย์ที่ "กระทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ยิ่งกว่าทุกคนที่อยู่ก่อนหน้าท่าน" (ข้อ 30) ความชั่วร้ายที่สำคัญที่สุดของอาหับคือการแต่งงานกับเยเซเบล ธิดาของกษัตริย์แห่งไซดอน และเริ่มนมัสการพระบาอัลอย่างเป็นทางการในอิสราเอล (ข้อ 31-33) นี่เป็นการก้าวข้ามเส้นแห่งการไม่เชื่อฟังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะไม่ใช่เพียงแค่การนมัสการพระเจ้าอย่างผิดวิธี (แบบเยโรโบอัม) แต่เป็นการนำการนมัสการพระปลอมเข้ามาในแผ่นดินอย่างเปิดเผย
- ผลของความบาปที่รุนแรง: การละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้าอย่างต่อเนื่องและรุนแรงที่สุดคือการสร้างเมืองเยรีโคขึ้นใหม่ (ข้อ 34) ตามคำสาปของโยชูวา (โยชูวา 6:26) การสร้างเมืองนี้จะต้องแลกมาด้วยชีวิตของบุตรหัวปีและบุตรคนสุดท้อง ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงในสมัยของอาหับ สะท้อนให้เห็นว่าการไม่เชื่อฟังพระเจ้าอย่างจงใจจะนำมาซึ่งหายนะตามคำเตือนของพระองค์
ข้อคิดโดยรวมจาก 1 พงศ์กษัตริย์ 16 คือ ผลลัพธ์อันรุนแรงของการละทิ้งพระเจ้าและการจมปลักในบาป บทนี้แสดงให้เห็นว่าเมื่อผู้นำและประชากรหันหลังให้พระยาห์เวห์ พวกเขาจะพบกับความวุ่นวายทางการเมือง ความรุนแรง และการตกต่ำทางศีลธรรมอย่างต่อเนื่อง การตัดสินใจของผู้นำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชะตากรรมของชาติ และการนำการนมัสการรูปเคารพเข้ามาเป็นการท้าทายพระเจ้าโดยตรง ซึ่งนำมาซึ่งการพิพากษาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้