Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
1 พงศาวดาร 3

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
1 พงศาวดาร 4

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
1 พงศาวดาร 5

เรื่องย่อ

ในบทที่ 3-5 ของ 1 พงศาวดาร เราได้เห็นการบันทึกข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการสืบทอดของราชวงศ์ดาวิดและพื้นฐานของเผ่าต่างๆ ในอิสราเอล โดยเฉพาะจากบทที่ 3 ที่เน้นรายชื่อลูกหลานของดาวิด รวมถึงการเกิดขึ้นของสกุลที่มีชื่อเสียงอย่างราชวงศ์ดาวิดที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อิสราเอล ต่อมาบทที่ 4 ให้ความสำคัญกับเผ่าของยูดาห์และการต่อสู้ของครอบครัวที่ใช้ชีวิตในช่วงเวลายากลำบาก ในขณะที่บทที่ 5 เน้นให้เห็นถึงพลังและความกล้าหาญของเผ่ารูเบน กาด และเศบูลุนในการต่อสู้กับศัตรูในช่วงเวลาที่มีความไม่สงบ ชีวิตและการต่อสู้ของบรรพบุรุษเหล่านี้เปิดเผยถึงความตั้งใจในการรักษาความเชื่อของอิสราเอลและพลังของพระเจ้าที่อยู่เคียงข้างพวกเขา การบันทึกประวัติศาสตร์เช่นนี้มีความสำคัญในสืบทอดภูมิปัญญาและอัตลักษณ์ของชาติโดยการย้ำเตือนว่าความภักดีต่อพระเจ้าเป็นสิ่งที่นำไปสู่ชัยชนะและความสำเร็จ

 


ลำดับวงศ์ตระกูลในวันนี้เริ่มต้นด้วยดาวิด ซึ่งเนื้อหาในหนังสือเน้นที่ตำแหน่งกษัตริย์ของเขา ในข้อ 4:9 ข้อความจะเล่าตั้งแต่ชื่อไปจนถึงเรื่องราวสั้นๆ เกี่ยวกับยาเบศ เขาเป็นคนที่มีเกียรติที่แสวงหาพระเจ้า แม้ว่าชื่อของเขาหมายถึง “ความเศร้าโศก” หรือ “ความเจ็บปวด” ซึ่งน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อพิจารณาว่าเขาขอให้พระเจ้าปกป้องเขาจากความเจ็บปวด ชื่อของเขามักจะชี้ไปที่ลักษณะนิสัย ดังนั้นเขาอาจขอให้พระเจ้าปกป้องเขาจากตัวเขาเอง ทำให้เขาเป็นคนใหม่ และทำบางอย่างที่แตกต่างจากชื่อของเขา เขารู้ว่าส่วนหนึ่งของการหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดและความเศร้าโศกคือการหลีกเลี่ยงบาปและอันตราย ดังนั้นเขาจึงขอให้พระเจ้าปกป้องเขาจากสิ่งเหล่านั้นด้วย นอกจากนี้ เขายังขอให้พระเจ้าขยายขอบเขต ซึ่งน่าจะเป็นคำอธิษฐานตามตัวอักษรเพื่อขอแผ่นดินเพิ่มขึ้น เพราะอย่างที่เราเห็น นั่นเป็นประเด็นสำคัญในปัจจุบัน พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเขาด้วยคำตอบว่าใช่

บทที่ 4 เปิดเผยว่าเผ่าของสิเมโอนกำลังหดตัว ยาโคบได้บอกเป็นนัยถึงเรื่องนี้ในคำพยากรณ์ในปฐมกาล 49:7 ว่า “ความโกรธของพวกเขาจงสาปแช่ง เพราะมันรุนแรง และความกริ้วโกรธจงสาปแช่ง เพราะมันโหดร้าย! เราจะแบ่งแยกพวกเขาในยาโคบ และจะกระจัดกระจายพวกเขาในอิสราเอล” โมเสสยังได้บอกเป็นนัยถึงเรื่องนี้เมื่อเขาอวยพรเผ่าต่างๆ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตและไม่อวยพรซีเมโอนเลย พระเจ้าทรงทิ้งเศษขนมปังไว้บนเรื่องนี้มาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว เรื่องนี้มีรากฐานมาจากปฐมกาล 34:25–29 เมื่อซีเมโอนและเลวีฆ่าคนในเมืองเชเค็มเพื่อแก้แค้นการข่มขืนของดีนาห์น้องสาวของพวกเขา เมื่อยาโคบพยากรณ์ว่า “เราจะแบ่งแยกพวกเขาในยาโคบ และจะกระจัดกระจายพวกเขาในอิสราเอล” เรื่องนี้เป็นของทั้งซีเมโอนและเลวี เลวีก็ถูกกระจัดกระจายและถูกแบ่งแยกเช่นกัน พวกเขาไม่มีแผ่นดินของตนเอง พวกเขาอาศัยอยู่กระจัดกระจายท่ามกลางเผ่าอื่นๆ พระเจ้าทรงทำให้คำพยากรณ์ของยาโคบเป็นจริงสำหรับทั้งสองเผ่า

บทที่ 5 เล่าถึงบาปของรูเบน บุตรชายอีกคนของยาโคบ เขานอนกับภรรยาน้อยของยาโคบและถูกพรากสิทธิ์โดยกำเนิดไป แม้ว่ารูเบนจะชั่วร้าย แต่ลูกหลานของเขาก็ยังได้รับพร ชาวรูเบนส่วนใหญ่เป็นคนเลี้ยงสัตว์ และฝูงสัตว์ของพวกเขาก็เพิ่มจำนวนขึ้น พวกเขาอาศัยอยู่ในทรานส์จอร์แดนกับเผ่ากาดและมานัสเสห์ตะวันออก เผ่าทั้งสองและครึ่งนี้ดูเหมือนจะมีความเป็นหนึ่งเดียวในแบบที่ไม่เหมือนใคร—บางทีอาจเกิดจากการแยกตัวของพวกเขาข้ามแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาคอยช่วยเหลือกันอย่างน้อยก็ในตอนนี้ พวกเขาแสวงหาพระเจ้าร่วมกันและถึงขั้นทำสงครามร่วมกันและได้รับชัยชนะ แต่โชคไม่ดีที่มันเกิดขึ้นไม่นาน ผู้นำที่พวกเขารักในที่สุดก็ตกอยู่ในการบูชารูปเคารพและเริ่มบูชาเทพเจ้าต่างศาสนา ดังนั้นพระเจ้าจึงสร้างศัตรูขึ้นมาเพื่อขับไล่พวกเขาออกไป เช่นเดียวกับที่พวกเขาทำกับศัตรูของพวกเขา

 

ข้อคิด: 1พงศาวดาร 3-5

ใน 4:10 ยาเบศอธิษฐานว่า “ขอพระองค์ทรงอวยพรแก่ข้าพเจ้าและขยายเขตแดนของข้าพเจ้า และขอพระหัตถ์ของพระองค์อยู่กับข้าพเจ้า และขอพระองค์ทรงปกป้องข้าพเจ้าจากอันตราย เพื่อจะไม่ทำให้ข้าพเจ้าต้องเจ็บปวด” คำอธิษฐานนี้มีองค์ประกอบของความชอบธรรม แต่บางส่วนเกี่ยวข้องกับความปรารถนาส่วนตัว ดังนั้นนี่เป็นคำอธิษฐานที่เห็นแก่ตัวหรือเป็นคำอธิษฐานที่มุ่งเน้นที่พระเจ้า และมันสำคัญหรือไม่? พระเจ้าไม่ตำหนิยาเบศที่ขอดินแดนเพิ่ม และพระองค์ไม่ได้บอกชนเผ่าในทรานส์จอร์แดนว่าพวกเขาควรยึดถือดินแดนที่สัญญาไว้เดิมหากต้องการชนะสงคราม หลายคนพยายามอธิษฐานเพื่อตนเอง เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าเป็นการเห็นแก่ตัว ยาเบศแสดงให้เราเห็นว่าไม่เพียงแต่คำอธิษฐานทั้งสองประเภทเป็นที่ยอมรับของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นคำอธิษฐานที่น่าสรรเสริญสำหรับพระองค์ด้วย คำอธิษฐานเหล่านี้มาจากหัวใจที่รู้จักพระเจ้า ไว้วางใจพระองค์ และร้องขอต่อพระองค์ในฐานะแหล่งที่มาของสิ่งดีๆ ทั้งหมด พระองค์ได้ยินพวกเขา รับพวกเขา และตอบสนองเสมอด้วยคำตอบว่าใช่ ไม่ หรือรอ พระองค์สามารถไว้วางใจให้เราอธิษฐานได้ และพระองค์ชอบที่จะรับฟังจากเรา! พระองค์ไม่เคยมีภาระ และพระองค์ไม่เคยเบื่อ พระองค์อยู่ที่ซึ่งความชื่นบานอยู่!

 

คำถาม

1.   ความสำคัญของการรู้จักตระกูลและมรดก: ในบทที่ 3 ตั้งแต่บทบันทึกสายตระกูลของดาวิด คุณคิดว่าการเข้าใจประวัติศาสตร์และมรดกของเรามีผลต่อการสร้างอัตลักษณ์ของเราในชีวิตปัจจุบันอย่างไร? เราสามารถใช้ข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาตนเองได้อย่างไรบ้าง?

2.   การเผชิญหน้ากับความท้าทายในชีวิต: ในบทที่ 5 กล่าวถึงการต่อสู้และชัยชนะของอิสราเอลภายใต้การนำของดาวิด คุณคิดว่าการมีทัศนคติที่เป็นบวกต่อความท้าทายสามารถช่วยเราเติบโตและประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างไร? มีวิธีใดบ้างที่เราสามารถพัฒนากลยุทธ์ในการรับมือกับอุปสรรคที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้?

 

 

คำอธิษฐานของยาเบศใน 1 พงศาวดาร 4:10 แม้จะเป็นคำอธิษฐานสั้นๆ แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งและสอนบทเรียนที่มีคุณค่าแก่เราหลายประการ ดังนี้ครับ:

ความสำคัญของคำอธิษฐานของยาเบศ:

1.   แสดงความเชื่อและความไว้วางใจในพระเจ้า: ยาเบศไม่ได้พึ่งพาตนเองหรือสถานการณ์รอบข้าง แต่เขาหันเข้าหา "พระเจ้าแห่งอิสราเอล" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ที่สามารถอวยพรและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาได้

2.   เป็นแบบอย่างของการอธิษฐานด้วยความกล้าหาญ: ยาเบศไม่ได้ขอเพียงเล็กน้อย แต่เขากล้าที่จะขอให้พระเจ้า "ทรงอวยพรข้าพระองค์อย่างแท้จริง และขยายเขตแดนของข้าพระองค์" ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเห็นพระพรของพระเจ้าในชีวิตของเขาอย่างชัดเจน

3.   เน้นความสำคัญของการทรงสถิตของพระเจ้า: คำอธิษฐานที่ว่า "ขอพระหัตถ์ของพระองค์อยู่กับข้าพระองค์" บ่งบอกถึงความตระหนักว่าความสำเร็จและความปลอดภัยที่แท้จริงนั้นมาจากการที่พระเจ้าทรงอยู่ด้วยและนำทาง

4.   สะท้อนความปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดและสิ่งชั่วร้าย: การขอให้ "ทรงรักษาข้าพระองค์ให้พ้นจากอันตราย เพื่อข้าพระองค์จะปราศจากความเจ็บปวด" แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ปราศจากความทุกข์ทรมาน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับชื่อของเขาที่แปลว่า "ผู้ให้กำเนิดด้วยความเจ็บปวด"

5.   แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงสดับคำอธิษฐานและตอบสนอง: ข้อความที่ว่า "และพระเจ้าทรงประทานสิ่งที่เขาขอ" เป็นเครื่องยืนยันว่าพระเจ้าทรงฟังและตอบคำอธิษฐานของผู้ที่วางใจในพระองค์

สิ่งที่คำอธิษฐานของยาเบศสอนเรา:

1.   ให้เรากล้าที่จะขอพระพรจากพระเจ้าอย่างจริงจัง: เราไม่ควรรู้สึกผิดที่จะขอสิ่งที่ดีที่สุดจากพระเจ้า แต่ควรขอด้วยความเชื่อและความสุภาพถ่อมตน โดยตระหนักว่าพระองค์ทรงทราบสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา

2.   ให้เราปรารถนาที่จะมีอิทธิพลและขอบเขตในการรับใช้พระเจ้าที่กว้างขึ้น: การขอให้ขยายเขตแดนอาจหมายถึงการขอโอกาสมากขึ้นในการเป็นพรแก่ผู้อื่นและขยายอาณาจักรของพระเจ้า

3.   ให้เราพึ่งพาการทรงสถิตและนำทางของพระเจ้าในทุกด้านของชีวิต: เราควรตระหนักว่าเราไม่สามารถดำเนินชีวิตหรือประสบความสำเร็จที่แท้จริงได้ด้วยกำลังของเราเอง แต่ต้องอาศัยพระหัตถ์ของพระเจ้า

4.   ให้เราขอการปกป้องจากสิ่งชั่วร้ายและความเจ็บปวด: เราสามารถทูลขอให้พระเจ้าปกป้องเราจากอันตรายทั้งทางร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ

5.   ให้เรามีความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงฟังและตอบคำอธิษฐาน: แม้คำอธิษฐานของเราจะสั้นหรือยาวเพียงใด เราควรเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงได้ยินและจะตอบตามน้ำพระทัยและเวลาของพระองค์

6.   เราไม่จำเป็นต้องถูกกำหนดโดยอดีตหรือชื่อของเรา: แม้ชื่อของยาเบศจะมีความหมายถึงความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่ได้ยอมจำนนต่อสิ่งนั้น แต่กลับหันเข้าหาพระเจ้าและได้รับการเปลี่ยนแปลง

โดยรวมแล้ว คำอธิษฐานของยาเบศเป็นแรงบันดาลใจให้เราเข้าใกล้พระเจ้าด้วยความเชื่อมั่น กล้าที่จะขอพระพรและโอกาสในการรับใช้ และวางใจในการทรงสถิตและการปกป้องของพระองค์