เรื่องย่อ
เมื่อความทุกข์ยากเข้ามาท้าทายจิตใจ คำสดุดีในบทที่ 43-45 แสดงถึงการแสวงหาความยุติธรรมและการฟื้นฟูจากพระเจ้า ดาวิดวิงวอนให้พระองค์นำทางเขาและช่วยให้เขาหลีกหนีจากศัตรูในขณะที่สะท้อนความรักและความไว้วางใจในพระเจ้า ขณะที่สดุดี 49 สอนให้เข้าใจว่าความมั่งคั่งของมนุษย์ไม่สามารถซื้อความรอดได้ และสรุปว่าทุกคนต่างต้องคืนชีวิตสู่พระเจ้า สดุดี 84-85 เต็มไปด้วยความกระหายที่มีต่อพระวิหารและความปลาบปลื้มใจในการอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า โดยระบุว่าเส้นทางสู่ความสุขนั้นอยู่ในการพึ่งพาพระองค์ และสุดท้ายในสดุดี 87 มีการเฉลิมฉลองถึงความสำคัญของนครเยรูซาเล็มว่าคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงรัก เนื้อหาทั้งหมดนี้สื่อถึงความลึกซึ้งของการแสวงหาพระเจ้าในชีวิตประจำวันและความหวังในความยุติธรรมและความรอดจากพระองค์ที่นำมาซึ่งสันติสุขแท้จริง
ในสดุดี 43 ดาวิดรู้สึกห่างเหินจากพระเจ้าและต้องการให้จิตวิญญาณของเขากลับมามีความหวัง โดยเขาพูดกับตัวเองว่าให้หวังในพระเจ้าและสรรเสริญพระองค์อีกครั้ง แม้ในยามที่ทุกข์ใจ ดาวิดกลับมาใช้คำแนะนำที่โมเสสให้กับอิสราเอล โดยย้ำเตือนให้รู้จักและจดจำความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในช่วงเวลาที่เผชิญความยากลำบาก
ในสดุดี 44 ดาวิดยังคงสรรเสริญพระเจ้า แต่ในครั้งนี้เขามองย้อนกลับไปที่ชัยชนะที่พระองค์ประทานให้บรรพบุรุษ ซึ่งยืนยันว่าพระเจ้าเป็นผู้มอบชัยชนะ ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งของมนุษย์ แม้ว่าอิสราเอลจะไม่ได้ใช้เข้าสงครามด้วยอาวุธเลยก็ตาม ดาวิดใช้คำสอนจากเฉลยธรรมบัญญัติเพื่อระลึกถึงว่าความสำเร็จมาจากพระเจ้า และการดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมตนจะนำไปสู่การสรรเสริญพระองค์ตลอดไป
ในสดุดี 49 ผู้เขียนมีข้อความสำคัญที่สอนให้ทุกคนต้องตระหนักถึงความตาย และย้ำถึงการไถ่ถอนจากพระเจ้า เมื่อเผชิญกับความยากลำบากหรือความตาย เขาก็สามารถชื่นชมได้ถึงความรักของพระเจ้า ในขณะที่สดุดี 84 กล่าวถึงชีวิตของผู้ที่รับใช้พระเจ้า รู้สึกถึงความสำคัญของการอยู่ใกล้ชิดพระองค์ และสดุดี 85 จบด้วยการขอพรจากพระเจ้าที่จะทรงอวยพรอิสราเอลอีกครั้ง โดยย้ำถึงความซื่อสัตย์และพระนามของพระองค์ที่เต็มไปด้วยความรักและพระคุณ
ข้อคิด: สดุดี 43-45; 49; 84-85; 87
บทสดุดี 87 ประจำวันนี้ไม่ได้สรรเสริญศิโยนหรือเยรูซาเล็มเท่านั้น แต่ยังเปิดเผยบางสิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับพระเจ้าด้วย บุคคลและเมืองที่กล่าวถึงล้วนเป็นคนต่างชาติทั้งสิ้น เช่น ราฮับ ซึ่งน่าจะเป็นชื่อเล่นของอียิปต์ บาบิโลน เมืองที่ชั่วร้าย ฟีลิสเตีย ศัตรูของพวกเขา ไทระ เมืองที่ชั่วร้ายอีกแห่งหนึ่ง บทสดุดีนี้เฉลิมฉลองที่คนเหล่านั้นทุกคนได้รับการต้อนรับในศิโยน บทสดุดีนี้แสดงให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์อันเป็นเอกลักษณ์ระหว่างอิสราเอลกับพระเจ้า แต่ยังแสดงให้เห็นด้วยว่าพระองค์ทรงเชิญชวนประชาชาติอื่นๆ ให้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์ บทสดุดีนี้ปิดท้ายด้วยการเฉลิมฉลองการร้องเพลงและเต้นรำเพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าผู้จัดเตรียมให้แก่ประชากรของพระองค์และทรงเชิญชวนคนนอกให้มาเป็นประชากรของพระองค์ ไม่ว่าคุณจะเป็นชาวยิวหรือคนต่างชาติ แหล่งที่มาทั้งหมดของคุณก็อยู่ในพระองค์เช่นกัน เพราะพระองค์เป็นที่ซึ่งความชื่นชมยินดีอยู่!
คำถาม
1. ความต้องการความช่วยเหลือและการปกป้องจากพระเจ้า: ในสดุดีบทที่ 43 และ 44 ดาวิดร้องขอให้พระเจ้ามาช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ยากลำบาก คุณคิดว่าความรู้สึกถึงความต้องการการปกป้องจากพระเจ้ามีผลต่อการจัดการกับความเครียดหรือความกดดันในชีวิตประจำวันอย่างไร? เราสามารถสร้างแนวทางในการพึ่งพาความเชื่อในพระเจ้าให้มีความแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไรบ้าง?
2. การส่งเสริมและการยกย่องซึ่งกันและกันในชุมชน: ในสดุดีบทที่ 45 มีข้อความที่พูดถึงความสัมพันธ์และการยกย่องระหว่างผู้คน คุณคิดว่าการส่งเสริมและการยกย่องซึ่งกันและกันในสังคมและชุมชนสามารถสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้นได้อย่างไร? มียุทธศาสตร์หรือวิธีการใดที่เราสามารถใช้ในการสร้างวัฒนธรรมการสนับสนุนและการยกย่องในชีวิตประจำวันได้บ้าง?
คำว่า ราฮับ (רַהַב) ในภาษาฮีบรูมีความหมายหลักๆ สองประการ:
1. ความกว้างใหญ่, ความโอ้อวด, ความเย่อหยิ่ง: คำนี้สามารถสื่อถึงความกว้างขวางหรือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ในบริบทเชิงลบ มักหมายถึงความโอ้อวด ความเย่อหยิ่ง หรือความจองหอง
2. ชื่อเชิงสัญลักษณ์ของอียิปต์: ในหลายแห่งของพระคัมภีร์ โดยเฉพาะในบทกวี ราฮับถูกใช้เป็นชื่อเชิงสัญลักษณ์หรือนามแฝงของประเทศอียิปต์ ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับอำนาจที่ต่อต้านพระเจ้า
ในสดุดี 87 ข้อ 4 กล่าวว่า:
"ในบรรดาผู้ที่รู้จักเรา เราเอ่ยถึงราหับและบาบิโลน ดูเถิด ฟีลิสเตีย ไทระ และคูชด้วย เขากล่าวกันว่า “ผู้นี้เกิดที่นั่น”"
ในบริบทนี้ ราฮับ หมายถึง อียิปต์ เช่นเดียวกับที่บาบิโลน ฟีลิสเตีย ไทระ และคูช เป็นชื่อของชนชาติอื่นๆ ที่อยู่รอบอิสราเอล สดุดีบทนี้กำลังกล่าวถึงการที่พระเจ้าจะทรงรวบรวมผู้คนจากนานาประชาชาติเหล่านี้ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประชากรของพระองค์ โดยมีศิโยน (เยรูซาเล็ม) เป็นศูนย์กลางฝ่ายจิตวิญญาณ
ความหมายและสิ่งที่สดุดี 87 สอนเรา:
- การรวมนานาประชาชาติในแผนการของพระเจ้า: สดุดีบทนี้แสดงให้เห็นถึงพระประสงค์ของพระเจ้าที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชนชาติอื่นๆ ทั่วโลกด้วย พระเจ้าทรงมีแผนที่จะนำผู้คนจากทุกหนแห่งให้เข้ามาใกล้ชิดพระองค์
- ศิโยนในฐานะศูนย์กลางฝ่ายจิตวิญญาณ: เยรูซาเล็มหรือศิโยนถูกยกย่องว่าเป็นสถานที่ที่พระเจ้าทรงเลือก และเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมผู้คนจากนานาชาติเข้าด้วยกัน ในความหมายเชิงจิตวิญญาณ ศิโยนสามารถหมายถึงชุมชนของผู้เชื่อในพระเจ้า
- ความเท่าเทียมในสายพระเนตรของพระเจ้า: พระเจ้าทรงกล่าวถึงชนชาติต่างๆ เหล่านี้โดยไม่มีการแบ่งแยก ทุกคนจะได้รับการยอมรับและถือว่าเป็น "ผู้ที่เกิดที่นั่น" ในศิโยน ซึ่งแสดงถึงความเท่าเทียมในพระคุณของพระเจ้า
- แหล่งแห่งความชื่นชมยินดี: ข้อ 7 กล่าวว่า "บรรดานักร้องและนักเต้นกล่าวกันว่า “น้ำพุทั้งสิ้นของเราอยู่ในเธอ”" ซึ่งหมายถึงศิโยนเป็นแหล่งแห่งความชื่นชมยินดีและความอิ่มเอิบฝ่ายจิตวิญญาณสำหรับทุกคนที่เข้ามาหาพระเจ้า
โดยรวมแล้ว สดุดี 87 สอนเราว่าพระเจ้าทรงมีแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่าเพียงแค่ชนชาติเดียว พระองค์ทรงปรารถนาที่จะรวบรวมผู้คนจากทุกเผ่าพันธุ์ ภาษา และประเทศชาติให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรของพระองค์ โดยมีพระองค์เองเป็นศูนย์กลางแห่งความหวังและความชื่นชมยินดี