เรื่องย่อ
โอบาดีห์พยากรณ์ถึงการพิพากษาที่กำลังจะมาถึงเอโดม ประเทศที่หยิ่งผยองและฉลองเมื่อเยรูซาเล็มถูกทำลาย โอบาดีห์ประกาศว่าเอโดมจะถูกปล้นและถูกลดเกียรติลงอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากความรุนแรงที่พวกเขากระทำต่อยาโคบ สดุดีบทที่ 82 ตำหนิผู้พิพากษาที่ไม่ยุติธรรมที่ตัดสินสินบนและไม่ปกป้องคนอ่อนแอ ผู้เขียนสดุดีเรียกร้องให้พระเจ้าทรงลุกขึ้นพิพากษาโลกและสถาปนาความยุติธรรม สดุดีบทที่ 83 คร่ำครวญถึงการรวมตัวกันของชาติศัตรูที่วางแผนจะทำลายอิสราเอล ผู้เขียนสดุดีขอให้พระเจ้าทรงทำให้พวกเขากระจัดกระจายและพินาศ เพื่อให้พวกเขารู้ว่าพระองค์แต่ผู้เดียวคือพระเจ้าสูงสุดเหนือแผ่นดินโลก เรื่องราวเหล่านี้เน้นย้ำถึงความยุติธรรมของพระเจ้าที่ลงโทษความชั่วร้าย การปกป้องของพระองค์ที่มีต่อประชากรของพระองค์ และความสำคัญของการแสวงหาความยุติธรรมและความชอบธรรม
ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าโอบาดีห์ถูกเขียนขึ้นเมื่อใด แต่มีการประเมินว่าวันที่น่าจะอยู่ระหว่าง 850 ถึง 400 ปีก่อนคริสตกาล ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในราว 850 ปีก่อนคริสตกาล มีความเป็นไปได้ที่จะเชื่อมโยงกับการรุกรานเยรูซาเล็มของอียิปต์และการกบฏของเอโดมต่อกษัตริย์เยโฮรัมแห่งยูดาห์ โอบาดีห์ตำหนิชาวเอโดมสำหรับการไม่ช่วยเหลือเมื่อเยรูซาเล็มถูกโจมตี ทั้งที่จริง ๆ แล้วพวกเขาเป็นญาติสนิทของชนเผ่าอิสราเอล ชาวเอโดมสืบเชื้อสายมาจากเอซาว พี่ชายฝาแฝดของยาโคบ ซึ่งความขัดแย้งในครอบครัวได้เริ่มต้นมาตั้งแต่เอซาวขายสิทธิบุตรหัวปีของเขา โอบาดีห์จึงวิจารณ์ที่พวกเขาทำตัวเป็นศัตรูมากกว่าเป็นพี่น้อง
ชาวเอโดมไม่เพียงแต่ไม่มีส่วนช่วยเหลือยูดาห์ในยามที่ต้องการ แต่พวกเขายังมีบทบาทเชิงลบเพิ่มเติมอีก พระเจ้ากล่าวหาว่าเอโดมมีทัศนคติที่หยิ่งผยอง และถึงกับกล่าวว่าในวันที่ศัตรูโจมตีเยรูซาเล็มนั้น พวกเขาอยู่เฉย ๆ เหมือนเป็นหนึ่งในศัตรูเอง พระเจ้าตำหนิเอโดมอย่างเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการไม่แสดงออกถึงการสนับสนุนเพื่อนบ้านของตน ดังนั้นดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลายเป็นศัตรูนอกจากจะไม่เป็นญาติหรือเพื่อนบ้านที่ดี
โอบาดีห์ยังพูดถึง "วันแห่งพระยาห์เวห์" ซึ่งเป็นวันที่พระเจ้าจะทรงทำให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นในโลกนี้ ในสมัยนั้น แนวคิดนี้อาจหมายถึงวันที่พระเจ้าจะลงโทษเอโดมสำหรับการกระทำของพวกเขา โดยแผ่นดินและประชาชนของเอโดมจะถูกทำลายหรือกลืนกินโดยแผ่นดินและประชาชนของอิสราเอล ตัวอย่างที่สอดคล้องกับเรื่องนี้คือสดุดีบทที่ 82 ที่พระเจ้าเรียกร้องให้มีความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก แม้ว่าโดยภาพรวมแล้วสดุดีบทนี้อาจพูดกับศัตรูของพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์ก็ตาม แต่ข้อความหลักที่ชัดเจนคือพระเจ้ามุ่งเน้นการทำความยุติธรรมและความเมตตาแก่ทุกคน
ข้อคิด: โอบาดีห์ 1; สดุดี 82-83
สดุดีบทที่ 83 เป็นคำอ้อนวอนขอพระเจ้าทรงสำแดงความยุติธรรมต่อผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชากรของพระองค์ โดยมีการเผยแผนการลับที่ศัตรูได้วางไว้เพื่อลบล้างอิสราเอลให้หมดสิ้น พวกเขาปรึกษากันเพื่อทำลายชาติอิสราเอลและทำให้ชื่อของอิสราเอลหายไปจากความทรงจำ พระเจ้าทรงผูกพันกับประชากรอย่างใกล้ชิด ดังนั้นเมื่ออิสราเอลถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม พระองค์ถือว่าเป็นการกระทำต่อพระองค์โดยตรง การแก้แค้นของพระเจ้านั้นสมบูรณ์แบบและยุติธรรม แตกต่างจากการแก้แค้นของมนุษย์ พระองค์ทรงหวงแหนและปกป้องประชากรของพระองค์เสมอ พระเจ้าทรงสำแดงฤทธิ์อำนาจทั้งในโลกมนุษย์และโลกเหนือธรรมชาติ ทำให้พระองค์เป็นที่ที่ความชื่นชมยินดีอยู่เสมอ
คำถาม
1. โอบาดีห์พยากรณ์ถึงการพิพากษาเอโดมเพราะความหยิ่งผยองและการฉลองเมื่อเยรูซาเล็มถูกทำลาย (โอบาดีห์ 1) ความหยิ่งผยองแสดงออกในชีวิตของเราได้อย่างไร และเราจะหลีกเลี่ยงการมีท่าทีที่หยิ่งผยองต่อผู้อื่นได้อย่างไร?
2. สดุดี 82 ตำหนิผู้พิพากษาที่ไม่ยุติธรรมที่ตัดสินสินบนและไม่ปกป้องคนอ่อนแอ (สดุดี 82) เราจะสนับสนุนความยุติธรรมและความถูกต้องได้อย่างไร และเราจะเป็นกระบอกเสียงให้กับผู้ที่ไม่มีเสียงได้อย่างไร?
หนังสือโอบาดีห์ เป็นหนังสือที่สั้นที่สุดในพระคัมภีร์เดิม มีเพียงบทเดียวและ 21 ข้อ แต่เต็มไปด้วยข้อคิดที่สำคัญหลายประการ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการพิพากษาของพระเจ้าต่อประชาชาติเอโดม และหลักการแห่งความยุติธรรมของพระองค์
ต่อไปนี้คือข้อคิดที่สำคัญจากโอบาดีห์ บทที่ 1:
- ความบาปย่อมได้รับการลงโทษ: เอโดมถูกพิพากษาอย่างรุนแรงเนื่องจากการกระทำที่ชั่วร้ายต่อชนชาติยูดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเฉยเมยหรือแม้กระทั่งร่วมมือกับศัตรูเมื่อยูดาห์ถูกโจมตี นี่แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ทรงยุติธรรม และจะทรงลงโทษความบาปไม่ว่าจะเป็นของบุคคลหรือประชาชาติ
- อย่าชื่นชมยินดีในการล่มสลายของผู้อื่น: เอโดมถูกตำหนิอย่างหนักที่ชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากของยูดาห์ และใช้โอกาสนี้เข้าปล้นสะดมทรัพย์สินของพี่น้อง การกระทำเช่นนี้เป็นการแสดงออกถึงความโหดร้ายและขาดความเมตตา ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงรังเกียจ
- กฎแห่งการตอบแทน (Lex Talionis): แนวคิด "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในคำพิพากษาของพระเจ้าต่อเอโดม พระเจ้าทรงกล่าวว่า "เจ้าทำอย่างไร ก็จะได้รับอย่างนั้น" นี่เป็นการเตือนว่าการกระทำของเรา ไม่ว่าดีหรือร้าย ย่อมส่งผลสะท้อนกลับมาหาตัวเราเองในที่สุด
- ความภาคภูมิใจนำไปสู่ความล่มจม: เอโดมมีความภาคภูมิใจในความมั่นคงทางภูมิประเทศของตน (อาศัยอยู่ในซอกหินผา) และคิดว่าไม่มีใครสามารถทำอันตรายพวกเขาได้ แต่พระเจ้าทรงทำให้พวกเขาถ่อมตัวลง และทำลายความภาคภูมิใจนั้น นี่เป็นบทเรียนว่าความหยิ่งผยองและความมั่นใจในตนเองที่มากเกินไปโดยปราศจากพระเจ้านำไปสู่ความพินาศ
- ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องมีความสำคัญ: แม้เอโดมและยูดาห์จะเป็นพี่น้องกัน (ลูกหลานของเอซาวและยาโคบตามลำดับ) แต่เอโดมกลับทรยศและไร้เมตตาต่อยูดาห์ นี่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลและสนับสนุนซึ่งกันและกันในฐานะพี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
- พระเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมประวัติศาสตร์: แม้จะดูเหมือนว่าประชาชาติที่แข็งแกร่งสามารถทำสิ่งใดก็ได้ตามอำเภอใจ แต่โอบาดีห์แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้สูงสุดที่ทรงควบคุมชะตากรรมของประชาชาติทั้งหลาย และจะทรงให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสมของพระองค์
- ความหวังสำหรับชนชาติของพระเจ้า: ท่ามกลางคำพิพากษาต่อเอโดม โอบาดีห์ได้กล่าวถึงการฟื้นฟูของยูดาห์และ "ภูเขาศิโยนจะบริสุทธิ์" นี่เป็นคำพยากรณ์ที่ให้ความหวังแก่ชนชาติของพระเจ้าว่า แม้พวกเขาจะต้องผ่านความทุกข์ยาก แต่ในที่สุดพระเจ้าก็จะทรงนำการกอบกู้และการฟื้นฟูมาให้
โอบาดีห์เป็นหนังสือที่เตือนให้เราเห็นถึงผลลัพธ์ของความบาป ความหยิ่งผยอง และการขาดความเมตตา พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความยุติธรรมของพระเจ้า และความหวังที่พระองค์ทรงมีต่อผู้ที่วางใจในพระองค์