เรื่องย่อ
อิสยาห์ 59-66 พรรณนาถึงความล้มเหลวของอิสราเอลในการรักษาความชอบธรรม ความบาปของพวกเขาได้สร้างช่องว่างระหว่างพวกเขาและพระเจ้า ทำให้การอธิษฐานของพวกเขาไม่มีใครตอบสนองและความยุติธรรมกลายเป็นเรื่องยาก ผู้เผยพระวจนะคร่ำครวญถึงการขาดความซื่อสัตย์และความยุติธรรมทางสังคม เรียกร้องให้มีการสารภาพและการกลับใจ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความหวังสำหรับการแทรกแซงจากสวรรค์ พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะเสด็จมาในฐานะผู้ไถ่และผู้แก้แค้น ทรงสวมชุดเกราะแห่งความชอบธรรมและลงโทษศัตรูของพระองค์ อาณาจักรแห่งสิริจะถูกสร้างขึ้น โดยเยรูซาเลมใหม่เป็นศูนย์กลางแห่งแสงสว่างและความชอบธรรมที่ประชาชาติทั้งหลายจะไหลเข้ามา การสร้างใหม่นี้จะเกินกว่าสิ่งใดๆ ที่เคยมีมาก่อน ด้วยสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ที่ปราศจากความเศร้าโศกและความตาย ในขณะที่ผู้ที่ยังคงอยู่ในความดื้อรั้นจะเผชิญกับพระพิโรธของพระเจ้า พระสัญญาแห่งความรอดและความพรจึงขยายออกไปสู่ทุกคนที่ยอมรับพระองค์อย่างเชื่อฟัง
พระเจ้าทรงสัญญาพระพรแก่ชนชาติอิสราเอล โดยพระสัญญาว่าจะขยายครอบครัวให้กว้างไกล รวมถึงประชาชนจากทั่วทุกมุมโลก ถึงแม้ในระยะนั้นชนชาติอื่น ๆ จะยังเป็นศัตรู พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวหรือรู้สึกอายกับการรอคอย พระเจ้าทรงเปรียบเทียบอิสราเอลเป็นเจ้าสาว และพระองค์เป็นเจ้าบ่าวที่ไถ่พวกเขา โดยยกเหตุการณ์น้ำท่วมในสมัยโนอาห์เป็นตัวอย่างในการปกป้องประชากรท่ามกลางหายนะ พระองค์สัญญาถึงความรักมั่นคง พันธสัญญาแห่งสันติสุข และการป้องกันจากบุคคลที่เป็นศัตรู ไม่มีผู้ใดจะสามารถทำลายประตูเมือง หรือความสงบสุขที่พระองค์มอบให้
ต่อมาในบทที่ 55 พระเจ้าตรัสถึงการเลี้ยงดูประชากรโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่ใช่อาหารทางกายภาพ แต่เป็นอาหารแห่งความรอดที่ยั่งยืน พระเจ้าสร้างพันธสัญญากับอิสราเอลไม่ใช่บนพื้นฐานพฤติกรรมของพวกเขา แม้ว่าอิสราเอลจะละเมิดพันธสัญญา พระองค์ยังทรงรักและสัญญาว่าจะไม่ละทิ้ง อยู่ตรงนั้นเพื่ออวยพร ซึ่งถือเป็นพันธสัญญานิรันดร์ พระองค์เชิญชวนให้ประชาชนเปลี่ยนแปลงไม่เพียงการกระทำแต่รวมถึงความคิด พร้อมกล่าวว่า "ให้คนอธรรมละทิ้งทางของตน และคนอยุติธรรมละทิ้งความคิดของตน" ส่งเสริมให้พวกเขาหันกลับมาสู่พระเจ้าเพื่อรับความกรุณาและการให้อภัย
สุดท้าย พระเจ้าทรงมีแผนการที่ดีสำหรับประชากร ซึ่งเกินกว่าสิ่งที่มนุษย์จะคิดได้ ทุกสิ่งที่พระองค์เริ่มต้นจะบรรลุผลสำเร็จในที่สุด พระองค์จะฟื้นฟูและแก้ไขสิ่งที่สูญเสีย ผลิตรสชาติแห่งความรอดแทนหนามซึ่งเกิดจากคำสาปสมัยอาดัม อีกทั้งพระองค์ทรงอวยพรชาวต่างชาติที่เข้าร่วมในครอบครัวพระเจ้า ภายใต้ความคิดของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ ความรอดเป็นทั้งปัจจุบันและอนาคต แต่สิ่งสำคัญคือการละทิ้งรูปเคารพนมัสการพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์ อิสยาห์เตือนให้ระวังการกระทำที่ดูเหมือนชอบธรรมแต่ขาดแรงจูงใจที่ถูกต้อง การอดอาหารที่แท้จริงควรนำมาซึ่งการทดสอบจิตใจ ความอ่อนน้อม และการเชิดชูพระเจ้ามากกว่าการกระทำที่เห็นแก่ตัว
ข้อคิด: อิสยาห์ 54-58
พระเจ้าไม่ได้หนีจากคนบาป แต่ทรงเข้ามาใกล้เพื่อช่วยเหลือพวกเขาในยามที่ต้องการ พระองค์เป็นผู้เดียวที่สามารถเป็นที่พึ่งพาได้ พระองค์ตรัสว่า "เราอยู่ในที่สูงและบริสุทธิ์ และอยู่กับผู้ที่มีจิตใจสำนึกผิดและต่ำต้อยด้วย" โดยการอยู่กับผู้ต่ำต้อย พระองค์ตั้งใจที่จะฟื้นฟูและเสริมสร้างกำลังใจของพวกเขา แม้พระองค์จะเห็นความผิดทั้งหมดของเรา พระองค์ยังคงยืนยันความตั้งใจในการรักษาและช่วยเหลือ ดังนั้นเมื่อเราทำบาป เราไม่จำเป็นต้องวิ่งหนี เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับเรา ทรงรักและรอคอยเรา ด้วยความเมตตาและปราถนาที่จะนำความยินดีและการรักษามาให้ พระองค์ทรงอยู่ที่ที่มีความยินดีเสมอ
คำถาม
1. ในยุคที่ครอบครัวเผชิญกับความไม่แน่นอนและความท้าทายต่างๆ (เช่นเดียวกับอิสราเอลที่ถูกทอดทิ้งในอิสยาห์ 54), เราจะสร้างความมั่นคงทางอารมณ์และจิตวิญญาณได้อย่างไร เพื่อให้สมาชิกทุกคนรู้สึกปลอดภัยและได้รับการสนับสนุน แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก?
2. เมื่อพิจารณาถึงการเน้นย้ำถึงการปฏิบัติที่ถูกต้องและความยุติธรรมในอิสยาห์ 58, เราจะสอนและเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมและยุติธรรมได้อย่างไร ทั้งในบ้านและในสังคม เพื่อให้สมาชิกทุกคนเติบโตขึ้นเป็นผู้ที่ใส่ใจต่อความต้องการของผู้อื่นและพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส?
อิสยาห์บทที่ 58 เป็นอีกบทที่สำคัญในพระคัมภีร์อิสยาห์ ซึ่งเน้นย้ำถึง การนมัสการที่แท้จริง และ การเชื่อฟังที่มาจากใจ โดยหลักแล้ว พระคัมภีร์บทนี้ตำหนิผู้คนอิสราเอลที่ปฏิบัติศาสนกิจภายนอก แต่ขาดซึ่งความยุติธรรมและความเมตตาต่อผู้อื่น และชี้ให้เห็นว่าพระเจ้าทรงปรารถนาอะไรจากการนมัสการของพวกเขาอย่างแท้จริง
1. การนมัสการภายนอกที่ไร้ความหมาย (Meaningless External Worship)
บทนี้เริ่มต้นด้วยการที่พระเจ้าทรงตำหนิชนชาติอิสราเอลที่พยายามแสดงออกถึงการนมัสการอย่างเคร่งครัด เช่น การอดอาหาร การก้มศีรษะ และการสวมผ้ากระสอบ แต่การกระทำเหล่านั้นกลับไม่ได้มาจากใจที่บริสุทธิ์:
- การอดอาหารที่ไม่ชอบธรรม: "ทำไมเราอดอาหารแล้วท่านไม่เห็น? ทำไมเราถ่อมตัวลงแล้วท่านไม่สนใจ?" (อิสยาห์ 58:3) พระเจ้าทรงชี้ให้เห็นว่าการอดอาหารของพวกเขาไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภายใน แต่กลับเต็มไปด้วยการวิวาท การทะเลาะวิวาท และการกดขี่ผู้อื่น
- การแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว: "ดูเถิด ในวันที่เจ้าอดอาหารนั้น เจ้าก็แสวงหาความพอใจของตนเอง และบังคับคนทำงานของเจ้าให้ทำงานอย่างหนัก" (อิสยาห์ 58:3) การนมัสการของพวกเขาถูกใช้เป็นเพียงพิธีกรรมภายนอก ไม่ได้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิตหรือความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับพระเจ้า
2. การนมัสการที่แท้จริง: ความยุติธรรมและความเมตตา (True Worship: Justice and Compassion)
พระเจ้าทรงเปิดเผยสิ่งที่พระองค์ทรงปรารถนาอย่างแท้จริง ซึ่งแตกต่างจากการปฏิบัติภายนอกที่ผู้คนกำลังทำอยู่:
- การปลดปล่อยผู้ที่ถูกกดขี่: "นี่ไม่ใช่หรือคือการอดอาหารที่เราเลือกไว้? คือการแก้โซ่ที่อธรรม การปลดสายรัดแอก การปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ และการหักแอกทุกชนิดให้ขาดไป?" (อิสยาห์ 58:6) พระเจ้าทรงปรารถนาให้ผู้คนแสดงความยุติธรรมต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อ่อนแอและถูกกดขี่
- การแบ่งปันและความเมตตา: "นี่ไม่ใช่หรือคือการแบ่งปันอาหารให้แก่ผู้หิวโหย? และการนำคนยากจนไร้ที่อยู่เข้ามาในบ้านของเจ้า? เมื่อเจ้าเห็นคนเปลือยกาย เจ้าก็เอาเสื้อผ้าให้เขาใส่ และไม่ซ่อนตัวจากญาติพี่น้องของเจ้า?" (อิสยาห์ 58:7) การนมัสการที่แท้จริงคือการแสดงความรักและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะผู้ที่ขัดสน
3. พรที่มาจากการเชื่อฟัง (Blessings from Obedience)
บทนี้ยังให้คำสัญญาถึงพรมากมายที่จะตามมาเมื่อผู้คนหันกลับมานมัสการพระเจ้าอย่างแท้จริง และแสดงความยุติธรรมและความเมตตาต่อผู้อื่น:
- ความสว่างและสุขภาพ: "แล้วความสว่างของเจ้าจะพุ่งออกมาเหมือนรุ่งอรุณ และการเยียวยาของเจ้าจะงอกขึ้นอย่างรวดเร็ว" (อิสยาห์ 58:8)
- การทรงนำและการจัดเตรียม: "แล้วเจ้าจะเรียกและพระยาห์เวห์จะตอบ เจ้าจะร้องขอ และพระองค์จะตรัสว่า 'เราอยู่นี่แล้ว'" (อิสยาห์ 58:9) และ "พระยาห์เวห์จะทรงนำเจ้าเสมอ พระองค์จะทรงให้เจ้าอิ่มในที่แห้งแล้ง และเสริมกำลังกระดูกของเจ้า เจ้าจะเป็นเหมือนสวนที่มีน้ำรดอย่างดี เหมือนน้ำพุที่น้ำไม่เคยขาด" (อิสยาห์ 58:11)
- การฟื้นฟูและความรุ่งเรือง: "บรรดาคนของเจ้าจะสร้างซากปรักหักพังขึ้นใหม่ เจ้าจะบูรณะรากฐานของคนหลายชั่วอายุ และเจ้าจะถูกเรียกว่า 'ผู้ซ่อมกำแพงที่พัง' 'ผู้บูรณะถนนให้มีคนอาศัย'" (อิสยาห์ 58:12)
4. ความสำคัญของวันสะบาโต (The Importance of the Sabbath)
อิสยาห์ 58 ยังเน้นถึงความสำคัญของการรักษาวันสะบาโตอย่างถูกต้อง ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การหยุดพัก แต่เป็นการให้เกียรติพระเจ้า:
- การหาความชื่นชมยินดีในพระเจ้า: "ถ้าเจ้าหันเท้าของเจ้าจากวันสะบาโต ไม่ทำตามใจของเจ้าในวันบริสุทธิ์ของเรา ถ้าเจ้าเรียกวันสะบาโตว่า 'ความยินดี' และวันบริสุทธิ์ของพระยาห์เวห์ว่า 'วันมีเกียรติ' และให้เกียรติวันนั้นโดยไม่ทำตามทางของเจ้า ไม่แสวงหาความพอใจของเจ้า หรือพูดจาไร้สาระ" (อิสยาห์ 58:13)
อิสยาห์ 58 สอนเราว่า การนมัสการที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่พิธีกรรมภายนอกหรือการแสดงออกทางศาสนาเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วสะท้อนออกมาจากหัวใจที่เต็มไปด้วยความยุติธรรม ความเมตตา และความรักต่อเพื่อนมนุษย์ การเชื่อฟังพระเจ้าอย่างแท้จริงหมายถึงการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลผู้ที่ด้อยโอกาสและแสดงความรักต่อผู้อื่น เมื่อเราทำเช่นนี้ พระเจ้าจะทรงประทานพรและทรงสถิตอยู่กับเรา