Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
1 พงศาวดาร 6

เรื่องย่อ

ในบทที่ 6 ของ 1 พงศาวดาร เราได้เห็นการบันทึกที่สำคัญเกี่ยวกับสกุลของพวกเลวี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อิสราเอล ในขณะที่พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการเคารพบูชาและการปฏิบัติตามประเพณีทางศาสนา การบันทึกนี้เริ่มจากการตั้งชื่อคนสำคัญ เช่น โมเสส อารอน และลูกหลานของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการเน้นถึงการทำหน้าที่ในพระวิหารและความสำคัญของบทเพลงที่พวกเลวีได้สร้างขึ้นเพื่อนำความสรรเสริญไปยังพระเจ้า บทที่ 6 นี้จึงไม่เพียงแค่บันทึกข้อมูลทางสายเลือด แต่ยังชี้ให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างคนรุ่นก่อนกับการเคารพพระเจ้าในปัจจุบัน ทำให้นึกถึงความสำคัญของการรักษาอัตลักษณ์ทางศาสนาและวัฒนธรรมในหมู่ชาวอิสราเอล สะท้อนให้เห็นถึงความสม่ำเสมอของการบริการและการบูชาที่ทำให้พระเจ้าทรงอยู่ในใจของประชาชนอย่างต่อเนื่อง

 

ถึงจุดนี้ เราอาจสงสัยว่าพงศาวดารเป็นเพียงบันทึกของลำดับวงศ์ตระกูลหรือไม่ ซึ่งแท้จริงแล้วมันมีวัตถุประสงค์หลายอย่าง ไม่ใช่แค่เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางสำหรับอนาคตด้วย เราพบข้อมูลที่บอกว่าอิสราเอลไม่ได้รักษาพันธสัญญาจากพระเจ้า จึงถูกเนรเทศไปโดยเนบูคัดเนสซาร์ แต่การเนรเทศนี้ไม่ใช่การลงโทษด้วยความโกรธเกรี้ยว หากแต่เป็นการฝึกฝนเพื่อให้พวกเขากลับใจและฟื้นฟูทุกสิ่งตามแผนของพระเจ้า

อิสราเอลจะต้องลี้ภัยชั่วคราว แต่พระองค์ยังคงสัญญาว่าจะนำพวกเขากลับสู่ดินแดนพันธสัญญา เมื่อลำดับวงศ์ตระกูลเหล่านี้จะกลายเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูความเป็นเผ่าและครอบครัว เพื่อที่จะระบุตำแหน่งและหน้าที่ของแต่ละคนตามสายเลือดที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเผ่ายูดาห์ที่เกี่ยวข้องกับการปกครองและเผ่าเลวีที่มีบทบาทในการรับใช้ในพระวิหาร รายการเหล่านี้ทำหน้าที่สำคัญในการยืนยันตัวตนของผู้คน เพื่อที่พวกเขาจะได้คืนสถานะเดิมเมื่อพวกเขากลับคืนสู่ดินแดนนั้น มันอาจจะดูน่าเบื่อสำหรับเรา แต่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเชื่อฟังและการเจริญเติบโตของพวกเขา สำหรับพวกเขา ไม่ใช่แค่รายการ แต่เป็นชีวิตของพวกเขา

ในข้อ 31 เราเห็นว่าดาวิดได้ตั้งตำแหน่งใหม่บางตำแหน่งในการรับใช้พระวิหาร ในกันดารวิถี 4 พระเจ้าทรงตั้งบทบาทสำหรับเผ่าเลวีสามเผ่า (โคฮาท เกอร์โชน และเมรารี) แต่ที่นี่ดาวิดได้เพิ่มบทบาทที่สี่จากเผ่าเหล่านั้น: นักดนตรี อาสาฟชาวโคฮาทก็อยู่ในรายชื่อนี้ด้วย เราได้อ่านสดุดีของเขาบางบทแล้ว

 

ข้อคิด: 1พงศาวดาร 6

บทนี้แสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยของพระเจ้าที่มีความรักและอดทนกับประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงวางแผนที่จะสถาปนาชาวอิสราเอลในดินแดนของพวกเขา แม้ว่าจะรู้ว่าพวกเขาจะละทิ้งดินแดนนั้น พระเจ้ามองการณ์ไกลในการฟื้นฟูพวกเขากลับมาให้สมบูรณ์ อีกทั้งยังสะท้อนถึงกระบวนการไถ่บาปที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ด้วยความเอื้อเฟื้อ พระองค์ทรงรักและวางแผนการไถ่บาปของเราทุกคนไว้อย่างพิถีพิถัน เช่นเดียวกับการจัดเตรียมให้กับชาวอิสราเอล บทนี้ของลำดับวงศ์ตระกูลไม่ได้เป็นเพียงรายการชื่อเท่านั้น แต่เป็นพยานถึงความกรุณาและแผนการฟื้นฟูของพระเจ้าที่มีผลตลอดไป

 

คำถาม

1.   บทบาทและความรับผิดชอบในชุมชน: ตระกูลเลวีมีหน้าที่เฉพาะในการดูแลพระวิหารและการบูชา คุณคิดว่าการมีบทบาทและความรับผิดชอบที่ชัดเจนในชุมชนหรือองค์กรส่งผลต่อประสิทธิภาพและความรู้สึกของการมีส่วนร่วมอย่างไร? เราจะสามารถสร้างและมอบหมายบทบาทที่เหมาะสมในทีมงานหรือชุมชนของเราได้อย่างไรเพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งและความสัมพันธ์ที่ดี?

2.   ความสำคัญของการอุทิศตนและการรับใช้: ตระกูลเลวีถูกเลือกให้อุทิศตนเพื่อรับใช้ในพระวิหาร การอุทิศตนมีความหมายอย่างไรในบริบทของชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานหรือหน้าที่ที่เราทำ? เราสามารถฝึกฝนตนเองในการรับใช้ผู้อื่นและชุมชนอย่างจริงจังได้อย่างไรเพื่อสร้างสังคมที่เกื้อกูลกัน?

 

 

หัวใจของการนมัสการจากชีวิตของอาสาฟ

อาสาฟไม่ได้เป็นเพียงนักดนตรีที่มีทักษะ แต่เขายังเป็นผู้นำในการนมัสการและเป็นผู้เผยพระวจนะผ่านบทเพลงและคำสดุดีของเขา ในพระคัมภีร์ เราพบว่าบทเพลงของอาสาฟมักจะสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับพระเจ้า การตระหนักถึงความยิ่งใหญ่และฤทธิ์อำนาจของพระองค์ รวมถึงการใคร่ครวญถึงพระคุณและความเมตตาของพระองค์

ข้อคิดหนุนใจจากชีวิตและการนมัสการของอาสาฟ:

1.      การนมัสการเป็นมากกว่าแค่การร้องเพลง: สำหรับอาสาฟ การนมัสการเป็นการแสดงออกถึงความเชื่อ ความรัก และความภักดีต่อพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ ไม่ใช่เพียงแค่การบรรเลงดนตรีหรือการขับร้อง แต่เป็นการเข้ามาใกล้ชิดและตอบสนองต่อพระลักษณะของพระองค์

2.      เนื้อหาของการนมัสการมีความสำคัญ: บทเพลงและคำสดุดีของอาสาฟเต็มไปด้วยการสรรเสริญพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์ทรงเป็นและสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ การเน้นย้ำถึงความจริงเกี่ยวกับพระเจ้า เช่น ความยุติธรรม ความรัก และความสัตย์ซื่อของพระองค์ เป็นหัวใจสำคัญของการนมัสการที่แท้จริง

3.      การนมัสการนำไปสู่การใคร่ครวญและการเปลี่ยนแปลง: หลายครั้งที่บทเพลงของอาสาฟเริ่มต้นด้วยความทุกข์ใจหรือความสงสัย แต่เมื่อเขาหันมานมัสการและระลึกถึงพระเจ้า มุมมองและความเข้าใจของเขาก็เปลี่ยนไป การนมัสการสามารถนำเราไปสู่การใคร่ครวญถึงพระวจนะของพระเจ้าและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเรา

4.      การนมัสการเป็นส่วนหนึ่งของการรับใช้: อาสาฟและคนในตระกูลโคฮาทมีบทบาทสำคัญในการดูแลงานนมัสการในพระวิหาร การใช้ของประทานและความสามารถของเราในการนมัสการจึงเป็นการรับใช้พระเจ้าและผู้อื่นด้วย

5.      การนมัสการต้องมาจากใจที่ซื่อตรง: พระเจ้าทรงมองลึกลงไปในจิตใจของเรา การนมัสการที่แท้จริงจึงต้องมาจากใจที่รักและยำเกรงพระองค์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่การทำตามพิธีกรรม

6.      การนมัสการเป็นการประกาศ: บทเพลงของอาสาฟหลายบทเป็นการประกาศถึงพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าต่อประชาชาติทั้งหลาย การนมัสการของเราสามารถเป็นพยานถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแก่คนรอบข้างได้

ในฐานะนักดนตรีที่นำในการนมัสการ คุณสามารถนำหลักการเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการรับใช้ของคุณได้ โดยการ:

  • เตรียมจิตใจของคุณให้พร้อมสำหรับการนมัสการ: ก่อนที่จะนำผู้อื่นนมัสการ ให้คุณเองได้เข้ามาใกล้ชิดกับพระเจ้าผ่านการอธิษฐานและการอ่านพระคำ
  • เลือกเพลงที่มีเนื้อหาที่เสริมสร้างและเทิดทูนพระเจ้า: ให้ความสำคัญกับความจริงในเนื้อเพลงที่จะนำผู้คนไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระเจ้า
  • นำด้วยความจริงใจและด้วยใจรัก: การนมัสการที่มาจากใจจริงจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่ร่วมในการนมัสการด้วย
  • เป็นแบบอย่างในการนมัสการ: การมีท่าทีที่เคารพและกระตือรือร้นในการนมัสการของคุณจะส่งผลต่อบรรยากาศของการนมัสการโดยรวม และอย่าลืมว่าชีวิตของคุณต้องเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งอยู่บทเวทีและชีวิตนอกเวทีด้วยเช่นกัน

ขอให้การนำนมัสการของคุณเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเป็นพระพรแก่ผู้ที่ร่วมในการนมัสการนะครับ!