เรื่องย่อ
เมื่อเสียงเพลงสรรเสริญดังกังวานในหมู่บ้าน อารมณ์แห่งการนมัสการในสดุดีบทที่ 81 เชื้อเชิญให้เป็นที่รำลึกถึงพระคุณและพระพรที่พระเจ้าได้ประทานให้แก่ประชากรของพระองค์ ดาวิดเรียกร้องให้คนอิสราเอลเคารพและระลึกถึงคำบัญชาของพระเจ้าเพื่อให้มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ส่วนสดุดี 88 เป็นบทที่สื่อถึงความทุกข์ยากสุดขั้ว การร่ำไห้และการวิงวอนพระเจ้าท่ามกลางความรู้สึกสิ้นหวังและสับสนของชีวิต บทนี้สะท้อนถึงความจริงของมนุษย์ที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและความโดดเดี่ยว แต่ยังคงมีความหวังที่จะได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า ในขณะที่สดุดี 92-93 ยกย่องพระเจ้าผู้ทรงอำนาจและความดี เอื้อนเอ่ยถึงความสำคัญของการนมัสการและการสรรเสริญที่นำมาซึ่งความสดชื่นและการเติมเต็มในชีวิต บทเหล่านี้ทั้งหมดสร้างภาพรวมของการเดินทางจากทุกข์สู่ความสุข ความเชื่อในพระเจ้าที่คอยช่วยเหลือและสรรค์สร้างเสริมชีวิตให้มีความหมายอย่างล้ำลึก
สดุดี 81 เป็นเพลงสรรเสริญที่มีการเรียกชุมนุมจากนักดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรีต่าง ๆ เช่น พิณ รำมะนา แตร—พระเจ้าชอบทุกอย่าง! ในเวลานี้ แตรไม่ได้ทำจากทองเหลือง แต่ทำจากเขาแกะ และโดยทั่วไปเรียกว่าโชฟาร์ นักดนตรีกำลังส่งสัญญาณการเริ่มงานเลี้ยงเพื่อรวบรวมผู้คนทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อเฉลิมฉลองสิ่งที่พระเจ้าทรงทำให้กับประชากรอิสราเอล เนื้อเพลงกล่าวถึงการช่วยกู้ของพระเจ้าจากอียิปต์ การจัดหาในถิ่นทุรกันดาร และพระบัญชาของพระองค์ที่ให้พวกเขาซื่อสัตย์ต่อพระองค์แต่ผู้เดียว นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการกบฏของพวกเขา และจบลงด้วยการที่พระเจ้าทรงวิงวอนขอให้ผู้คนของพระองค์กลับใจ เนื้อเพลงนี้มีการกล่าวซ้ำถึงคำว่า "ฟัง" และ "ฟัง" สามครั้งในสดุดีนี้ แม้ว่าพระเจ้าจะทรงเรียกให้พวกเขาเล่นเครื่องดนตรีเสียงดังในตอนแรก แต่พระองค์กลับสนใจว่าพวกเขาจะได้ยินพระองค์และทำตามที่พระองค์ตรัสมากกว่า
เฮมาน บุตรโคราห์ เขียนสดุดีบทที่ 88 และดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในที่มืดมนในเวลานั้น เขาแสดงอารมณ์ของเขาต่อพระเจ้าอย่างเปิดเผย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าสามารถจัดการกับความหงุดหงิดและคำถามของเราได้โดยไม่ถูกคุกคามแม้แต่น้อย เฮมานเริ่มต้นด้วยการเรียก YHWH ว่าเป็น “พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า” ดังนั้นเขาจึงบอกให้เรารู้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับพระเจ้า เขาขอให้พระเจ้าทรงใส่ใจคำอธิษฐานของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะใกล้ตายหรือรู้สึกเหมือนกำลังจะตายทางอารมณ์ ซึ่งยากที่จะพูดได้แน่ชัด ในข้อ 6–8 และอีกครั้งในข้อ 16–18 เขากล่าวถึงพระเจ้าว่าเป็นแหล่งที่มาของปัญหาของเขา แต่เขาก็ทำให้ชัดเจนด้วยว่าพระเจ้าเป็นทางแก้ปัญหาเพียงทางเดียวสำหรับปัญหาเหล่านั้น สดุดีบทนี้ไม่ได้ผูกติดด้วยโบว์ แต่เขาปล่อยให้มันเปิดกว้าง สดุดีประเภทนี้แสดงให้เราเห็นว่าคำอธิษฐานของเราไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบหรือสมบูรณ์แบบ เราสามารถนำใจของเราไปหาพระเจ้าผู้สร้างใจของเราได้ โดยรู้ว่าพระองค์จะทรงพบเราในความยุ่งเหยิง หากคุณกลัวที่จะอธิษฐาน ให้สดุดีของเฮมานช่วยทำให้ใจของคุณสงบลง มีโอกาสน้อยมากที่คุณจะพูดอะไรบางอย่างที่แย่กว่าที่เฮมานได้พูดไปแล้วกับพระเจ้า
สดุดี 92 เป็นเพลงสำหรับวันสะบาโตที่เรียกร้องให้มีการนมัสการและย้ำเตือนความสำคัญของการพักผ่อนในวันที่พระเจ้าทรงกำหนด โดยการเปรียบเทียบระหว่างคนชั่วและคนชอบธรรม ผู้เขียนเตือนว่าความเจริญรุ่งเรืองของคนชั่วเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว การสอนนี้กระตุ้มเตือนใจประชาชนไม่ให้ถูกล่อลวงจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันที่อาจทำให้พวกเขาลืมความสำคัญของการหยุดเพื่อสรรเสริญพระเจ้า ในทางที่โปร่งใส สดุดี 93 สรรเสริญอำนาจของพระเจ้าผู้ทรงอำนาจเหนือทุกสิ่ง โดยเน้นว่าท evenน้ำที่ถูกมองว่าเป็นภัยก็ยังต้องก้มหัวให้กับการปกครองของพระองค์ เป็นการย้ำถึงตำแหน่งที่สูงส่งของพระเจ้าในทุกสิ่งที่ทรงสร้าง
ข้อคิด: สดุดี 81; 88; 92-93
ในสดุดี 92 เราเห็นว่าคนชอบธรรมเป็นเหมือนต้นปาล์มที่ปลูกในบ้านของพระเจ้า—พวกเขาเจริญเติบโตและออกผลตลอดเวลา เราจะกลายเป็นเหมือนต้นปาล์มเหล่านั้นได้อย่างไร? เราต้องทำอย่างไรจึงจะกลายเป็นคนชอบธรรม? พระนามหนึ่งของพระเจ้าคือ ยาห์เวห์ ซิดเคนู (YHWH Tsidkenu) ซึ่งหมายถึง “พระยาห์เวห์ผู้ทรงชอบธรรมของเรา” พระองค์ไม่เพียงแต่ทรงทำให้เราชอบธรรมเท่านั้น แต่พระองค์คือความชอบธรรมของเรา พระเยซูตรัสทำนองเดียวกันในยอห์น 15:5: “ผู้ใดดำรงอยู่ในเราและเราอยู่ในเขา ผู้นั้นก็ออกผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้ว พวกท่านทำสิ่งใดไม่ได้เลย” ต้นปาล์มไม่เดินเข้าไปในบ้านของพระเจ้าและปลูกเอง และต้นปาล์มไม่สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง—ต้นปาล์มต้องการน้ำและแสงแดดเพื่อเจริญเติบโตและออกผล ต้นปาล์มต้องเชื่อมต่อกับแหล่งอาหารของมัน ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงทำทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้เราเป็นผู้ชอบธรรม ปลูกในบ้านของพระองค์ และออกผลมาก พระองค์อยู่ที่มีผล และพระองค์อยู่ที่มีความยินดี!
คำถาม
1. การเผชิญหน้ากับความทุกข์และการค้นหาความหวัง: สดุดีบทที่ 88 แสดงถึงความรู้สึกหมดหวังและการร้องทุกข์ต่อพระเจ้า ในช่วงเวลาที่เราต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานหรือความท้าทายที่ดูเหมือนไม่มีทางออก เราจะค้นหาความหวังและกำลังใจได้อย่างไร? คุณมีวิธีใดในการกลับมายืนหยัดอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์ยากเกินกว่าจะรับมือ?
2. การยกย่องความยิ่งใหญ่และความมั่นคงของพระเจ้า: ในสดุดีบทที่ 92 และ 93 มีการยกย่องความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าและการที่พระองค์ทรงสร้างความมั่นคงให้แก่โลก คุณคิดว่าการยกย่องและระลึกถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในชีวิตประจำวันสามารถส่งผลต่อวิธีที่เรามองโลกและจัดการกับความไม่แน่นอนได้อย่างไร? การสร้างนิสัยในการขอบคุณและยกย่องความดีจะช่วยเสริมสร้างชีวิตที่มีสุขภาพจิตดีได้อย่างไร?
ยาห์เวห์ ซิดเคนู (יְהֹוָה צִדְקֵנוּ, YHWH Tsidkenu) ในภาษาฮีบรูมีความหมายว่า "พระยาห์เวห์คือความชอบธรรมของเรา" หรือ "พระเจ้าคือความชอบธรรมของเรา"
คำนี้ประกอบด้วยสองส่วน:
- เยโฮวาห์ (יְהֹוָה, YHWH): พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าในพันธสัญญาเดิม ซึ่งมักจะแปลว่า "พระเจ้า" หรือ "พระยาห์เวห์" เป็นพระนามที่แสดงถึงความเป็นอยู่ด้วยพระองค์เอง ความเที่ยงแท้ และความสัตย์ซื่อของพระองค์
- ซิดเคนู (צִדְקֵנוּ, Tsidkenu): คำนี้มาจากรากศัพท์ "Tsedek" (צֶדֶק) ซึ่งหมายถึง "ความชอบธรรม", "ความยุติธรรม", "ความถูกต้อง" และมีคำสรรพนามลงท้าย "-nu" (נוּ) ที่แปลว่า "ของเรา" ดังนั้น "Tsidkenu" จึงหมายถึง "ความชอบธรรมของเรา"
เยโฮวาห์ ซิดเคนู สอนอะไรเรา:
1. พระเจ้าทรงเป็นแหล่งแห่งความชอบธรรม: ชื่อนี้สอนว่าความชอบธรรมที่แท้จริงไม่ได้มาจากตัวเราเองหรือการกระทำของเรา แต่มาจากพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นมาตรฐานของความชอบธรรม และเป็นผู้ประทานความชอบธรรมแก่ผู้ที่เชื่อในพระองค์
2. เราไม่สามารถชอบธรรมได้ด้วยตนเอง: ในพระคัมภีร์ (เช่น โรม 3:10, อิสยาห์ 64:6) สอนว่าไม่มีใครชอบธรรมโดยธรรมชาติ และการกระทำที่ดีของเราก็เหมือนผ้าขี้ริ้วเมื่อเทียบกับความบริสุทธิ์ของพระเจ้า เราต้องการความชอบธรรมจากภายนอก
3. ความชอบธรรมเป็นของประทานจากพระเจ้า: ผ่านทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าทรงประทานความชอบธรรมของพระองค์แก่เรา (2 โครินธ์ 5:21) นี่คือสิ่งที่เรียกว่า "ความชอบธรรมโดยความเชื่อ" หรือ "ความชอบธรรมที่ถูกยกให้"
4. ความหวังในพระเมสสิยาห์: ในบริบทของพระธรรมเยเรมีย์ (23:5-6 และ 33:15-16) ที่มีการกล่าวถึงชื่อนี้ เป็นการพยากรณ์ถึงกษัตริย์ผู้ชอบธรรมที่จะมาจากเชื้อสายของดาวิด ซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งจะนำความรอดและความชอบธรรมมาสู่ประชากรของพระองค์ พระองค์เองคือ "พระยาห์เวห์คือความชอบธรรมของเรา"
5. ความมั่นใจในความสัมพันธ์กับพระเจ้า: เมื่อเราเข้าใจว่าความชอบธรรมของเรามาจากพระเจ้า ไม่ใช่จากตัวเราเอง เราจึงสามารถมีความมั่นใจในการเข้าใกล้พระองค์ได้ ไม่ใช่ด้วยความภาคภูมิใจในตนเอง แต่ด้วยความขอบคุณในพระคุณของพระองค์
6. การดำเนินชีวิตที่ตอบสนองต่อความชอบธรรมของพระเจ้า: แม้ว่าความชอบธรรมของเราจะเป็นของประทาน แต่การตระหนักถึงความจริงนี้ควรนำเราไปสู่การดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับพระลักษณะอันชอบธรรมของพระเจ้า เป็นการตอบสนองต่อพระคุณที่ได้รับ
โดยสรุป เยโฮวาห์ ซิดเคนู เป็นชื่อซึ่งเปิดเผยถึงพระลักษณะของพระเจ้าในฐานะผู้ทรงเป็นแหล่งแห่งความชอบธรรมของเรา และชี้ไปยังพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นความชอบธรรมนั้นสำหรับทุกคนที่เชื่อในพระองค์ ชื่อนี้หนุนใจให้เราวางใจในพระเจ้าสำหรับสถานะที่ถูกต้องของเราต่อหน้าพระองค์ และดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระองค์