Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เยเรมีย์ 35

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เยเรมีย์ 36

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เยเรมีย์ 37

เรื่องย่อ

เยเรมีย์ใช้ชาวเรคาบเป็นตัวอย่างเพื่อเตือนใจชาวยูดาห์ถึงความสำคัญของการเชื่อฟัง ชาวเรคาบปฏิบัติตามคำสั่งของบรรพบุรุษอย่างเคร่งครัดในการไม่ดื่มเหล้า ไม่สร้างบ้าน และใช้ชีวิตแบบเร่ร่อน ในขณะที่ชาวยูดาห์กลับไม่เชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า เยเรมีย์ถูกจองจำในคุกเนื่องจากประกาศพระวจนะที่ขัดต่อความปรารถนาของกษัตริย์เศเดคียาห์ เศเดคียาห์แอบขอให้เยเรมีย์ทูลขอพระเจ้าให้ทรงเมตตา แต่เขาไม่ยอมกลับใจอย่างแท้จริง บทเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเชื่อฟังพระเจ้าและคำสอนของบรรพบุรุษที่ชอบธรรม และแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากที่เยเรมีย์ต้องเผชิญในการประกาศพระวจนะของพระเจ้าแก่ผู้ที่ไม่ต้องการฟัง

 

เนื้อหาของหนังสือเยเรมีย์จะสลับไปมาระหว่างช่วงเวลาต่างๆ เพื่อเน้นความแตกต่างที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น เรื่องราวของการไม่ซื่อสัตย์ของยูดาห์จะถูกนำเสนอควบคู่ไปกับความซื่อสัตย์ของคนเรคาบ ซึ่งเป็นกลุ่มคนเร่ร่อนที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชาวอิสราเอล แต่กลับเชื่อฟังคำสั่งของบรรพบุรุษในการละเว้นจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มานานกว่า 200 ปี การเชื่อฟังของพวกเขาทำให้ชาวอิสราเอลต้องอับอาย และพระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงสงวนชนที่เหลือไว้จากคนเรคาบ ในขณะที่ชาวอิสราเอลจะถูกลงโทษจากการกบฏ

พระเจ้าทรงสั่งให้เยเรมีย์เขียนทุกสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้ตลอด 22 ปี และให้บารุคอ่านม้วนหนังสือให้ประชาชนฟัง เจ้าหน้าที่ตกตะลึงกับคำพยากรณ์และคำเตือน แต่กษัตริย์กลับฉีกและเผาม้วนหนังสือทิ้ง เพื่อพยายามป้องกันภัยพิบัติ พระเจ้าจึงให้เยเรมีย์เขียนใหม่อีกครั้ง โดยขยายเนื้อหาเพิ่มเติมและทรงสัญญาว่าจะนำการพิพากษามาสู่กษัตริย์ ซึ่งรวมถึงการที่พระองค์จะไม่มีโอรสสืบราชบัลลังก์

ในขณะที่บาบิโลนกำลังล้อมกรุงเยรูซาเล็ม กองทัพอียิปต์ก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้ชาวบาบิโลนล่าถอยไปชั่วคราว กษัตริย์ส่งคนไปขอให้เยเรมีย์อธิษฐาน แต่เยเรมีย์กลับส่งข่าวร้ายมาให้ว่า นี่เป็นเพียงการพักรบชั่วคราวและบาบิโลนจะกลับมาโจมตีอีกครั้ง เยเรมีย์ถูกจับและถูกทุบตีในข้อหาพยายามเข้าร่วมกับชาวบาบิโลน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงติดตามและยอมจำนนต่อพระเจ้า กษัตริย์ทรงส่งคนมาหาเยเรมีย์เป็นการส่วนตัวเป็นครั้งคราว เพื่อแสวงหาปัญญาและความเข้าใจ และเยเรมีย์ก็กล่าวความจริงด้วยความถ่อมใจเสมอ

 

ข้อคิด: เยเรมีย์ 35-37

พระเจ้าทรงปกป้องพระวจนะของพระองค์อย่างหวงแหนและทรงมุ่งมั่นที่จะให้ทุกคนได้ยิน พระองค์ทรงตรัสซ้ำๆ และยังทรงให้เยเรมีย์เขียนม้วนหนังสือที่ถูกทำลายขึ้นใหม่ แสดงให้เห็นว่าไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางการสื่อสารของพระองค์กับมนุษยชาติได้ พระวจนะของพระเจ้าดำรงอยู่เป็นนิตย์ เช่นเดียวกับที่พระเยซูตรัสว่า "ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่ถ้อยคำของเราจะไม่ล่วงไป" (มาระโก 13:31) การลงทุนในพระเจ้าและการอ่านพระวจนะของพระองค์เป็นการสร้างสิ่งที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ และการรู้จักพระองค์เป็นการรู้จักความชื่นชมยินดีที่แท้จริง

 

คำถาม

1.   พระธรรมเยเรมีย์ 35 ยกย่องชาวเรคาไบต์ในเรื่องความจงรักภักดีของพวกเขาต่อคำสั่งของบรรพบุรุษ ในสังคมที่การปฏิบัติตามประเพณีและหลักการมีค่าลดลง เราจะสร้างสมดุลระหว่างการให้เกียรติมรดกของเรากับการปรับตัวให้เข้ากับบริบทร่วมสมัยได้อย่างไร

2.   ในพระธรรมเยเรมีย์ 37 เยเรมีย์ถูกจำคุกเนื่องจากการประกาศข่าวสารที่ไม่เป็นที่นิยม ในโลกปัจจุบัน เราจะกล้าในการประกาศข่าวประเสริฐได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับความอายส่วนตัว

 

 

เยเรมีย์ บทที่ 35 เล่าเรื่องราวของชาวเรคาบ ซึ่งเป็นชนเผ่าที่ดำเนินชีวิตตามคำสั่งของบรรพบุรุษอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะคำสั่งที่ห้ามดื่มเหล้า แม้ว่าผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์จะนำเหล้าองุ่นมาให้ดื่ม พวกเขาก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่น นี่คือข้อคิดสำคัญที่เราเรียนรู้ได้จากเรื่องนี้:

  • การเชื่อฟังอย่างสัตย์ซื่อ: ชาวเรคาบแสดงให้เห็นถึงความสัตย์ซื่อและการเชื่อฟังอย่างถึงที่สุดต่อคำสั่งของบรรพบุรุษ พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังเพียงเพราะเป็นคำสั่ง แต่เพราะพวกเขาเห็นคุณค่าในวิถีชีวิตนั้น นี่เป็นแบบอย่างที่ท้าทายให้เราพิจารณาว่า เราเองเชื่อฟังพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อเหมือนที่ชาวเรคาบเชื่อฟังบรรพบุรุษของพวกเขาหรือไม่
  • คำสัญญาที่ต้องรักษา: ชนเผ่านี้ยังสอนเราเกี่ยวกับความสำคัญของการรักษาคำมั่นสัญญาที่ทำไว้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ชั่วอายุคนก็ตาม พวกเขายึดมั่นในวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่สร้างบ้านอยู่ถาวร และไม่เพาะปลูก ซึ่งสะท้อนถึงการไม่ยึดติดกับวัตถุและโลกนี้มากเกินไป
  • การเปรียบเทียบกับชาวอิสราเอล: พระเจ้าทรงใช้ชาวเรคาบเป็นตัวอย่างเพื่อเปรียบเทียบกับชาวอิสราเอล (ยูดาห์) ที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ แม้ว่าพระองค์จะส่งผู้เผยพระวจนะมาตักเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งทำให้ชาวอิสราเอลต้องเผชิญกับบทลงโทษ

เรื่องราวของชาวเรคาบเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับผู้ที่อ้างว่านับถือพระเจ้า แต่ไม่ได้ดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระองค์อย่างจริงจัง มันเน้นย้ำว่า การเชื่อฟังสำคัญกว่าการทำพิธีกรรม และความสัตย์ซื่อในการดำเนินชีวิตเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัย