Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เยเรมีย์ 51

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เยเรมีย์ 52

เรื่องย่อ

บทสุดท้ายของเยเรมีย์พาเราเข้าสู่การเปิดเผยความลับของการล่มสลายของอาณาจักรบาบิโลนและกรุงเยรูซาเล็ม ด้วยภาพของความหายนะและการลงโทษที่พระเจ้าประกาศไว้ เมืองที่เคยรุ่งเรืองกลายเป็นซากปรักหักพัง พร้อมกับเสียงเตือนให้ชนชาติรับรู้ถึงความยุติธรรมของพระเจ้าและการลงโทษจากการทำผิดครั้งใหญ่ การชะตากรรมของกษัตริย์และชาวยิวที่ถูกเนรเทศสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการกลับใจและความเชื่อในพระเจ้า ถึงแม้ความพินาศจะมาถึง แต่ก็เปิดทางให้ความหวังและการฟื้นฟูในอนาคตที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ในสายพระเนตรอันยาวนาน

 

เมื่อเราศึกษาต่อในเรื่องการทำลายบาบิโลนตามที่มีบันทึกไว้ในเยเรมีย์ สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงชาวยิวที่ถูกเนรเทศซึ่งอาจจะอยู่ที่นั่นในช่วงเวลาแห่งความหายนะนี้ พวกเขาอาจจะรู้สึกว่าพระเจ้าทรงละทิ้งพวกเขาและลืมพระสัญญาของพระองค์แล้ว เพื่อที่จะบรรเทาความกลัวของพวกเขา พระเจ้าจึงทรงยืนยันกับพวกเขาว่าอิสราเอลและยูดาห์ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง โดยทรงสัญญาว่าพระองค์จะทรงอยู่กับพวกเขา ทรงแก้แค้นให้พวกเขา และทรงนำพวกเขากลับไปยังเยรูซาเล็มเพื่อฟื้นฟูความมั่งคั่งของพวกเขา พวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือเมื่อบาบิโลนถูกทำลาย และพวกเขาจะกลับไปยังบ้านเกิดเหมือนกับการอพยพออกจากอียิปต์ครั้งยิ่งใหญ่

พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะลงโทษบาบิโลนอย่างหนักสำหรับสิ่งที่พวกเขากระทำต่ออิสราเอล โดยให้บาบิโลนกลายเป็นดินแดนร้างที่ไม่มีสิ่งใดที่มีคุณค่าออกมาจากที่นั่น พระเจ้าทรงใช้กษัตริย์แห่งเปอร์เซียเพื่อกระทำการทำลายล้างนี้ให้สำเร็จ สร้างความละอายใจให้กับชาวบาบิโลนในรูปเคารพที่ไร้ค่าของพวกเขา ชาวยิวไม่จำเป็นต้องกลัว เพราะพระเจ้าทรงเป็นที่ไว้วางใจได้ เยเรมีย์ได้เขียนคำพยากรณ์เหล่านี้และส่งไปยังเจ้าหน้าที่ทหารก่อนที่จะเริ่มมีการเป็นเชลยในบาบิโลน

บทที่ 52 ให้ภาพรวมอย่างชัดเจน โดยแสดงให้เห็นถึงการเติมเต็มคำพยากรณ์ในยุคแรกๆ เมื่อเยรูซาเล็มถูกโค่นล้ม พระวิหารถูกปล้น เผา และทำลาย และผู้คนถูกเนรเทศ แม้จะเกิดโศกนาฏกรรมเหล่านี้ แต่ก็มีเรื่องราวของการไถ่ การปลดปล่อย และความหวัง และความรอดนี้ยังรวมไปถึงคนอย่างกษัตริย์เยโฮยาคีนผู้ชั่วร้าย ผู้เชื่อฟังเมื่อเยเรมีย์พยากรณ์ว่ายูดาห์ควรยอมจำนนต่อบาบิโลน พระเจ้าทรงดูแลกษัตริย์เยโฮยาคีนด้วยเช่นกัน พระเจ้าทรงดูแลและปกป้องผู้คนที่เราไม่คาดหวังว่าจะได้รับพระพรของพระองค์

 

ข้อคิด: เยเรมีย์ 51-52

เยเรมีย์ 51:19 เน้นย้ำถึงความแตกต่างระหว่างพระเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสิ่งกับรูปเคารพของชาวบาบิโลน โดยเน้นว่าพระเจ้าประทานพระองค์เองแก่ประชากรของพระองค์ การเป็นเจ้าของทุกสิ่งของพระองค์แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นของประทานที่ดีที่สุด และพระองค์ทรงดีกว่าทุกสิ่งที่สร้างขึ้น ประสบการณ์แสดงให้เห็นว่าความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สินทางวัตถุ แต่อยู่ในความสัมพันธ์กับพระเยซู ทำให้ผู้ที่ให้ความสำคัญกับพระองค์เหนือสิ่งอื่นใดพบความพึงพอใจที่แท้จริง ดังนั้น การประทานพระองค์เองของพระเจ้าเป็นของประทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับพระองค์และทรงเป็นบ่อเกิดแห่งความชื่นชมยินดีที่แท้จริง

 

คำถาม

1.   เยเรมีย์พยากรณ์ถึงการล่มสลายของบาบิโลน ซึ่งเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจ ในโลกปัจจุบัน เราเห็น "บาบิโลน" ในรูปแบบใดบ้าง (เช่น ระบบที่เน้นวัตถุนิยม อำนาจ หรือชื่อเสียง) และเราจะหลีกเลี่ยงการถูกครอบงำโดยสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร?

2.   แม้หลังจากที่เยรูซาเล็มถูกทำลายและผู้คนถูกเนรเทศ เยเรมีย์ก็ยังคงมีความหวังว่าพระเจ้าจะทรงนำพวกเขากลับคืนมา เราจะรักษามุมมองแห่งความหวังและความเชื่อได้อย่างไร แม้ในเวลาที่มืดมนที่สุด และเราจะแบ่งปันความหวังนั้นกับผู้อื่นได้อย่างไร?

 

 

เยเรมีย์ บทที่ 52 เป็นบทสรุปที่สำคัญของหนังสือทั้งเล่ม ซึ่งมีลักษณะเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่บรรยายถึงเหตุการณ์การล่มสลายของกรุงเยรูซาเล็ม การถูกเนรเทศของประชาชน และชะตากรรมของกษัตริย์เศเดคียาห์และบรรดาผู้นำ นี่ไม่ใช่คำพยากรณ์ แต่เป็นคำพยานถึงการที่คำพยากรณ์ของเยเรมีย์ได้เป็นจริง บทนี้ให้ข้อคิดที่ลึกซึ้งดังนี้

1. การล่มสลายเป็นผลจากความบาป

พระธรรมเยเรมีย์ บทที่ 52 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการล่มสลายของกรุงเยรูซาเล็มไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลโดยตรงจากการที่ประชาชนและผู้นำของพวกเขาปฏิเสธที่จะเชื่อฟังพระเจ้า กษัตริย์เศเดคียาห์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ท่านทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้าและกบฏต่อกษัตริย์บาบิโลนในที่สุด ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายที่เลวร้าย (ข้อ 1-3) นี่คือเครื่องเตือนใจที่ทรงพลังว่า การไม่เชื่อฟังพระเจ้าจะนำมาซึ่งผลที่เลวร้ายและเจ็บปวด

2. พระคำของพระเจ้าจะสำเร็จเสมอ

ตลอดทั้งหนังสือเยเรมีย์เต็มไปด้วยคำพยากรณ์ถึงการล่มสลายที่จะมาถึงหากชนชาติอิสราเอลไม่กลับใจ ในบทที่ 52 นี้ คำพยากรณ์ทั้งหมดได้กลายเป็นความจริง การทำลายพระวิหาร (ข้อ 13) การเนรเทศประชาชน (ข้อ 28-30) และการปฏิบัติที่โหดร้ายต่อกษัตริย์เศเดคียาห์ (ข้อ 11) ล้วนสอดคล้องกับสิ่งที่เยเรมีย์ได้พยากรณ์ไว้ นี่เป็นการยืนยันว่า พระคำของพระเจ้าเที่ยงแท้และจะสำเร็จตามที่ได้กล่าวไว้เสมอ ไม่ว่าสถานการณ์จะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้เพียงใดก็ตาม

3. แม้ในความมืดมิดก็ยังมีแสงสว่างแห่งความหวัง

แม้ว่าบทนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวความทุกข์ระทม แต่ก็มีจุดจบที่ให้ความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ (ข้อ 31-34) กษัตริย์เยโฮยาคีนถูกปล่อยออกจากคุกและได้รับการยกย่องจากกษัตริย์ของบาบิโลน นี่แสดงให้เห็นว่า แม้ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล พระเจ้าก็ยังทรงรักษาความหวังไว้ บทนี้จบลงด้วยการที่เชื้อสายแห่งกษัตริย์ยังคงอยู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพันธสัญญาที่พระเจ้ามีต่อดาวิด และบ่งชี้ถึงการมาของพระเมสสิยาห์ในอนาคต

พระธรรมเยเรมีย์ บทที่ 52 สอนให้เรารู้ว่า การกระทำของเรามีผลตามมา และ พระคำของพระเจ้าเป็นจริง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งประชาชนของพระองค์ แม้ในยามที่พวกเขาต้องเผชิญกับผลจากความบาปของตนเอง แต่ก็ยังทรงเตรียมหนทางแห่งความหวังและการไถ่บาปไว้เสมอ