Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 9

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 10

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 11

เรื่องย่อ

นิมิตอันน่าสยดสยองเผยให้เห็นการพิพากษาของพระเจ้าที่กำลังจะมาถึงเยรูซาเลมเนื่องจากการละทิ้งความเชื่อและการบูชารูปเคารพ ผู้ที่ไว้ทุกข์ให้กับความชั่วร้ายในเมืองจะได้รับการทำเครื่องหมายเพื่อละเว้นโทษ ในขณะที่คนอื่นๆ จะถูกลงโทษอย่างไม่ปรานี เอเสเคียลทำหน้าที่เป็นผู้พยากรณ์ที่กล้าหาญ โดยแบกรับภาระหนักอึ้งในการเตือนผู้คนถึงผลที่ตามมาจากการไม่เชื่อฟังของพวกเขา แม้ว่าจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้น แต่ก็มีประกายแห่งความหวัง: พระเจ้าจะรักษาผู้ที่เหลืออยู่และฟื้นฟูอิสราเอลในที่สุด โดยแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรม ความศักดิ์สิทธิ์ และความเมตตาที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระองค์

 

เมื่อวานนี้ เอเสเคียลได้เห็นนิมิตอันน่าสะพรึงกลัวเกี่ยวกับความชั่วร้ายที่ครอบงำเยรูซาเลม วันนี้ นิมิตยังคงดำเนินต่อไป โดยพระเจ้าทรงเรียกเพชฌฆาตแห่งการพิพากษามายังพระวิหาร ซึ่งก็คือทูตสวรรค์ที่ได้รับมอบหมายให้ลงโทษคนชั่วร้าย ท่ามกลางพวกเขา มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งสวมเสื้อผ้าลินินและถือเครื่องเขียน ซึ่งมีหน้าที่ทำเครื่องหมายผู้ที่ไว้ทุกข์ให้กับความชั่วร้าย เพื่อให้พวกเขาได้รับการละเว้น ฉากนี้ชวนให้นึกถึงเทศกาลปัสกา ซึ่งผู้ที่ประตูมีเครื่องหมายด้วยเลือดได้รับการช่วยให้รอด และยังขนานกับวิวรณ์ ซึ่งผู้ชอบธรรมจะได้รับการประทับตราจากพระเจ้า

พระเจ้าทรงบัญชาให้ทูตสวรรค์ลงโทษคนชั่วร้ายภายในพระวิหาร ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎความบริสุทธิ์ แต่สอดคล้องกับแผนการของพระเจ้าที่จะทรงละทิ้งพระวิหาร เอเสเคียลรู้สึกทุกข์ใจเพราะเขากลัวว่าการพิพากษาจะกวาดล้างทุกคนไป แต่พระเจ้าทรงยืนยันว่าชายที่สวมผ้าลินินได้ทำหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ และจะทรงช่วยทุกคนที่พระองค์ทรงบัญชาให้ช่วย แม้ว่าเขาจะไม่ใช่การปรากฏของพระเจ้าโดยตรง แต่เขาก็เป็นแบบอย่างของพระคริสต์

ต่อมา เอเสเคียลเห็นนิมิตของเครูบ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตบนสวรรค์ที่ปกป้องสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เครูบเหล่านี้แบกบัลลังก์ที่พระเจ้าจะประทับเมื่อพระองค์เสด็จออกจากพระวิหาร พระเจ้าทรงให้ชายที่สวมผ้าลินินนำไฟศักดิ์สิทธิ์มาเป็นการพิพากษาเมือง จากนั้นพระองค์เสด็จออกจากพระวิหารด้วยราชรถเครูบและมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก แม้ว่าพระเจ้าจะทรงละทิ้งพระวิหาร แต่พระองค์ไม่ได้ทอดทิ้งประชากรของพระองค์ที่แท้จริง ซึ่งก็คือผู้ที่ไม่ได้บูชารูปเคารพ หลังจากนั้น พระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำเอเสเคียลไปยังส่วนอื่น ๆ ของเมือง ที่ซึ่งเขาพยากรณ์ถึงการพิพากษาที่จะมาถึงแก่ผู้นำที่ชั่วร้าย พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงประทานใจใหม่แก่ประชากรของพระองค์ และเอเสเคียลได้ทำการแสดงเป็นนิมิตเพื่อแสดงให้พวกเขาเห็นถึงความหวาดกลัวที่ผู้ถูกเนรเทศในอนาคตจะต้องเผชิญ เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาตระหนักถึงความจริงแห่งคำพยากรณ์

 

ข้อคิด: เอเสเคียล 9-12

ใน 10:19 สง่าราศีของพระเจ้ากำลังออกจากพระวิหารพร้อมกับเครูบ พระเจ้าและเครูบ "ยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูทิศตะวันออกของพระนิเวศของพระยาห์เวห์" คำว่า "ยืน" บ่งบอกว่าพระเจ้าทรงลังเลอยู่ที่ธรณีประตูก่อนที่จะเสด็จออกไปทางประตูทิศตะวันออก เกือบจะเหมือนเป็นการมองย้อนกลับไปเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่พระองค์ทรงรู้สึกถึงความเศร้าโศกต่อสิ่งที่สูญเสียไป ความเจ็บปวดต่อการที่ประชากรของพระองค์ทำให้พระองค์เสียพระทัย การสูญเสียแผ่นดินที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับพวกเขา และพระพรที่พระองค์ประทานให้ แต่ทุกสิ่งก็ไม่ได้สูญหายไป เพราะแล้วพระเจ้าก็ทรงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกไปยังบาบิโลน พระเจ้าทรงติดตามประชากรของพระองค์ไปยังแผ่นดินที่พวกเขาถูกเนรเทศ ยังคงติดตามพวกเขาต่อไป แม้ในการถูกเนรเทศ พระองค์ก็ทรงเป็นสถานนมัสการของเรา แม้ในการถูกเนรเทศ พระองค์ก็ทรงเป็นที่ซึ่งความชื่นชมยินดีอยู่!

 

คำถาม

1.   ในเอเสเคียล 9 ผู้ที่ไว้ทุกข์ให้กับความชั่วร้ายในเมืองจะได้รับการทำเครื่องหมายให้พ้นจากการพิพากษา เราจะประยุกต์ใช้หลักการนี้ในสังคมปัจจุบันได้อย่างไรเราจะสร้างความแตกต่างระหว่างการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเมืองหรือเรื่องสังคมคริสเตียนในโซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์ได้อย่างไร?

2.   เอเสเคียล 12 เตือนถึงผลที่ตามมาของการไม่เชื่อฟังพระเจ้า แม้ว่าในปัจจุบันเราจะไม่ได้อยู่ภายใต้ระบบการปกครองแบบศาสนาโดยตรง บทเรียนอะไรที่เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการเชื่อฟังหลักการทางศีลธรรมและความรับผิดชอบต่อผลของการกระทำของเราเราจะสร้างสมดุลระหว่างเสรีภาพส่วนบุคคลและความรับผิดชอบต่อสังคมได้อย่างไร?

 

 

ในบทที่ 10 ของพระธรรมเอเสเคียล (Ezekiel) มีข้อคิดที่น่าสนใจหลายประการเกี่ยวกับการพิพากษาของพระเจ้าต่อเมืองเยรูซาเล็มและพลไพร่ของพระองค์ ดังนี้

1. การจากไปของพระสิริของพระเจ้า

ข้อคิดที่โดดเด่นที่สุดคือเรื่อง พระสิริของพระเจ้า (Glory of God) ที่กำลังจะออกจากพระวิหารและเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงละทิ้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เคยประทับอยู่และมอบมันให้กับการทำลายล้าง สิ่งนี้แสดงถึง:

  • ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า: พระสิริของพระองค์ไม่สามารถทนอยู่ร่วมกับการนมัสการเทียมเท็จและความบาปของประชากรได้
  • การพิพากษาเป็นผลจากความบาป: การจากไปของพระสิริเป็นผลโดยตรงจากการที่ชาวอิสราเอลและผู้นำของพวกเขาหันหลังให้พระเจ้าและไปบูชาเทวรูป

2. พระเมตตาที่ยังคงมีอยู่

แม้ว่าการพิพากษาจะรุนแรง แต่ในบทนี้ก็ยังเห็นพระเมตตาของพระเจ้าเล็กน้อยผ่านการกระทำของทูตสวรรค์และเครูบ คือ:

  • การเก็บถ่านไฟที่เผาผลาญ: มีการสั่งให้เครูบเก็บถ่านไฟที่ลุกโชนจากแท่นบูชาเพื่อนำไปโปรยเหนือเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งแสดงถึงการพิพากษาที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก็ยังมีความหวังเล็ก ๆ ว่าการกระทำนี้เป็นการชำระล้างและเตรียมการสำหรับการฟื้นฟูในอนาคต

3. การทรงควบคุมทั้งหมด

นิมิตของเอเสเคียลแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงควบคุมทุกสิ่ง แม้กระทั่งการพิพากษาและการทำลายล้างก็อยู่ภายใต้การบัญชาของพระองค์ การเคลื่อนไหวของเครูบและวงล้อที่ซับซ้อน (ตามที่เห็นในบทที่ 1) แสดงถึง:

  • ความยิ่งใหญ่และอำนาจสูงสุดของพระเจ้า: พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองเหนือทุกสรรพสิ่งในจักรวาล รวมถึงกองทัพสวรรค์และโลกนี้ด้วย
  • แผนการของพระเจ้า: ทุกการเคลื่อนไหวมีจุดประสงค์และไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของพระเจ้าในการพิพากษาและฟื้นฟูประชากรของพระองค์

4. การเปลี่ยนแปลงของเมืองเยรูซาเล็มและชาวอิสราเอล

การจากไปของพระสิริของพระเจ้ายังเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดยุคหนึ่งและเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ที่เมืองเยรูซาเล็มและพระวิหารจะถูกทำลายและชาวอิสราเอลจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย สิ่งนี้เป็นข้อคิดที่สำคัญคือ:

  • การพึ่งพิงพระเจ้า: เมืองเยรูซาเล็มและพระวิหารมีความสำคัญเพราะพระสิริของพระเจ้าประทับอยู่ ไม่ใช่เพราะความยิ่งใหญ่ของอาคารหรือความสามารถของมนุษย์
  • การกลับใจ: การพิพากษาที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนการเรียกให้ประชากรกลับใจจากความบาปและหันกลับมาหาพระเจ้า

ข้อคิดจากเอเสเคียล 10 คือการเตือนใจถึง ความร้ายแรงของความบาปที่แยกเราออกจากพระเจ้า และแสดงให้เห็นว่า การพิพากษาเป็นผลตามมาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการพิพากษา แต่ความยิ่งใหญ่และแผนการของพระเจ้าก็ยังคงทำงานอยู่ เพื่อเตรียมหนทางสำหรับการกลับใจและการฟื้นฟูในที่สุด