Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 13

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 14

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 15

เรื่องย่อ

เอเสเคียล 13-15 เผยให้เห็นการประณามอย่างรุนแรงต่อผู้เผยพระวจนะเท็จที่หลอกลวงผู้คนด้วยคำทำนายอันเป็นเท็จ ทำให้พวกเขาหลงระเริงไปกับความหวังจอมปลอม ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ถูกเปรียบเทียบกับสุนัขจิ้งจอกที่ล่าเหยื่ออย่างไร้ความปราณี และกำแพงที่ฉาบปูนขาวซึ่งพังทลายลงเมื่อเผชิญกับพายุแห่งการพิพากษาของพระเจ้า พระเจ้าประกาศว่าแม้แต่ความชอบธรรมของโนอาห์ ดาเนียล และโยบ ก็ไม่สามารถช่วยเมืองที่ชั่วร้ายเช่นเยรูซาเลมได้ การพิพากษาจะครอบคลุมถึงภัยพิบัติร้ายแรง และมีเพียงผู้ที่กลับใจเท่านั้นที่จะรอดพ้นได้ การลงโทษครั้งนี้เป็นการยืนยันความยุติธรรมอันสมบูรณ์แบบของพระเจ้าและความต้องการความชอบธรรมในหมู่ประชากรของพระองค์

 

เอเสเคียลประณามผู้เผยพระวจนะเท็จที่ทำนายจากความคิดของตนเอง หรือจากสิ่งที่ "รู้สึก" ในใจ พวกเขาหลอกลวงด้วยนิมิตและคำโกหกที่อาจเกิดจากการหลอกลวงหรือการปรุงแต่งขึ้นเอง ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ยังเชื่อว่าพวกเขาสามารถบังคับให้พระเจ้าทำตามความประสงค์ของตนได้โดยการใช้พระนามของพระองค์ แต่พระเจ้าทรงประกาศว่าพระองค์ไม่ได้ส่งพวกเขา และจะไม่ทรงทำตามคำทำนายเท็จของพวกเขา คำพยากรณ์ของพวกเขาจะกลับมาทำร้ายพวกเขาเอง เปรียบเสมือนกำแพงที่ทาสีขาวแต่จะพังทลายลงมา

นอกจากนี้ พระเจ้ายังทรงต่อว่านักมายากลและพ่อมดหมอผีที่ใช้ความกลัวมาหลอกล่อผู้คนให้ทำชั่ว โดยสัญญาว่าจะปกป้องพวกเขาจากความชั่วร้าย แต่พระเจ้าทรงประกาศว่าความพยายามของพวกเขาจะไร้ผล เพราะพวกเขาไม่มีอำนาจที่จะสร้างหรือควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่ทรงมีอำนาจสูงสุด

ในบทที่ 14 พระเจ้าทรงเผชิญหน้ากับผู้สูงอายุที่บูชารูปเคารพในใจ แม้ว่าพวกเขาจะมาขอคำแนะนำจากเอเสเคียล พระเจ้าทรงอนุญาตให้พวกเขามาหาพระองค์ แต่พระองค์จะทรงจัดการกับปัญหาเรื่องรูปเคารพของพวกเขาก่อน พระเจ้าทรงต้อนรับทุกคนให้มาหาพระองค์ แม้ในความบาป แต่พระองค์ทรงต้องการให้พวกเขาเป็นอิสระจากสิ่งที่ขัดขวางความสัมพันธ์ของพวกเขากับพระองค์ นอกจากนี้ พระเจ้ายังทรงเตือนว่าผู้เผยพระวจนะเท็จที่ให้คำแนะนำที่ขัดต่อพระองค์จะต้องถูกลงโทษด้วยเช่นกัน และพระองค์จะทรงลงโทษแผ่นดินด้วยการกันดารอาหาร ดาบ โรคระบาด และสัตว์ร้าย แม้แต่คนชอบธรรมอย่างโนอาห์ ดาเนียล และโยบก็แทบจะไม่รอดพ้นจากภัยพิบัติเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม จะมีผู้รอดชีวิตบางคนซึ่งจะเป็นกำลังใจให้กับเอเสเคียลและเป็นพยานถึงความดีและความยุติธรรมของพระเจ้า

 

ข้อคิด: เอเสเคียล 13-15

พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะลงโทษผู้เผยพระวจนะเท็จและนักเวทมนตร์ เพราะ “เจ้าได้ทำให้ใจคนชอบธรรมท้อแท้ด้วยความเท็จ ทั้งๆ ที่เรามิได้ทำให้เขาเสียใจ และเจ้าได้หนุนใจคนชั่ว เพื่อมิให้เขากลับจากทางชั่วของเขาเพื่อช่วยชีวิตของเขา” (13:22) ข้อนี้กล่าวถึงสองสิ่งที่ไม่เหมาะสม: สันติสุขสำหรับคนชั่ว และการขาดสันติสุขสำหรับคนชอบธรรม พระเจ้าทรงประสงค์ให้ประชากรของพระองค์มีสันติสุขและดำเนินในความจริง และพระองค์ทรงประสงค์ให้คนชั่วได้ยินความจริงด้วย! เพราะพระองค์ทรงห่วงใยสิ่งเหล่านั้นอย่างสุดซึ้ง พระองค์จะทรงลงโทษผู้ที่ทำให้ประชากรของพระองค์ท้อแท้และเสียใจ พระองค์มิได้ทรงห่วงใยเพียงจุดหมายปลายทางนิรันดร์ของเราเท่านั้น แต่พระองค์ทรงห่วงใยสันติสุขที่เรามีติดตัวไปในแต่ละวันในฐานะบุตรที่รู้จักและรักความจริงว่าพระบิดาของพวกเขาเป็นใคร แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงเป็นที่ซึ่งความชื่นชมยินดีอยู่!

 

คำถาม

1.   ในเอเสเคียล 13 มีการกล่าวถึงผู้เผยพระวจนะเท็จที่หลอกลวงผู้คนด้วยคำทำนายอันเป็นเท็จ ในยุคปัจจุบันที่มีข้อมูลมากมาย เราจะแยกแยะ "ผู้เผยพระวจนะเท็จ" ในรูปแบบต่างๆ (เช่น ข่าวปลอม, นักการเมืองที่สัญญาลมๆ แล้งๆ, กูรูที่อ้างความรู้พิเศษ) ได้อย่างไรเราจะพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณได้อย่างไร?

2.   เอเสเคียล 14 กล่าวว่าแม้ความชอบธรรมของบุคคลที่ชอบธรรมอย่างโนอาห์ ดาเนียล และโยบ ก็ไม่สามารถช่วยคนที่ไม่ชอบธรรมได้ ในสังคมปัจจุบัน เราจะส่งเสริมให้ผู้คนตระหนักถึงผลของการกระทำของตนเองได้อย่างไร ในขณะเดียวกันเราจะเปลี่ยนแปลงและละจากบาปได้อย่างไร?

 

 

เอเสเคียล 13 เป็นบทที่กล่าวถึงผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหรือผู้เผยพระวจนะจอมปลอม โดยหลักๆ แล้วบทนี้ให้ข้อคิดที่สำคัญหลายประการเกี่ยวกับความจริงและความเท็จในการรับใช้พระเจ้า ดังนี้:

1. การแยกแยะระหว่างความจริงและความเท็จ

ผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จจะพูดสิ่งที่ผู้คนอยากได้ยิน พวกเขาสร้างภาพลวงตาของความสงบสุขและความปลอดภัย ทั้งที่จริงแล้วอันตรายกำลังจะมาถึง เปรียบเสมือนการ "โบกปูนขาว" บนกำแพงที่เปราะบางเพื่อซ่อนรอยร้าวและจุดอ่อน (เอเสเคียล 13:10) ข้อคิดนี้สอนเราว่า ผู้รับใช้พระเจ้าที่แท้จริงจะไม่หลีกเลี่ยงการพูดความจริงที่ยากลำบาก ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่คนไม่ชอบฟังก็ตาม เพราะเป้าหมายคือการนำผู้คนไปสู่ความรอด ไม่ใช่แค่ทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจชั่วขณะ

2. ผลลัพธ์ของการหลอกลวง

ผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จใช้การหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งในที่สุดแล้วการกระทำของพวกเขาจะถูกเปิดเผยและนำมาซึ่งความหายนะ พระเจ้าเปรียบเทียบการหลอกลวงของพวกเขาเหมือน "ลมพายุ" ที่จะพัดพังกำแพงที่พวกเขาโบกปูนไว้ และจะเปิดเผยการหลอกลวงของพวกเขา (เอเสเคียล 13:11-14) ข้อคิดนี้สอนเราว่า ความจริงจะถูกเปิดเผยเสมอ และการหลอกลวงไม่สามารถคงอยู่ตลอดไปได้

3. การฟังเสียงที่ถูกต้อง

บทนี้เตือนให้เราต้องระมัดระวังและพิจารณาให้ดีว่าเรากำลังฟังเสียงของใครอยู่ ผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จในบทนี้ใช้การทำนายที่มาจากจินตนาการของตัวเอง (เอเสเคียล 13:3) ไม่ใช่มาจากพระวจนะของพระเจ้า ข้อคิดนี้เน้นย้ำว่า เราต้องฟังเสียงของพระเจ้าเป็นอันดับแรก และควรตรวจสอบคำสอนหรือคำทำนายต่างๆ ว่าสอดคล้องกับพระคัมภีร์หรือไม่

4. ความรับผิดชอบต่อการกระทำ

พระเจ้าทรงพิพากษาทั้งผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จและผู้คนที่ติดตามพวกเขา ผู้เผยพระวจนะหญิงที่ใช้เครื่องรางและผ้าคลุมศีรษะเพื่อหลอกลวงผู้คนก็ถูกกล่าวถึงเช่นกัน (เอเสเคียล 13:17-19) ข้อคิดนี้สอนเราว่า การหลอกลวงไม่เพียงแต่ทำลายผู้อื่น แต่ยังทำลายตัวผู้หลอกลวงเองด้วย และท้ายที่สุดแล้วทุกคนต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตน

ข้อคิดสำคัญจากเอเสเคียล 13 คือ การยืนหยัดในความจริงของพระเจ้า การระมัดระวังการหลอกลวง และการตระหนักว่าความจริงจะเปิดเผยทุกสิ่งเสมอ บทนี้เป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการแยกแยะความจริงจากความเท็จ และเตือนให้เราพึ่งพิงพระวจนะของพระเจ้าเพียงเท่านั้น