Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 28

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 29

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 30

เรื่องย่อ

ในเอเสเคียล บทที่ 28-30 มีการพิพากษาเกิดขึ้นกับเมืองไทระและผู้ปกครองที่เย่อหยิ่งของเมืองนั้น ซึ่งถูกกล่าวหาว่ายกตนข่มท่านเป็นพระเจ้า และจะถูกนำมาซึ่งความพินาศโดยคนต่างชาติ นอกจากนี้ ยังมีการพยากรณ์ถึงการพิพากษาที่จะเกิดขึ้นกับอียิปต์ ฟาโรห์และประเทศของเขาจะถูกลงโทษด้วยดาบ และอียิปต์จะกลายเป็นดินแดนที่รกร้างว่างเปล่าเป็นเวลา 40 ปี ซึ่งจะถูกทำให้กลับคืนมาในภายหลัง แต่จะไม่กลับไปมีอำนาจเหมือนเดิมอีกต่อไป การพยากรณ์เหล่านี้เน้นย้ำถึงอำนาจสูงสุดของพระเจ้าและการพิพากษาที่จะเกิดขึ้นกับความเย่อหยิ่งและต่อต้านพระองค์

 

พระเจ้าทรงต่อต้านความเย่อหยิ่ง แม้ว่าความเย่อหยิ่งนั้นจะเกิดจากของประทานและทักษะที่พระองค์ประทานให้เอง เมืองไทระก็เช่นกันที่มีความสวยงามและผู้นำที่ฉลาดแต่ได้เย่อหยิ่งด้วยของประทานเหล่านั้น เขาภาคภูมิใจในความงาม สติปัญญา และความมั่งคั่ง เช่นเดียวกับอียิปต์ที่ภาคภูมิใจในอำนาจของตน การอ้างสิทธิ์ในความแข็งแกร่งของตนเอง หรือการหมกมุ่นอยู่กับสิ่งเหล่านั้นมากเกินไป คือการขโมยเกียรติจากพระผู้ประทาน

การพยากรณ์เริ่มต้นด้วยการกล่าวโทษผู้นำของเมืองไทระที่อ้างตนเป็นพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงยอมไม่ได้ พระเจ้าจะโจมตีและทำลายสิ่งที่เมืองและผู้นำของเมืองไทระไว้วางใจ พระเจ้าตรัสกับกษัตริย์แห่งเมืองไทระด้วยถ้อยคำเชิงกวี โดยเปรียบเทียบกษัตริย์กับเครูบที่ได้รับการแต่งตั้งให้เฝ้าอุทยานเอเดน หรือแม้กระทั่งงูในสวนเอเดนที่พยายามยกตนขึ้นสู่ตำแหน่งพระเจ้า เมืองไซดอนก็ถูกประณามด้วยเช่นกันสำหรับการดูหมิ่นอิสราเอล จากนั้นอียิปต์ถูกเปรียบเทียบกับมังกรน้ำที่อ้างตนเป็นผู้สร้างแม่น้ำไนล์ พระเจ้าจะทรงลงโทษอียิปต์ที่ช่วยเหลืออิสราเอลแต่กลับทรมานพวกเขาแทน ถึงแม้ว่าอียิปต์จะถูกลงโทษเป็นเวลานาน แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะฟื้นฟูพวกเขาในที่สุด

เอเสเคียลกลับมากล่าวถึงเมืองไทระอีกครั้ง โดยกล่าวว่าบาบิโลนล้อมเมืองไทระเป็นเวลา 13 ปีแต่ไม่ได้อะไรเลย พระเจ้าตรัสว่าพระองค์จะตอบแทนบาบิโลนด้วยทรัพย์สมบัติของอียิปต์ บทที่ 30 เป็นบทเพลงคร่ำครวญถึงอียิปต์ พระเจ้าจะทรงทำลายอียิปต์และประเทศที่สนับสนุนอียิปต์ทั้งหมด พระองค์จะหักแขนของฟาโรห์แต่จะเสริมกำลังแขนของเนบูคัดเนสซาร์ เน้นย้ำว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานและริบเอาความแข็งแกร่งไป

 

ข้อคิด: เอเสเคียล 28-30

พระเจ้าทรงเกลียดความเย่อหยิ่งของมนุษย์ ไม่ใช่เพราะพระองค์ทรงอิจฉาในสิ่งที่เรามี (ท้ายที่สุด พระองค์ประทานสิ่งเหล่านั้นแก่เรา!) แต่เป็นเพราะความเย่อหยิ่งนั้นสร้างขึ้นบนคำโกหก เราไม่ใช่พระเจ้า พระองค์ต่างหากที่เป็นพระเจ้า แม้ว่าเราอาจมีอำนาจ แต่เราไม่ได้มีอำนาจด้วยตัวเราเอง กำลังของเรามาจากพระองค์ แม้ว่าเราอาจมีสติปัญญา แต่เราไม่ได้มีสติปัญญาด้วยตัวเราเอง พระองค์ทรงเป็นแหล่งที่มาของสติปัญญาทั้งสิ้น แม้ว่าเราอาจงดงาม แต่เราไม่ได้งดงามด้วยตัวเราเอง พระองค์ทรงประดิษฐ์ DNA พระองค์ทรงเป็นผู้สมควรได้รับการสรรเสริญสำหรับความงาม สติปัญญา ตำแหน่ง กำลัง ความสูง และทุกสิ่งที่เรามี การสรรเสริญพระองค์ช่วยขจัดความเย่อหยิ่งที่พระองค์ทรงเกลียดชัง และช่วยให้เราจดจ่อสายตาไปที่พระบิดาของเรา! และพระองค์ทรงเป็นที่ซึ่งความชื่นชมยินดีอยู่!

 

คำถาม

1.   เอเสเคียล 28 กล่าวถึงกษัตริย์แห่งไทระ ผู้ซึ่งเย่อหยิ่งและคิดว่าตนเองเป็นพระเจ้า เราจะระบุและต่อต้านความเย่อหยิ่งในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นในระดับบุคคล, องค์กร, หรือประเทศชาติ? เราจะรักษาสมดุลระหว่างความมั่นใจในตนเองกับการตระหนักถึงข้อจำกัดของตนเองได้อย่างไร?

2.   เอเสเคียล 29-30 พยากรณ์ถึงการพิพากษาลงโทษอียิปต์และชาติอื่นๆ ที่พึ่งพาอำนาจทางโลกมากกว่าพระเจ้า เราจะหลีกเลี่ยงการวางใจในอำนาจทางโลกเพียงอย่างเดียวได้อย่างไร? เราจะรักษาสมดุลระหว่างการพึ่งพาตนเองกับการวางใจในพระเจ้าได้อย่างไร?

 

 

เอเสเคียล บทที่ 30 เป็นบทที่กล่าวถึงคำพยากรณ์เกี่ยวกับการพิพากษาอียิปต์ ซึ่งเป็นชาติมหาอำนาจในยุคนั้น การพิพากษาของพระเจ้าไม่ได้มุ่งโจมตีเพียงแค่อำนาจทางการเมืองและการทหารของอียิปต์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความโอหัง ความเชื่อในรูปเคารพ และการพึ่งพาอำนาจของตนเองมากกว่าพระเจ้า ข้อคิดสำคัญจากบทนี้มีดังนี้

1. การล่มสลายของความโอหังและความยิ่งใหญ่ของมนุษย์

เอเสเคียล 30:6-8 กล่าวว่าอำนาจและความยิ่งใหญ่ของอียิปต์จะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครสามารถยืนหยัดต่อต้านอำนาจของพระเจ้าได้ เมืองใหญ่ๆ อย่างเมืองโน (โน-อัมโมน) จะถูกทำลาย และอำนาจของฟาโรห์จะถูกพรากไป สิ่งนี้เตือนเราว่าไม่ว่ามนุษย์จะแข็งแกร่งหรือยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม สุดท้ายแล้วอำนาจที่แท้จริงเป็นของพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ความโอหังและความมั่นใจในความสามารถของตัวเองที่ปราศจากพระเจ้าจะนำไปสู่ความพินาศ

2. ผลของการพึ่งพาสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้า

อียิปต์ในยุคนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง อำนาจ และการพึ่งพากำลังของตนเอง ชาติต่างๆ โดยเฉพาะอิสราเอล มักจะมองหาความช่วยเหลือจากอียิปต์แทนที่จะพึ่งพาพระเจ้า แต่ในบทนี้ พระองค์แสดงให้เห็นว่าอียิปต์ไม่ใช่ผู้ช่วยที่พึ่งพาได้เลย เมื่อถึงเวลาแห่งการพิพากษา อียิปต์จะล่มสลายลงพร้อมกับประเทศต่างๆ ที่เคยพึ่งพาตนเอง นี่เป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับเราว่าการพึ่งพาสิ่งอื่นใดนอกจากพระเจ้าเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์และอาจนำมาซึ่งความเสียหายได้

3. การที่พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์เองว่าเป็นพระยาห์เวห์

ข้อความในบทนี้ย้ำอยู่หลายครั้งว่า "แล้วเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์" (เอเสเคียล 30:8, 19, 26) การพิพากษาอียิปต์ไม่ใช่แค่การลงโทษ แต่เป็นการเปิดเผยตัวตนของพระเจ้าให้เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกชนชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนอียิปต์ ชนชาติอื่นๆ หรือแม้แต่อิสราเอลเอง การทำลายอำนาจของอียิปต์ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าพระยาห์เวห์ไม่ใช่แค่พระเจ้าของอิสราเอล แต่เป็นพระเจ้าผู้ทรงอำนาจสูงสุดเหนือทุกสิ่ง

4. ความหวังในการไถ่บาปและความชอบธรรม

แม้บทนี้จะเต็มไปด้วยคำพยากรณ์แห่งการทำลายล้าง แต่ก็แฝงไปด้วยความหวังสำหรับผู้ที่กลับใจและหันมาหาพระเจ้า การพิพากษาเป็นเครื่องมือที่พระเจ้าใช้เพื่อทำความสะอาดและนำความชอบธรรมกลับคืนมา แม้ว่าการพิพากษาจะน่ากลัว แต่สุดท้ายแล้วจุดประสงค์ก็เพื่อให้ผู้คนหันกลับมาหาพระเจ้าและยอมรับในอำนาจสูงสุดของพระองค์

เอเสเคียล บทที่ 30 เป็นเครื่องเตือนใจที่ทรงพลังว่าอำนาจของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน และการพึ่งพาสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้าจะนำไปสู่ความพินาศ ในขณะเดียวกันก็เป็นบทที่ยืนยันว่าพระเจ้าคือผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว และการรู้จักและยอมรับพระองค์เท่านั้นที่จะนำไปสู่ชีวิตที่ปลอดภัยและมีสันติสุขที่แท้จริง