เรื่องย่อ
เอเสเคียลบทที่ 25-27 เป็นคำพยากรณ์แห่งการพิพากษาต่อบรรดาประชาชาติที่อยู่รอบอิสราเอล ได้แก่ อัมโมน โมอับ เอโดม และฟีลิสเตีย เพราะความชื่นชมยินดีที่เยรูซาเล็มล่มสลาย และต่อเมืองไทระซึ่งเป็นเมืองท่าที่ร่ำรวยและภาคภูมิใจในความมั่งคั่งของตน พระเจ้าทรงประกาศว่าพระองค์จะนำการทำลายล้างมาสู่เมืองเหล่านี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงอำนาจและพระบริสุทธิ์ของพระองค์ และเพื่อพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แต่ผู้เดียว
เอเสเคียลพยากรณ์ถึงการพิพากษาต่อชนชาตินอกศาสนาที่อยู่รอบอิสราเอล ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมชั่วร้ายและชื่นชมยินดีกับความทุกข์ยากของยูดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนอัมโมนถูกตำหนิอย่างรุนแรงเนื่องจากมีความสุขกับการล่มสลายของเยรูซาเล็ม การทำลายพระวิหาร และการเนรเทศชาวยิว พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะส่งชาวบาบิโลนมาทำลายล้างพวกเขา คนโมอับและเอโดมก็ถูกกล่าวโทษด้วยเช่นกัน เนื่องจากการไม่ยอมรับความเป็นเอกลักษณ์ของอิสราเอลและการแก้แค้นที่โหดร้ายต่อยูดาห์ ในขณะที่ฟีลิสเตียได้รับโทษสำหรับการกระทำที่คล้ายกัน การพิพากษาจะมาถึงพวกเขา
เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นแตกต่างจากที่เอเสเคียลทำนายไว้บ้าง ชาวบาบิโลนล้อมเมืองไทระเป็นเวลาสิบสามปีจริง แต่เมืองนี้ไม่ได้ล่มสลายอย่างสมบูรณ์จนกระทั่งภายหลัง เมื่อถูกชาวกรีกโจมตี นักวิชาการตอบสนองต่อเรื่องนี้ในหลายวิธี: บางคนไม่ได้กล่าวถึงเลยเพราะพวกเขาบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ และบางคนบอกว่าเอเสเคียลใช้ภาษาที่เกินจริงและเป็นอุปมาอุปไมยเป็นหลัก ดังนั้นจึงมีความยืดหยุ่นในที่นี้เพราะไม่ได้มีเจตนาให้อ่านด้วยรายละเอียดตามตัวอักษร ตัวอย่างเช่น เอเสเคียลกล่าวว่าบาบิโลนจะสร้างเนินดินล้อมเมืองไทระ โดยรู้ดีว่าเป็นเกาะ คุณไม่สามารถสร้างเนินดินล้อมเกาะได้ ดังนั้นดูเหมือนว่านี่จะเป็นภาษาที่ตั้งใจให้เกินจริง คนอื่นๆ บอกว่าไม่มีกำหนดเวลาที่ระบุไว้ว่าคำพยากรณ์นี้จะสำเร็จเมื่อใด ดังนั้นการโจมตีของกรีกจึงเพียงพอ ใน 29:18 เอเสเคียลเองก็ยอมรับความล้มเหลวของการพยายามล้อมเมืองของบาบิโลน คำพยากรณ์เกือบทั้งหมดสำเร็จในลักษณะที่ไม่ชัดเจนในตอนแรก อุปมาและภาพพจน์ทำให้เราเข้าใจในแบบหนึ่ง แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เรามักจะเห็นมันแตกต่างออกไป
บทสุดท้ายของการอ่านในวันนี้เป็นการคร่ำครวญถึงเมืองไทระ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างละเอียดว่าเมืองนี้ร่ำรวยเพียงใด พวกเขามีอิทธิพลอย่างมากในระดับนานาชาติ และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป พวกเขาค้าขายเสื้อผ้า เงิน น้ำผึ้ง และข้าวสาลี แต่พวกเขายังค้าขายงาช้างและมนุษย์ด้วย และบทเพลงคร่ำครวญนี้เรียกผู้คนของเมืองไทระว่าหยิ่งยโส
ข้อคิด: เอเสเคียล 25-27
ในคำพยากรณ์ของเอเสเคียล พระเจ้าทรงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องประชากรของพระองค์ แม้ว่าอิสราเอลจะทรยศต่อพระองค์ พระองค์ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำความยุติธรรมมาสู่ศัตรูของพวกเขา โดยให้ความมั่นใจแก่ผู้เชื่อว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องแก้แค้นด้วยตนเอง การไว้วางใจในพระองค์ให้ดำเนินการอย่างยุติธรรมอย่างสมบูรณ์แบบช่วยให้เราละทิ้งความขมขื่นและแผนการของเราเอง โดยรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ปกป้องและทรงจัดหาหนทางที่ดีที่สุดเสมอไป
คำถาม
1. เอเสเคียล 25-26 พยากรณ์ถึงการพิพากษาลงโทษประเทศต่างๆ ที่อยู่รอบอิสราเอล เนื่องจากความโหดร้ายและความเยาะเย้ยต่ออิสราเอล เราจะตอบสนองต่อการกดขี่และการข่มเหงผู้อื่นอย่างไร? เราจะยืนหยัดเพื่อความยุติธรรมและปกป้องผู้ที่อ่อนแอได้อย่างไร? และเราจะเรียนรู้ที่จะให้อภัยศัตรูของเราได้อย่างไร?
2. เอเสเคียล 27 พรรณนาถึงเมืองไทระอันมั่งคั่งและรุ่งเรือง แต่สุดท้ายก็ถูกทำลายเนื่องจากความเย่อหยิ่งและความมั่งคั่งของตนเอง ในสังคมปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับความสำเร็จทางวัตถุ เราจะรักษาสมดุลระหว่างการแสวงหาความมั่งคั่งกับการมีชีวิตที่ถ่อมตนและเห็นแก่ผู้อื่นได้อย่างไร? เราจะหลีกเลี่ยงการถูกครอบงำด้วยความเย่อหยิ่งและวัตถุนิยมได้อย่างไร?
เอเสเคียล บทที่ 27 เป็นบทที่บรรยายถึงความยิ่งใหญ่และความรุ่งเรืองของเมืองไทระ (Tyre) ซึ่งเป็นเมืองท่าที่มั่งคั่งและมีอิทธิพลอย่างมากในยุคนั้น แต่ท้ายที่สุดก็พยากรณ์ถึงความล่มสลายของเมืองนี้อย่างน่าเศร้า
จากบทนี้ เราสามารถถอดถอนข้อคิดที่สำคัญได้หลายประการ ดังนี้
1. ความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ไม่ยั่งยืน
บทนี้เปรียบเทียบเมืองไทระเป็นเหมือนเรือสำเภาที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตและหรูหราจากไม้สนซีดาร์ มีใบเรือจากผ้าลินินอียิปต์ และกะลาสีจากชนชาติต่าง ๆ ที่เชี่ยวชาญ แม้จะดูแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่เพียงใด แต่เมื่อพายุแห่งการพิพากษามาถึง เรือลำนี้ก็อับปางลงอย่างสิ้นเชิง นี่เป็นเครื่องเตือนใจว่าความมั่งคั่ง ชื่อเสียง หรืออำนาจที่เราสร้างขึ้นในโลกนี้ แม้จะดูมั่นคงเพียงใด ก็ไม่สามารถต้านทานการเปลี่ยนแปลงหรือการพิพากษาที่มาจากพระเจ้าได้
2. ความภูมิใจนำไปสู่ความหายนะ
เอเสเคียล 27 แสดงให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งของเมืองไทระที่คิดว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของโลกการค้า และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร ความภาคภูมิใจในความมั่งคั่งและความฉลาดของตนเองทำให้พวกเขาลืมพระเจ้าและละเลยหลักการแห่งความยุติธรรม ความเย่อหยิ่งนี้เป็นรากฐานที่นำไปสู่ความพินาศในที่สุด
3. ทุกสิ่งล้วนมีจุดสิ้นสุด
การพรรณนาถึงความล่มสลายของเมืองไทระที่บรรยายว่าสินค้าล้ำค่าทั้งหมดจมลงสู่ทะเล และเหล่าบรรดาพ่อค้าต่างร้องไห้คร่ำครวญ ชี้ให้เห็นว่าไม่ว่าเราจะสะสมทรัพย์สมบัติหรือสร้างอาณาจักรได้ยิ่งใหญ่เพียงใด วันหนึ่งทุกสิ่งก็ต้องสิ้นสุดลง ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่คงอยู่ตลอดไป การตระหนักถึงความจริงข้อนี้จะช่วยให้เราไม่ยึดติดกับวัตถุหรือความสำเร็จทางโลกมากเกินไป
4. บทเรียนสำหรับผู้นำ
บทนี้เป็นคำเตือนสำหรับผู้นำทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้นำประเทศ ผู้นำองค์กร หรือแม้แต่ผู้นำครอบครัว การนำพาผู้คนไปสู่ความสำเร็จและร่ำรวยนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่หากความสำเร็จนั้นแลกมาด้วยความเย่อหยิ่ง การละเลยคุณธรรม หรือการกดขี่ผู้อื่น จุดจบย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดีงาม
เอเสเคียล บทที่ 27 สอนให้เราเห็นถึงความเปราะบางของความยิ่งใหญ่ทางโลก ให้เราเรียนรู้ที่จะถ่อมตัวและไม่หลงระเริงกับความสำเร็จชั่วคราว พร้อมทั้งเตือนใจให้เราพิจารณาว่าเรากำลังใช้ชีวิตอยู่บนรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืนหรือไม่