Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 23

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
เอเสเคียล 24

เรื่องย่อ

เอเสเคียลบทที่ 23 เปรียบเทียบอิสราเอลและยูดาห์เป็นพี่น้องสองคนที่ชื่อโอโฮลาห์และโอโฮลิบาห์ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เล่นชู้ทางฝ่ายวิญญาณโดยการกราบไหว้รูปเคารพและทำสัญญากับชาติอื่นๆ เอเสเคียลทำนายว่าพระเจ้าจะทรงลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรงสำหรับการทรยศนี้ บทที่ 24 เริ่มต้นด้วยการที่เอเสเคียลได้รับคำสั่งให้บันทึกวันที่ที่กองทัพบาบิโลนเริ่มล้อมกรุงเยรูซาเลม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการพิพากษาที่จะมาถึง นอกจากนี้ เอเสเคียลยังใช้คำอุปมาเรื่องหม้อที่กำลังเดือดเพื่อแสดงถึงการล้อมกรุงเยรูซาเลมและการลงโทษอันน่าสะพรึงกลัวที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่อยู่ในเมืองนั้น พระเจ้าทรงสั่งห้ามเอเสเคียลไม่ให้ไว้ทุกข์ให้กับการตายของภรรยาของเขา เพื่อเป็นสัญญาณว่าชาวยิวจะไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงความโศกเศร้าเมื่อเยรูซาเลมถูกทำลาย

 

ในบทที่ 23 และ 24 ของเอเสเคียล ผู้เผยพระวจนะใช้ภาพอุปมาที่สดใสเพื่อถ่ายทอดข้อความอันหนักหน่วงเกี่ยวกับการไม่ซื่อสัตย์ของอิสราเอลและยูดาห์ต่อพระเจ้า โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความเข้าใจตามตัวอักษร การพยากรณ์เหล่านี้จะเปิดเผยถึงความลึกซึ้งของการทรยศทางจิตวิญญาณของพวกเขา การเปรียบเทียบอิสราเอลและยูดาห์กับภรรยาที่ไม่ซื่อสัตย์ เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งที่พวกเขาละทิ้งเมื่อพวกเขาหันไปบูชารูปเคารพและการพึ่งพาชาติอื่น ๆ คำอุปมานี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ซื่อสัตย์ทางเพศ แต่ยังรวมถึงการละทิ้งพระเจ้าของพวกเขาอย่างครอบคลุม ซึ่งทรงเป็นผู้จัดหาและผู้พิทักษ์สูงสุดของพวกเขา

พระเจ้าทรงวิงวอนให้ประชากรของพระองค์กลับใจ แต่ความไม่แยแสของพวกเขาในการหันเหไปจากการบูชารูปเคารพนำไปสู่การพิพากษาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะเห็นความพินาศของสะมาเรียแล้ว เยรูซาเล็มก็ยังคงอยู่ในทางที่ผิดของตนเอง ทำให้เรื่องนี้นำไปสู่การลงโทษที่รุนแรง พระเจ้าทรงมอบหมายให้เอเสเคียลมีบทบาทที่น่าตกใจในการเป็นพยานถึงการล้อมกรุงเยรูซาเล็มและผลที่ตามมา เอเสเคียลถูกห้ามไม่ให้ไว้ทุกข์กับการตายของภรรยาของเขา ซึ่งทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์อันน่าสยดสยองว่าชาวยิวจะไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงความเศร้าโศกอย่างเปิดเผยเมื่อเยรูซาเลมถูกทำลาย

การพยากรณ์อันมืดมนเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำแถลงแห่งการลงโทษเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นคำเตือนอันเข้มงวดถึงผลที่ตามมาของการละทิ้งพันธสัญญาของพระเจ้าและแสวงหาความรอดในแหล่งอื่น ๆ แม้จะมีความทุกข์ยากส่วนตัวของเขา พระเจ้าทรงใช้เอเสเคียลเพื่อเป็นเครื่องหมายให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นกับอิสราเอล การล่มสลายของเยรูซาเลมจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคำพยากรณ์ของเขา เมื่อมีการยืนยันเหตุการณ์นี้ เอเสเคียลจะหลุดพ้นจากความเงียบของเขาอีกครั้ง โดยเน้นย้ำถึงความจริงจังของข้อความและการทำตามแผนการที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าอย่างแน่นอน

 

ข้อคิด: เอเสเคียล 23-24

ท่ามกลางความยากลำบากของยูดาห์ พระเจ้าทรงจัดเตรียมผู้เผยพระวจนะอย่างเอเสเคียล ผู้ซึ่งสะท้อนถึงความทุกข์ของพวกเขาด้วยการสูญเสียส่วนตัว ทำให้เกิดมุมมองที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความหายนะที่กำลังจะมาถึง ในขณะที่เอเสเคียลนำเสนอความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของอิสราเอลอย่างถูกต้อง บทบาทของเขาก็ขยายออกไปไกลกว่าการเอาใจใส่แบบง่ายๆ โดยเป็นภาพล่วงหน้าของพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงมีความเห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของมนุษย์ ทรงแบกภาระของพวกเขา และทรงปลอบโยนด้วยความชื่นชมยินดี แม้กระทั่งท่ามกลางความเศร้าโศก

 

คำถาม

1.   เอเสเคียล 23 เปรียบเทียบอิสราเอลและยูดาห์เป็นพี่น้องหญิงสองคนที่ประพฤติผิดทางเพศด้วยการไปพึ่งพาและเลียนแบบชาติอื่นๆ รอบข้าง เราจะตระหนักถึงอันตรายของการเลียนแบบค่านิยมหรือวัฒนธรรมที่ขัดต่อหลักการของเราได้อย่างไร? เราจะรักษาสมดุลระหว่างการเปิดรับความหลากหลายกับการรักษาสัตยธรรมในความเชื่อและค่านิยมของเราได้อย่างไร?

2.   เอเสเคียล 24 บรรยายถึงการสิ้นพระชนม์ของภรรยาของเอเสเคียล และพระเจ้าทรงสั่งให้เขาไม่ไว้ทุกข์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงการทำลายเยรูซาเลมที่กำลังจะมาถึง ในชีวิตของเรา เราจะเผชิญหน้ากับความสูญเสียและความยากลำบากด้วยความเชื่อและความไว้วางใจในพระเจ้าได้อย่างไร? เราจะเรียนรู้ที่จะยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้า แม้ในเวลาที่เราไม่เข้าใจได้อย่างไร?

 

 

เอเสเคียล 23 เป็นบทที่มีเนื้อหาค่อนข้างรุนแรงและเต็มไปด้วยการเปรียบเทียบเชิงสัญลักษณ์ที่ตรงไปตรงมา โดยใช้เรื่องราวของพี่น้องสองสาว โอโฮลาห์ (ซามาเรีย) และ โอโฮลิบาห์ (เยรูซาเล็ม) เพื่อสื่อถึงความไม่ซื่อสัตย์ของอิสราเอลและยูดาห์ที่มีต่อพระเจ้า

1. ความไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าคือการ "หันไปหาความบาป"

บทนี้เปรียบการกระทำของชนชาติอิสราเอลและยูดาห์ว่าเป็นการ "เล่นชู้" กับชาติอื่น ๆ (อัสซีเรีย, บาบิโลน) โดยพวกเขาไม่เพียงแค่ไปคบค้าสมาคมเท่านั้น แต่ยังรับเอาการนมัสการรูปเคารพและวิถีปฏิบัติที่น่ารังเกียจของชนชาติเหล่านั้นเข้ามาด้วย ซึ่งเป็นการละทิ้งพันธสัญญาที่ทำไว้กับพระเจ้าอย่างชัดเจน ข้อคิดคือ การที่เราหันไปพึ่งพาโลกหรือสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้าเพื่อหาความสุข ความมั่นคง หรือความสำเร็จ ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราทรยศต่อความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระองค์

2. บาปที่กระทำอย่างจงใจจะนำมาซึ่งผลที่น่าสะพรึงกลัว

แม้ว่าโอโฮลาห์ (ซามาเรีย) จะถูกลงโทษไปแล้ว แต่โอโฮลิบาห์ (เยรูซาเล็ม) กลับไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดของพี่สาว และยังทำบาปที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม บทนี้แสดงให้เห็นว่า การที่เราไม่ยอมกลับใจจากความผิดพลาดที่ผู้อื่นเคยประสบมา จะทำให้เราต้องเผชิญกับการลงโทษที่หนักหนากว่าเดิม เพราะเราได้รับโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงแล้วแต่กลับไม่ทำ

3. ผลของบาปไม่ใช่แค่ความทุกข์ส่วนตัว แต่ยังส่งผลกระทบต่อผู้อื่นด้วย

การกระทำของโอโฮลิบาห์และโอโฮลาห์ไม่เพียงแต่ทำลายตัวเอง แต่ยังนำหายนะมาสู่ประชากรของพระเจ้าทั้งหมด บทนี้สื่อให้เห็นว่า การตัดสินใจที่ผิดบาปของเราสามารถส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทำให้เกิดความเสียหายแก่คนรอบข้าง ชุมชน หรือแม้แต่คนในชาติได้

4. พระเจ้าทรงเที่ยงธรรมและไม่ทรงละเว้นต่อความบาป

แม้ว่าพระเจ้าจะทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรักและความเมตตา แต่พระองค์ก็ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรมด้วยเช่นกัน บทนี้ย้ำเตือนว่า พระเจ้าจะทรงลงโทษความชั่วร้ายและความบาปที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในระดับบุคคลหรือระดับชาติ เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของพระองค์ไว้

เอเสเคียล 23 เป็นบทที่เข้มข้นและตรงไปตรงมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความร้ายแรงของการทรยศต่อพระเจ้า การทำบาปที่จงใจ และผลที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับผู้ที่ปฏิเสธที่จะกลับใจครับ