เรื่องย่อ
ลูกา 11 ประกอบด้วยคำสอนและการเผชิญหน้าที่หลากหลายที่เน้นถึงความสำคัญของการอธิษฐาน ความพ่ายแพ้ของอำนาจปีศาจ และอันตรายของการหน้าซื่อใจคด พระเยซูทรงสอนเหล่าสาวกถึงวิธีการอธิษฐาน โดยแบ่งปันคำอธิษฐานของพระเจ้าอันเลื่องชื่อ พระองค์ทรงเน้นถึงความเพียรและการพึ่งพาในการอธิษฐาน โดยให้กำลังใจผู้ติดตามให้ถาม แสวงหา และเคาะอย่างไม่ลดละ การขับผีของพระเยซูจุดประกายข้อโต้แย้งกับผู้ที่กล่าวหาพระองค์ว่ากระทำโดยเบเอลเซบูล แต่พระเยซูทรงโต้แย้งว่าพระองค์ทรงขับผีโดยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเสด็จมาของอาณาจักรของพระเจ้า พระเยซูทรงประณามพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ถึงการหน้าซื่อใจคดของพวกเขา โดยตำหนิพวกเขาเรื่องการยึดติดกับธรรมบัญญัติอย่างเคร่งครัดโดยละเลยเรื่องความยุติธรรม ความรัก และความซื่อสัตย์ การสอนของพระเยซูในลูกา 11 เน้นถึงความสำคัญของการอธิษฐาน ความพ่ายแพ้ของอำนาจปีศาจ และความจำเป็นที่จะต้องมีชีวิตด้วยความจริงใจและชอบธรรม
เช่นเดียวกับที่เหล่าสาวกขอให้พระเยซูทรงสอนวิธีอธิษฐานแก่พวกเขา การอธิษฐานคือทักษะที่สามารถเรียนรู้ได้และควรเข้าหาด้วยการพิจารณา พระเยซูทรงสอนให้ผู้ติดตามของพระองค์อธิษฐานต่อพระบิดา โดยตระหนักถึงบทบาทที่แตกต่างกันของแต่ละองค์ในพระตรีเอกภาพ: พระบิดา ผู้ทรงอำนาจสูงสุด พระเยซูผู้เป็นสื่อกลาง และพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงเสริมกำลังคำอธิษฐานของเรา การอธิษฐานต่อพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ยังคงมีคุณค่าในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับแต่ละองค์ในพระตรีเอกภาพ แต่รูปแบบที่เป็นบรรทัดฐานที่แสดงในพระคัมภีร์ คือการอธิษฐานต่อพระบิดา โดยทางพระบุตร โดยพระวิญญาณ
ความสามารถที่จะเข้าใกล้พระบิดาด้วยความกล้าหาญเป็นสิทธิพิเศษที่น่าทึ่ง ถึงกระนั้น การเข้าหาพระบิดาด้วยความคุ้นเคยแบบนี้อาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับบางคน พระเจ้ารู้ถึงความเจ็บปวดของเรา และทรงยื่นพระคุณและความเข้าใจให้แก่เรา แม้แต่การไถ่ถอนคำว่า "บิดา" สำหรับผู้ที่อาจต่อสู้กับมัน พระเยซูทรงสาธิตการยอมจำนนในการอธิษฐานแบบอย่างนี้ โดยทรงให้ความสำคัญกับพระบิดาและอาณาจักรของพระองค์เหนือสิ่งอื่นใด การสรรเสริญ การสารภาพ และการวิงวอนของเราทั้งหมดควรอยู่ภายใต้การยอมจำนนต่อพระเจ้าและอาณาจักรของพระองค์ แม้ว่าการอธิษฐานจะเป็นการพูดคุยกับพระเจ้า แต่การยอมจำนนต่อพระองค์ควรเป็นหัวใจของมัน
ในเรื่องราวเพิ่มเติมเหล่านี้ พวกฟาริสีกล่าวหาพระเยซูว่าทรงถูกผีสิงและหญิงคนหนึ่งอวยพรพระมารดาของพระองค์ ในขณะที่พระเยซูทรงจัดวางตำแหน่งของมารีย์อย่างถูกต้องในฐานะผู้ติดตามธรรมดาที่ต้องการความรอดเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ฝูงชนที่กำลังมองหาหมายสำคัญเพื่อพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นพระเมสสิยาห์นั้นได้รับการตำหนิจากพระเยซู เนื่องจากพระองค์ทรงทำการอัศจรรย์เพื่อบรรเทาทุกข์ และไม่ใช่เพื่อแสดงให้เห็นถึงความชอบธรรมของพระองค์ พระเยซูยังทรงประณามพวกฟาริสีที่ให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดภายนอกมากกว่าความชอบธรรมภายใน โดยทรงท้าทายทัศนคติที่ชอบธรรมด้วยตนเองของพวกเขา แม้ว่าอาจมีผลกระทบต่อพระองค์เองก็ตาม
ข้อคิด: ลูกา 11
พระเยซูต้องการให้ผู้ติดตามท่านเข้าใจว่าพระบิดามีความสุขที่จะสื่อสารกับลูกๆ ของพระองค์อย่างมาก แม้ในเรื่องเล็กน้อย โดยใช้ตัวอย่างเช่น ปลา และขนมปัง พระเยซูทรงสอนให้เราอธิษฐานอย่างต่อเนื่อง เพราะพระบิดาทรงพร้อมที่จะฟังคำอธิษฐานของเรา คัดกรอง และตอบกลับด้วยสิ่งที่ดีที่สุด การอธิษฐานไม่มีคำว่าไม่ได้รับคำตอบ เพราะพระเจ้าตอบสนองทุกคำขอด้วยคำว่า ใช่ ไม่ หรือ รอ แม้บางครั้งเราอาจไม่ได้รับสิ่งที่ขอ แต่พระองค์ฟังและตอบทุกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อที่ดีทำ และพระองค์คือแหล่งแห่งความชื่นชมยินดีเสมอ!
คำถาม
1. ในลูกา 11:5-8 พระเยซูทรงสอนคำอุปมาเกี่ยวกับเพื่อนที่ไปขอยืมขนมปังในตอนกลางคืน ซึ่งเน้นถึงความสำคัญของการอธิษฐานอย่างต่อเนื่องและอย่างไม่ลดละ เราจะนำคำสอนนี้ไปประยุกต์ใช้กับชีวิตอธิษฐานของเราได้อย่างไร และเราจะอธิษฐานอย่างแน่วแน่อย่างไร แม้ในยามที่คำตอบดูเหมือนจะล่าช้า?
2. ในลูกา 11:33-36 พระเยซูทรงตรัสถึงความสำคัญของการมีดวงตาที่ "ดี" ซึ่งหมายถึงการมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและมุ่งเน้นไปที่พระเจ้า เราจะตรวจสอบให้แน่ใจได้อย่างไรว่า "ดวงตา" ของเราดี และเราจะหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะบดบังความเข้าใจทางจิตวิญญาณและนำเราไปสู่ความมืดได้อย่างไร?
ลูกา บทที่ 11 เป็นบทที่อุดมไปด้วยคำสอนของพระเยซู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการอธิษฐาน และการ ตอบสนองของผู้คนต่อฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
ข้อคิดหลัก ๆ จากบทนี้มีดังนี้:
1. บทเรียนเรื่องการอธิษฐาน: ความเพียรและความเชื่อมั่นในพระบิดา (ลูกา 11:1-13)
เมื่อเหล่าสาวกทูลขอให้พระเยซูสอนวิธีอธิษฐาน พระองค์จึงประทานคำอธิษฐานของพระองค์ (หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ข้าแต่พระบิดา") และสอนเรื่องความเพียรในการขอ
- แบบแผนแห่งการอธิษฐาน: คำอธิษฐานของพระเยซูสอนให้เราจัดลำดับความสำคัญ โดยเริ่มจาก การให้เกียรติพระนามของพระเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์ ("พระอาณาจักรจงมาถึง") ก่อนจะทูลขอสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ("อาหารประจำวัน")
- อุปมาเพื่อนผู้มาขอขนมปังยามเที่ยงคืน: พระเยซูใช้เรื่องเล่าของเพื่อนบ้านที่มาเคาะประตูขอความช่วยเหลือในเวลาที่ไม่สะดวก เพื่อเน้นย้ำถึงความเพียรพยายามในการอธิษฐาน แม้เพื่อนมนุษย์จะให้เพราะความรำคาญ แต่พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาผู้เปี่ยมด้วยความรัก และจะตอบคำขอของผู้ที่เพียรทูลขอ
- พระเจ้าทรงประทานสิ่งดีที่สุด: พระเยซูเปรียบเทียบว่า ถ้าบิดามนุษย์ผู้มีความบกพร่องยังรู้จักให้ ของขวัญที่ดีแก่บุตรของตน แล้วพระบิดาบนสวรรค์จะไม่ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเป็นของประทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้แก่คนที่ทูลขอได้อย่างไร
- ข้อคิด: การอธิษฐานต้องมีความเพียร (ขอ, แสวงหา, เคาะ) และมีความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเราจะประทานสิ่งที่ดีที่สุดแก่เราเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการเติมเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
2. การเป็นกลางในอาณาจักรพระเจ้า (ลูกา 11:14-26)
เมื่อพระเยซูทรงขับผีออกจากคนใบ้ บางคนกล่าวหาว่าพระองค์ทำด้วยฤทธิ์อำนาจของ "เบเอลเซบูล" (นายผี) ซึ่งนำไปสู่บทเรียนสำคัญ
- อาณาจักรที่แบ่งแยกจะพินาศ: พระเยซูตรัสว่า "ถ้าซาตานจะขับซาตานออกเสีย มันก็แตกแยกกันเอง" ซึ่งเป็นการใช้ตรรกะเพื่อพิสูจน์ว่า พระองค์ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับปีศาจ แต่ทรงกำลังต่อสู้กับมันต่างหาก การขับผีออกแสดงว่าอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงแล้ว
- ไม่มีความเป็นกลาง: พระเยซูประกาศว่า "ผู้ที่ไม่อยู่ฝ่ายเราก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา และผู้ที่มิได้รวบรวมไว้กับเราก็ทำให้กระจัดกระจายไป" (ข้อ 23) ในการต่อสู้ทางฝ่ายวิญญาณ เราไม่สามารถเลือกที่จะเป็นกลางได้ เราต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ฝ่ายพระคริสต์หรืออยู่ฝ่ายปฏิปักษ์
- การกลับใจต้องดำเนินต่อไป: อุปมาเรื่องวิญญาณชั่วที่ออกไปจากคนคนหนึ่งแล้วกลับมาพร้อมกับพวกพ้องที่ชั่วร้ายกว่า (ข้อ 24-26) เตือนว่า การได้รับการช่วยกู้ (เช่น การขับผี) ไม่เพียงพอ เราต้อง เติมเต็มชีวิตด้วยพระคำของพระเจ้าและการเชื่อฟังอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นสภาพสุดท้ายอาจแย่ยิ่งกว่าเดิม
- ข้อคิด: การมีชีวิตที่ว่างเปล่าหลังได้รับการช่วยกู้คืออันตราย เราต้องรักษาและเติมเต็มชีวิตของเราด้วยการเชื่อฟังและติดตามพระคริสต์
3. ความสุขที่แท้จริงและสัญญาณที่ต้องการ (ลูกา 11:27-36)
พระเยซูทรงสอนถึงสิ่งที่นำมาซึ่งพรที่แท้จริง และทรงตำหนิผู้ที่ปฏิเสธที่จะเชื่อแม้ได้เห็นการอัศจรรย์แล้ว
- พรแห่งการเชื่อฟัง: เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งยกย่องมารดาของพระเยซู พระเยซูตรัสตอบว่า "ผู้ที่ได้ ฟังพระวจนะของพระเจ้าและถือรักษาไว้ก็เป็นสุข" (ข้อ 28)
- การปฏิเสธสัญญาณ: พระเยซูตรัสตำหนิผู้คนในยุคของพระองค์ที่ยังต้องการเห็น "หมายสำคัญ" เพิ่มเติมอีก (การอัศจรรย์) ทั้งที่ได้เห็นการกระทำของพระองค์มากมายแล้ว พระองค์กล่าวว่าพวกเขาจะได้เห็นเพียง "หมายสำคัญของโยนาห์" (ซึ่งหมายถึงการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู)
- แสงสว่างภายใน: พระองค์เตือนให้ ระวังแสงสว่างที่อยู่ในตัวเรา ไม่ให้กลายเป็นความมืด (ข้อ 35) แสงสว่างนี้คือการเปิดเผยความจริงของพระเจ้าที่เราได้รับ หากเราปิดกั้นตัวเองไม่ให้เชื่อและไม่ยอมรับความจริงนั้น ความเข้าใจทั้งหมดของเราก็จะมืดมัวไป
- ข้อคิด: ความสัมพันธ์ทางกายภาพ (เช่น การเป็นญาติของพระเยซู) ไม่สำคัญเท่ากับ ความสัมพันธ์ทางฝ่ายวิญญาณ ผ่านการเชื่อฟังพระคำของพระเจ้า
ลูกา 11 สอนให้เรา อธิษฐานด้วยความเพียร เชื่อมั่นใน ความใจดีมีเมตตาของพระเจ้าผู้เป็นพระบิดา และตระหนักว่า ความสุขที่แท้จริง มาจากการ ฟังและเชื่อฟัง พระคำของพระเจ้า แทนที่จะแสวงหาการอัศจรรย์เพิ่มเติม หรือพยายามเป็นกลางต่ออาณาจักรของพระองค์