เรื่องย่อ
มัทธิว 10 เปิดเผยภาพลักษณ์ของพระเยซูในฐานะผู้ส่งมอบและผู้มอบอำนาจ ขณะที่พระองค์ทรงมอบหมายอัครทูตสิบสองคนให้ดำเนินภารกิจ พระองค์ทรงประทานอำนาจให้พวกเขาในการขับผีปีศาจ รักษาโรคภัย และประกาศข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักร พระเจ้าทรงสั่งให้พวกเขาไปหา "แกะที่หลงหายแห่งวงศ์วานอิสราเอล" และเตือนพวกเขาถึงการข่มเหงที่พวกเขาจะเผชิญ คำสั่งของพระเยซูนั้นเข้มข้น โดยเรียกร้องให้พวกเขาพึ่งพาการจัดเตรียมของพระเจ้า และไม่กลัวผู้ที่จะประหารชีวิตได้เพียงแต่ร่างกายเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำลายวิญญาณได้ พระองค์ทรงสัญญาว่าใครก็ตามที่ยอมรับพวกเขาก็ยอมรับพระองค์ด้วย และใครก็ตามที่ให้แม้แต่ถ้วยน้ำเย็นแก่พวกเขา ก็จะไม่พลาดรางวัลของพวกเขา บทนี้เน้นถึงความรับผิดชอบที่สาวกของพระคริสต์มีต่อการแบ่งปันข่าวประเสริฐ และสัญญาว่าจะทรงประทานกำลังใจและรางวัลสำหรับผู้ที่ทำเช่นนั้นอย่างซื่อสัตย์
พระเยซูทรงเลือกอัครสาวกสิบสองเป็นกลุ่มในวงในที่พระองค์ส่งออกไปทำพันธกิจสำคัญ โดยก่อนที่จะส่งพวกเขาไป พระองค์ทรงให้พวกเขาได้รับอำนาจเหนือปีศาจ โรคภัย และความทุกข์ พระองค์ทรงสอนให้พวกเขามีทิศทางชัดเจน ซึ่งเป็นการเน้นถึงความสำคัญของประกาศข่าวสารเฉพาะกับชาวยิวก่อน เขาทรงให้ภารกิจประกาศอาณาจักรของพระเจ้า รักษาโรค และชุบชีวิตคนตาย ขณะเดียวกันพระองค์ทรงเตือนว่าพวกเขาต้องเตรียมสัมภาระให้น้อยและเลือกที่พักอย่างชาญฉลาด เพื่อให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะวางใจในพระองค์ในการพึ่งพาอาหาร ค่าใช้จ่าย และความปลอดภัยที่มาจากพระองค์เอง ซึ่งสิ่งนี้เป็นการเสริมสร้างความเชื่อและความถ่อมใจในภารกิจของพวกเขาอย่างมั่นคง
ในระหว่างภารกิจ พวกเขาเผชิญกับความข่มเหงและความยากลำบากอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะเป็นการถูกใส่ร้าย การถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม หรือถูกถามคำถามที่ยากลำบาก พระเยซูทรงรับรู้ถึงความท้าทายเหล่านี้ด้วยพระวิญญาณ และทรงสัญญาว่าพระเจ้าจะประทานถ้อยคำแก่พวกเขาในเวลาที่เหมาะสม ภารกิจนี้จึงเป็นภาพสะท้อนว่าพระเจ้าทรงอยู่เคียงข้าง และความอดทนเป็นกุญแจสำคัญของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างเราและพระองค์ เพราะความอดทนในยามที่ยากลำบากก็เปรียบเสมือนเป็นการยืนยันว่าพวกเขายังคงมั่นคงในพระองค์และเชื่อมั่นในพระสัญญา
พระองค์ยังทรงสอนให้พวกเขาเข้าใจว่าความจงรักภักดีต่อพระเจ้า ต้องมาก่อนครอบครัวและสิ่งของอื่นใด การรักครอบครัวไม่ใช่สิ่งผิด แต่เมื่อความสัมพันธ์กับพระเจ้ามีความสำคัญสูงสุด การรับรู้ว่าพระเจ้ารักครอบครัวของเราเช่นกัน ควรเป็นแรงผลักดันให้เราทำตามพระประสงค์ในยามที่ถูกข่มเหงหรือท้าทาย พวกเขาต้องกล้าเปิดบ้านต้อนรับอัครทูตและข่าวสารของอาณาจักรของพระเจ้า เพราะการทำเช่นนี้เป็นการให้การต้อนรับพระเจ้าและพระองค์เอง ทั้งนี้ อัครทูตทำภารกิจสำคัญคือการประกาศคำสารภาพสู่การกลับใจ การรักษาผู้ป่วย และขับผี พร้อมกับประกาศข่าวดีของพระเยซู เข้าสู่จิตใจของผู้คนและสร้างความเปลี่ยนแปลงในทุกยุคทุกสมัย
ข้อคิด: มัทธิว 10
พระเจ้าทรงใส่พระทัยในรายละเอียดทั้งเล็กและใหญ่ ไม่เพียงแต่ดูแลในเรื่องใหญ่ๆ เช่น จิตวิญญาณนิรันดร์ของเราเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงดูแลในเรื่องราวเล็กน้อยอย่างเช่น การจัดหาเสื้อผ้า อาหาร และที่พักให้แก่พวกเรา โดยทรงหวังให้เรารู้ว่าพระองค์ทรงสนใจแม้ในสิ่งที่เล็กน้อยที่สุด และพระองค์ทรงชี้ให้เห็นว่าทุกสิ่งในแผนของพระองค์ไม่ขาดสิ่งใด พระองค์เป็นผู้เดียวที่มองเห็นความเชื่อมโยงและความสมดุลในทุกสิ่งอย่างไร้ขีดจำกัด จิตใจของเรามีขีดจำกัด แต่พระทัยของพระองค์ไม่มีวันสิ้นสุด ตามโรม 8:28 พระองค์ทรงทำงานในทุกรายละเอียด เชื่อมต่อคำอธิษฐานทุกคำ และตอบสนองในทางที่ดีที่สุดเสมอ พระองค์ทรงแสดงให้เราเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าในทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์ทรงอยู่และทรงเป็นที่แห่งความชื่นชมยินดีของเรา!
คำถาม
1. ในมัทธิว 10 พระเยซูทรงส่งสาวกทั้งสิบสองของพระองค์ออกไปและทรงเตือนพวกเขาว่าพวกเขาจะเผชิญกับการข่มเหง (มัทธิว 10:16-23) คริสเตียนควรเตรียมพร้อมและตอบสนองต่อการข่มเหงอย่างไร และเราจะดำเนินชีวิตในความเชื่อท่ามกลางการต่อต้านได้อย่างไร?
2. ในมัทธิว 10:37-39 พระเยซูทรงท้าทายผู้ติดตามพระองค์ให้จัดลำดับความสำคัญของพระองค์เหนือความสัมพันธ์ในครอบครัวและแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง เราจะจงรักภักดีต่อพระคริสต์ด้วยความรักและการให้เกียรติแก่ครอบครัวของเราได้อย่างไร?
มัทธิวบทที่ 10 เป็นบทที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นตอนที่พระเยซูคริสต์ทรงเรียกและส่งสาวก 12 คนออกไปปฏิบัติภารกิจ (การเป็น "อัครทูต") และทรงให้คำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับพันธกิจของพวกเขา รวมถึงคำเตือนเกี่ยวกับความยากลำบากและการข่มเหงที่จะต้องเผชิญ
ข้อคิดหลักที่สำคัญจากมัทธิวบทที่ 10 มีดังนี้:
1. การเรียกและการมอบอำนาจ
- สิทธิพิเศษและหน้าที่: พระเยซูทรงเลือกสาวก (มธ 10:1-4) ซึ่งเป็นคนธรรมดาทั่วไป รวมถึงคนเก็บภาษีและสมาชิกกลุ่มชาตินิยม ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขัดแย้งกันในสังคม แต่พระองค์ทรงให้สิทธิอำนาจแก่พวกเขาในการขับไล่ผี รักษาโรค และปลุกคนตาย (มธ 10:1) นี่เป็นข้อคิดว่า เมื่อพระเจ้าทรงเรียกผู้ใดให้รับใช้ พระองค์ก็จะทรงประทานอำนาจและสิ่งที่จำเป็นสำหรับการทำภารกิจนั้นด้วย
- ให้เปล่า: พระเยซูทรงสั่งให้พวกเขา "ท่านได้รับมาเปล่า ๆ ก็จงให้ไปเปล่า ๆ" (มธ 10:8) เน้นย้ำว่าการรับใช้ควรมาจากความรักและความใจกว้าง ไม่ใช่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
2. การพึ่งพาพระเจ้าและการเตรียมพร้อมสำหรับความยากลำบาก
- พึ่งพาการจัดเตรียม: สาวกถูกส่งออกไปโดยไม่มีการเตรียมพร้อมทางวัตถุมากนัก (ไม่ให้พกถุงเงินหรือเสื้อผ้าสำรอง) (มธ 10:9-10) นี่สอนให้พึ่งพาการจัดเตรียมของพระเจ้าและเชื่อว่าคนงานที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าจะได้รับการดูแล
- เผชิญหน้ากับการข่มเหง: พระเยซูทรงเตือนอย่างชัดเจนว่าการรับใช้จะไม่ใช่เรื่องง่าย จะเหมือน "แกะไปท่ามกลางฝูงสุนัขป่า" (มธ 10:16) พวกเขาจะถูกเกลียดชัง ถูกส่งตัวขึ้นศาล และแม้แต่สมาชิกในครอบครัวก็จะต่อต้านพวกเขา (มธ 10:17-23)
- ไม่ต้องกลัว: ข้อคิดสำคัญที่สุดประการหนึ่งคือการเน้นย้ำเรื่อง "อย่ากลัว" (มธ 10:26, 28, 31)
- อย่ากลัวคนที่ฆ่าได้แต่กาย: จงกลัวพระเจ้าผู้ทรงมีอำนาจเหนือทั้งกายและวิญญาณ (มธ 10:28)
- ความห่วงใยของพระเจ้า: พระองค์ทรงใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้แต่นกกระจอกตัวเดียวก็ไม่ตกลงดินโดยที่พระบิดาไม่ทรงเห็นชอบ และผมทุกเส้นบนศีรษะของเราก็ทรงนับไว้หมดแล้ว (มธ 10:29-31) เราจึงไม่ต้องกลัว เพราะเรามีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมาก
3. ความสำคัญของการยอมรับพระคริสต์และการเป็นสาวก
- การประกาศความจริงอย่างกล้าหาญ: "สิ่งที่เราบอกท่านในที่มืด ท่านจงกล่าวออกมาในที่สว่าง สิ่งที่ท่านได้ยินกระซิบที่หู จงประกาศบนดาดฟ้าหลังคาเรือน" (มธ 10:27) คือการกล้าประกาศข่าวประเสริฐอย่างเปิดเผยและไม่ปิดบัง
- การยืนหยัดในความเชื่อ: ทุกคนที่ยอมรับพระเยซูต่อหน้ามนุษย์ พระองค์ก็จะยอมรับผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดา แต่ผู้ที่ไม่ยอมรับพระองค์ พระองค์ก็จะไม่ยอมรับเช่นกัน (มธ 10:32-33)
- การมอบความสำคัญสูงสุด: การติดตามพระคริสต์อาจนำมาซึ่งความแตกแยกในครอบครัว ("ข้าพเจ้าไม่ได้นำสันติภาพมาให้ แต่นำดาบมา" มธ 10:34) ผู้ที่เป็นสาวกต้องรักพระคริสต์เหนือกว่าความรักที่มีต่อบิดามารดา บุตร หรือแม้แต่ชีวิตของตนเอง และพร้อมที่จะแบกรับ "กางเขน" ของตนเอง (มธ 10:37-39)
- บำเหน็จรางวัล: ผู้ที่ต้อนรับสาวกของพระคริสต์ก็เท่ากับว่าต้อนรับพระคริสต์และพระเจ้าผู้ทรงใช้พระองค์มา และแม้แต่การกระทำที่เล็กน้อยที่สุด เช่น การให้น้ำเย็นแก่สาวก ก็จะไม่สูญเสียบำเหน็จเลย (มธ 10:40-42)
มัทธิวบทที่ 10 เป็นเหมือนคู่มือสำหรับผู้รับใช้ ที่เน้นย้ำถึงอำนาจที่พระเจ้าประทานให้ ความจำเป็นในการพึ่งพาและความกล้าหาญที่ต้องมีเมื่อเผชิญกับการต่อต้าน โดยมีหลักประกันในความห่วงใยอันสมบูรณ์ของพระเจ้า