Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
มัทธิว 14

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
มาระโก 6

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
ลูกา 9

เรื่องย่อ

มัทธิว 14, มาระโก 6 และลูกา 9 บอกเล่าเรื่องราวที่น่าทึ่งเกี่ยวกับช่วงเวลาสำคัญในการปฏิบัติศาสนกิจของพระเยซู ซึ่งรวมถึงความตายของยอห์นผู้ให้บัพติศมา การเลี้ยงอาหารแก่คน 5,000 คน การเดินบนน้ำของพระเยซู และการยืนยันถึงตัวตนของพระเยซู การประหารยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นเครื่องเตือนใจถึงอันตรายที่เหล่าสาวกของพระเยซูจะต้องเผชิญ การเลี้ยงอาหารแก่คน 5,000 คนเป็นการสำแดงฤทธิ์อำนาจอันน่าอัศจรรย์ของพระเยซูในการจัดหาสิ่งที่จำเป็น การเดินบนน้ำของพระเยซูแสดงให้เห็นถึงอำนาจของพระองค์เหนือธรรมชาติและการท้าทายเหล่าสาวกให้วางใจในพระองค์ การสารภาพของเปโตรว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจที่เพิ่มมากขึ้นของเหล่าสาวกเกี่ยวกับตัวตนของพระเยซู ช่วงเวลาเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจของพระเยซู ความเห็นอกเห็นใจ และการเรียกให้เหล่าสาวกของพระองค์วางใจในพระองค์อย่างสุดหัวใจ

 

ยอห์นผู้ให้บัพติศมาจำคุกตั้งแต่เริ่มต้นพันธกิจของพระเยซู หลังจากที่เขาตำหนิกษัตริย์เฮโรดที่แต่งงานกับภรรยาของน้องชาย พระองค์บอกว่าการกระทำของเฮโรดเป็นบาปและเตือนให้เขากลับใจ แต่เฮโรดไม่สนใจและให้ลูกสาวของเธอเต้นรำในงานเลี้ยง ซึ่งในวัฒนธรรมกรีก-โรมัน การเต้นรำเหล่านั้นเป็นการยั่วยวนและไม่เหมาะสม เขาชื่นชอบมากและเสนอขอให้เธอขอศีรษะของยอห์น ซึ่งเธอใช้เป็นเครื่องมือในแผนการอันเห็นแก่ตัวของน้องภรรยา ส่งผลให้ยอห์นถูกประหารชีวิตอย่างไม่ยุติธรรม การตายของยอห์นเป็นสิ่งที่พระเยซูบอกใบ้ไว้เมื่อเขาส่งข้อความถามพระองค์ว่าเป็นพระเมสสิยาห์จริงหรือไม่

หลังจากยอห์นถูกฆ่า พระเยซูเริ่มได้ยินเรื่องราวอัศจรรย์เกี่ยวกับพระองค์และรู้สึกสับสน เขาเชื่อมโยงพระองค์กับยอห์นโดยสงสัยว่าอาจเป็นวิญญาณที่ฟื้นคืนชีพ หรือเอลียาห์ที่กลับชาติมาเกิด เพราะการทำปาฏิหาริย์ของพระองค์มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก บางคนยังเสนอให้พระองค์เป็นเอลียาห์ที่คืนชีพอีกด้วย พระเยซูทรงทราบข่าวและนำเหล่าสาวกออกไปในที่เปลี่ยว เพื่อพักผ่อนและโศกเศร้ากับพระบิดา แต่ชาวบ้านก็รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนและรีบเข้ามาหา พระคัมภีร์บันทึกว่ามีผู้คนหลายพันหนุนจากทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ซึ่งอาจมาเพื่อรับการรักษา ฟังข่าวสาร หรือแสดงความเสียใจต่อข่าวของยอห์น ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนว่าเรื่องนี้มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์และความหวังของคนเหล่านี้

แม้พระเยซูจะได้รับข่าวร้ายและประสบกับความสูญเสีย เขาไม่ยอมเลิกภารกิจในการเลี้ยงดูผู้คนและสนทนากับพระบิดา พระองค์ทรงเห็นความอัศจรรย์ของพระองค์ในพระปาฏิหาริย์อาหาร ที่ซึ่งอาหารห้าพันคนได้รับการเลี้ยงดู และเหลืออาหารอีกสิบบกระบังเป็นพยานถึงฤทธานุภาพของพระองค์ พระองค์ไม่เพียงแต่ทรงสนใจด้านวิญญาณเท่านั้น แต่ยังห่วงใยในทางปฏิบัติด้วย เช่น การเตรียมอาหารและการเลี้ยงดูผู้คน เมื่อพระองค์ทรงอธิษฐานและทรงให้เหล่าสาวกออกไป พระองค์ทรงเดินบนผิวน้ำในเวลาที่ลมพัดแรงและน้ำก็กลายเป็นพายุ เปโตรลองเดินตามแต่พอให้ความสนใจในสิ่งที่รบกวนตนเองมากเกินไป เขาจึงจมลงในน้ำ พระเยซูทรงยื่นพระหัตถ์ช่วยเขาขึ้น ฝึกสอนให้เขาพึ่งพระองค์และเชื่อมั่นในอำนาจของพระองค์ เมื่อเขาขึ้นฝั่งก็พบว่าคนจำนวนมากรอรับการรักษา พระองค์ทรงรักษาและบำบัดพวกเขาอย่างเมตตาและเต็มเปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจแห่งพระเจ้า

 

ข้อคิด: มัทธิว 14; มาระโก 6; ลูกา 9

สำหรับเหล่าสาวก, พายุนั้นเลวร้ายมากอยู่แล้ว แต่การต้องเผชิญพายุ ทั้งยังอดนอนและอ่อนล้าทางอารมณ์จากการรับใช้ผู้คนและการโศกเศร้ากับการตายของยอห์นผู้ให้บัพติศมา ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นไปอีก พวกเขาเหนื่อยและเศร้าใจ และในขณะที่คิดว่าสถานการณ์ไม่สามารถเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว พวกเขากลับเห็นผีกำลังเข้ามาหาพวกเขา แต่แท้จริงแล้ว สิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าหรือน่ากลัว กลับเป็นการเคลื่อนไหวของพระเยซูคริสต์ที่แสดงให้พวกเขาเห็นว่าพระองค์สถิตอยู่กับพวกเขา พระองค์ทรงฤทธิ์อำนาจ และมีเป้าหมายเพื่อนำความชื่นชมยินดีมาให้ในช่วงเวลานั้น แม้ในพายุและความวุ่นวายในยามกลางคืน พระองค์ทรงเป็นที่ซึ่งความชื่นชมยินดีและความหวังอยู่เสมอ!

 

คำถาม

1.   เรื่องราวของการเลี้ยงอาหารคน 5,000 คน (พบได้ในมัทธิว 14, มาระโก 6 และลูกา 9) แสดงให้เห็นว่าพระเยซูทรงสามารถใช้ทรัพยากรที่จำกัดเพื่อตอบสนองความต้องการที่ยิ่งใหญ่ได้ คริสเตียนสามารถนำหลักการนี้ไปประยุกต์ใช้กับการใช้ทรัพยากร เวลา และความสามารถของตนเองได้อย่างไรเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชน และเราจะพึ่งพาพระเจ้าให้พันธกิจต่างๆ เกิดผลได้อย่างไร?

2.   ทั้งสามพระกิตติคุณนี้บันทึกเรื่องราวของยอห์นผู้ให้บัพติศมาที่ถูกประหารชีวิต (มัทธิว 14, มาระโก 6, ลูกา 9) แม้ว่ายอห์นจะเผชิญกับความตายเพราะความเชื่อของเขา แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดในความจริง คริสเตียนในปัจจุบันสามารถเรียนรู้อะไรจากการกล้าหาญและความภักดีของยอห์นผู้ให้บัพติศมา และเราจะยืนหยัดในความจริงอย่างไรแม้ในยามที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก?

 

 

ลูกา บทที่ 9 เป็นบทที่รวบรวมเหตุการณ์สำคัญและคำสอนหลักหลายอย่างของพระเยซูคริสต์ โดยมีข้อคิดที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการเป็นสาวกและการรับใช้ ดังนี้:

1. การรับใช้และการพึ่งพาพระเจ้า (ลูกา 9:1-17)

  • อำนาจและภารกิจ: พระเยซูทรงประทานอำนาจให้แก่สาวก 12 คนในการขับไล่ผีและรักษาโรค (ลก 9:1) และส่งพวกเขาออกไปประกาศอาณาจักรของพระเจ้า (ลก 9:2) ซึ่งสอนว่าการรับใช้ที่เกิดผลนั้นต้องมาจากอำนาจที่พระเจ้าประทานให้
  • ศรัทธาในการจัดเตรียม: พระองค์สั่งให้สาวก "อย่านำสิ่งใดไปด้วย" (ลก 9:3) เน้นย้ำถึงการพึ่งพาพระเจ้าอย่างสิ้นเชิงในการเดินทาง และให้เชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะจัดเตรียมสิ่งจำเป็นผ่านความมีน้ำใจของผู้ที่ต้อนรับ
  • มอบสิ่งที่เรามี: ในเหตุการณ์เลี้ยงอาหาร 5,000 คน เมื่อสาวกมองไม่เห็นทางออก พระเยซูทรงสั่งให้พวกเขานำขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัว ที่มีอยู่มาให้พระองค์ (ลก 9:13, 16) ข้อคิดคือ เราต้องมอบสิ่งเล็กน้อยที่เรามีให้พระเจ้าจัดการ แล้วพระองค์จะทรงทำปาฏิหาริย์ที่เกินความสามารถของเรา

2. การเปิดเผยพระคริสต์และการเตรียมพร้อมเพื่อการทนทุกข์ (ลูกา 9:18-36)

  • ตัวตนของพระคริสต์: เปโตรประกาศว่าพระเยซูคือ "พระคริสต์ของพระเจ้า" (ลก 9:20) นี่คือการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพระองค์ในฐานะพระเมสสิยาห์ (พระผู้ช่วยให้รอด)
  • ทางสู่กางเขน: ทันทีที่สาวกเข้าใจว่าพระองค์คือพระคริสต์ พระองค์ทรงเริ่มทำนายถึง การทนทุกข์ การถูกปฏิเสธ และการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ (ลก 9:22) แสดงให้เห็นว่าเส้นทางของพระเมสสิยาห์ไม่ได้นำไปสู่บัลลังก์ทางโลก แต่ไปสู่กางเขน
  • การจำแลงพระกาย: เหตุการณ์นี้เป็นการยืนยันความยิ่งใหญ่และสง่าราศีของพระเยซู (ลก 9:28-36) โดยมีโมเสส (เป็นตัวแทนของธรรมบัญญัติ) และเอลียาห์ (เป็นตัวแทนของผู้เผยพระวจนะ) มาปรากฏพร้อมกับพระองค์ และมีเสียงจากสวรรค์ประกาศว่า "ท่านผู้นี้เป็นบุตรของเราผู้ที่เราเลือกสรร จงฟังท่านเถิด" (ลก 9:35)

3. ต้นทุนของการเป็นสาวกที่แท้จริง (ลูกา 9:23-27, 46-62)

  • ปฏิเสธตนเองและแบกกางเขน: พระเยซูตรัสว่า "ถ้าใครอยากจะติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา" (ลก 9:23) นี่คือหัวใจของการเป็นสาวก หมายถึง การสละความปรารถนาส่วนตัว ความเห็นแก่ตัว และพร้อมที่จะทนทุกข์หรือยอมเสียสละเพื่อติดตามพระองค์
  • ความสำคัญของชีวิตนิรันดร์: "คนที่จะพยายามเอาชีวิตรอดจะเสียชีวิตไป แต่คนที่จะสละชีวิตเพราะเห็นแก่เราจะได้ชีวิตรอด" (ลก 9:24) การได้ครอบครอง "ทั้งโลก" ก็ไร้ค่าหากต้องเสีย "ตัวเอง" ไป (ลก 9:25) เตือนให้เห็นว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่มีค่าเท่ากับการมีชีวิตนิรันดร์
  • ความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด: เมื่อมีคนพยายามผัดผ่อนการติดตามพระองค์ด้วยข้ออ้างต่าง ๆ (เช่น ขอไปฝังศพบิดาก่อน หรือขอไปลาครอบครัวก่อน) พระเยซูทรงเรียกร้องให้ ให้ความสำคัญกับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นอันดับแรก (ลก 9:57-62) ผู้ที่เหมาะกับอาณาจักรของพระเจ้าคือผู้ที่มองไปข้างหน้าและไม่หันกลับไปมองสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง

ลูกา บทที่ 9 สอนว่าการติดตามพระเยซูคริสต์นั้นเป็นเรื่องที่จริงจังและมีต้นทุน โดยเรียกร้องให้เรา พึ่งพาพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ ยอมรับความจริงเรื่องการทนทุกข์ของพระคริสต์ และพร้อมที่จะสละตนเอง โดยให้ความสำคัญกับพระองค์และพันธกิจของพระองค์เหนือกว่าสิ่งอื่นใดในโลกนี้