เรื่องย่อ
หลังจากรับบทบัญญัติสิบประการบนภูเขาซีนาย ชาวอิสราเอลได้สร้างสัมพันธภาพอันศักดิ์สิทธิ์กับพระเจ้า แต่การปฏิบัติตามกฎหมายนั้นไม่ง่าย พระเจ้าจึงทรงมอบกฎหมายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อผู้อื่น การดูแลผู้ยากไร้ และการตัดสินคดีความอย่างยุติธรรม บทเหล่านี้เน้นถึงความสำคัญของความยุติธรรม ความเมตตา และความรับผิดชอบต่อสังคม โมเสสได้ขึ้นไปบนภูเขาซีนายอีกครั้ง เพื่อรับแผ่นศิลาจารึกกฎหมาย และได้พบกับพระเจ้าอย่างใกล้ชิด เป็นช่วงเวลาสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างพระเจ้ากับโมเสส และเป็นการยืนยันพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำกับชาวอิสราเอล เรื่องราวในบทเหล่านี้จึงเต็มไปด้วยการสร้างกฎหมาย การพัฒนาสังคม และความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างพระเจ้ากับประชาชน วางรากฐานสำคัญของการเป็นประชาชาติที่ยึดมั่นในหลักธรรมและความยุติธรรม
เยี่ยมเลยครับที่เราใช้เวลาในการอ่านพระวจนะทุกวัน พระเจ้าจะอวยพรเรา ในวันนี้เราได้เห็นว่าพระเจ้าทรงมอบกฎหมายเพิ่มเติมแก่ชาวอิสราเอล เพื่อสร้างสังคมที่ยุติธรรม และเคารพต่อชีวิต และทรัพย์สินของผู้อื่น กฎหมายเหล่านี้ เช่น การชดใช้คืน อย่างน้อยสองเท่า สำหรับสิ่งที่ขโมยไป และการลงโทษ อย่างหนัก สำหรับการข่มขืน หรือการล่อลวงทางเพศ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการปกป้องผู้บริสุทธิ์ และการสร้างสังคม ที่ปลอดภัย และยุติธรรม กฎหมายเหล่านี้ อาจดูโหดร้าย แต่เป็นการปกป้อง และการสร้างความสมดุล ในสังคม
พระเจ้าทรงห้ามการคิดดอกเบี้ย และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเมตตา ต่อคนยากจน และผู้เปราะบาง การดูแลผู้เดินทาง แม่ม่าย และเด็กกำพร้า แสดงให้เห็นถึงความห่วงใย ของพระเจ้า ต่อผู้ที่อ่อนแอ และไร้ที่พึ่ง พระเจ้าทรงสอนชาวอิสราเอลให้รัก และดูแล ซึ่งกันและกัน และไม่เอารัดเอาเปรียบ ซึ่งกันและกัน เป็นการสร้างสังคม ที่เต็มไปด้วยความรัก และความเห็นอกเห็นใจ
พระเจ้าทรงห้ามการใช้เวทมนตร์ และการทำนาย เพราะเกี่ยวข้องกับวิญญาณชั่วร้าย และเป็นการทรยศต่อพระเจ้า การประหารชีวิตผู้ที่กระทำ หรือล่อลวงผู้อื่น เข้าไปในความชั่วร้าย แสดงให้เห็นถึงความจริงจัง ของพระเจ้า ในการปกป้องผู้คนของพระองค์ จากการหลอกลวง และอิทธิพล ของปีศาจ พระเจ้าทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูชาพระเจ้าองค์เดียว และการขับไล่ ผู้ที่บูชารูปเคารพ เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ ของความเชื่อ และการเตรียมพร้อม สำหรับการประสูติ ของพระเมสสิยาห์ การกำหนดให้มีงานฉลองต่างๆ ช่วยเตือนใจ ถึงการจัดเตรียม และความเมตตา ของพระเจ้า ตลอดทั้งปี และการทำพันธสัญญา บนภูเขาซีนาย เป็นการแสดงถึงความภักดี และการยอมรับ พระเจ้า อย่างเต็มที่
ข้อคิด: อพยพ 22-24
พระเจ้าทรงปกป้องผู้คนของพระองค์อย่างมาก แต่พระองค์ยังทรงบัญชาให้พวกเขาแสดงความเมตตาต่อผู้ที่พวกเขามองว่าเป็นศัตรูหรือผู้ที่เกลียดชังพวกเขา นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่เรามีความสัมพันธ์กับพระองค์ตั้งแต่แรก! เราทุกคนเริ่มต้นจากการเป็นศัตรูของพระองค์ และนี่คือวิธีที่พระองค์ปฏิบัติต่อเรา—ด้วยความเมตตาและความสงสาร ตอบสนองความต้องการของเรา แม้ว่าเราจะทำสงครามกับพระองค์ด้วยความบาปและการกบฏของเรา พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ไล่ล่าศัตรูของพระองค์และเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นครอบครัวของพระองค์ พระองค์อยู่ที่ซึ่งความปีติยินดีอยู่!
คำถาม
1. การเคารพต่อสิทธิของผู้อื่น: ในอพยพบทที่ 22 มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการช่วยเหลือและการปกป้องผู้อื่น เช่น การดูแลสัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้าน การเคารพสิทธิของผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญในทุกสังคม ในโลกปัจจุบัน เราจะสามารถสร้างบรรยากาศของความเคารพและการรักษาสิทธิของคนอื่นได้อย่างไร? และสิ่งนี้มีผลต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ชุมชน และที่ทำงานได้อย่างไร?
2. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า: ในอพยพบทที่ 24 การตั้งสัญญาระหว่างพระเจ้ากับอิสราเอลแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามพันธสัญญาและการทำตามคำสั่งของพระเจ้า ในชีวิตประจำวัน เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าหรือค้นพบความหมายที่ลึกซึ้งในความเชื่อของเราได้อย่างไร? การมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพระเจ้าส่งผลต่อการตัดสินใจและการกระทำของเราในโลกที่มีความท้าทายมากมายได้อย่างไร?
วันสะบาโต (Sabbath) เป็นวันที่เจ็ดของสัปดาห์และมีความสำคัญอย่างมากในหลายศาสนา โดยเฉพาะในศาสนายูดายและศาสนาคริสต์ ในภาษาฮีบรู คำว่า "שַׁבָּת" (อ่านว่า "Shabbat") มีความหมายว่า "หยุด" หรือ "พักผ่อน" และมีรากศัพท์มาจากคำกริยา 'שָׁבַת' (shavat) ซึ่งหมายถึงการหยุดทำกิจกรรมต่าง ๆ
ที่มาที่ไป
1. ที่มาทางศาสนา: วันสะบาโตมีรากฐานมาจากคัมภีร์ในหนังสือปฐมกาล (Genesis) ที่กล่าวว่าพระเจ้าทรงสร้างโลกในหกวันและหยุดพักในวันที่เจ็ด ซึ่งทำให้วันนี้ถูกกำหนดให้เป็นวันแห่งการพักผ่อนและการเคารพบูชา.
2. การกำหนดในบัญญัติสิบประการ: ในบัญญัติสิบประการ (Exodus 20 และ Deuteronomy 5) การรักษาวันสะบาโตถือเป็นคำสั่งของพระเจ้าให้มนุษย์หยุดทำงานและใช้เวลาสำหรับการบูชาพระเจ้า.
กฎเกณฑ์ต่างๆ
- การงาน: ในวันสะบาโต ชาวยิวดั้งเดิมต้องหยุดการทำงานทุกประเภท ซึ่งรวมไปถึงกิจกรรมที่มีลักษณะเป็นการสร้างหรือสร้างสรรค์ เช่น การเขียน การทำอาหาร หรือการจุดไฟ นี่เป็นกฎเกณฑ์ที่มาจาก Talmud ซึ่งอธิบายถึง 39 หมวดการงานที่ห้ามทำในวันสะบาโต.
- การเฉลิมฉลอง: วันสะบาโตเริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินของวันศุกร์จนถึงพระอาทิตย์ตกดินของวันเสาร์ ในวันนี้ครอบครัวจะร่วมกันรับประทานอาหารค่ำที่พิเศษ เริ่มด้วยการจุดเทียนและกล่าวคำอธิษฐาน (Kiddush).
การปฏิบัติในปัจจุบัน
- ศาสนายูดาย: ชาวยิวบางกลุ่มยังคงปฏิบัติตามกฎเกณฑ์โบราณอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะชาวยิวออร์โธดอกซ์ ในขณะที่ชาวยิวบางกลุ่มเช่น ชาวยิวเสรีหรือรีฟอร์มอาจปฏิบัติผ่อนคลายกว่านี้.
- ศาสนาคริสต์: คริสเตียนส่วนใหญ่ถือวันอาทิตย์เป็นวันสะบาโต และใช้เวลานี้สำหรับการไปโบสถ์และพักผ่อนจากการทำงาน.
วันสะบาโตเป็นเครื่องเตือนใจให้เราเห็นความสำคัญของการพักผ่อน การนมัสการ และการเฉลิมฉลอง เป็นวันที่เราจะได้ทบทวนชีวิต ขอบคุณพระเจ้า และฟื้นฟูพลังกายใจเพื่อกลับไปทำงานและใช้ชีวิตต่อไป