เรื่องย่อ
หลังจากเหตุการณ์ลูกวัวทองคำ พระเจ้าทรงปฏิเสธที่จะไปกับชาวอิสราเอล แต่โมเสสได้วิงวอนขอให้พระองค์ทรงเมตตา พระเจ้าจึงทรงรับปากที่จะทรงอยู่กับพวกเขา แต่จะไม่ทรงไปด้วยตนเอง แทนที่ด้วยการทรงนำทางและประทานพระสิริให้กับพวกเขา โมเสสจึงได้เข้าไปในเต็นท์เพื่อพูดคุยกับพระเจ้า และได้รับพระบัญชาให้สร้างหีบพันธสัญญา แท่นบูชา และเต็นท์ประชุม โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความศักดิ์สิทธิ์และการอุทิศตนเพื่อการรับใช้พระเจ้า เรื่องราวนี้แสดงให้เห็นถึงความเมตตาและการให้อภัยของพระเจ้า รวมทั้งความสำคัญของความเชื่อและการเชื่อฟัง และการสร้างสถานที่สำหรับการพบปะกับพระเจ้า เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงพันธสัญญาของพระองค์
พระเจ้าและโมเสสมีกิจกรรมร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยพระเจ้าทรงประจักษ์ให้เห็นแก่โมเสสในลักษณะที่เข้าใจได้ โดยไม่มีความหมายว่าพระเจ้ามีใบหน้าจริง ๆ เนื่องจากพระเจ้าทรงเป็นวิญญาณ พระคัมภีร์ใช้การเปรียบเทียบนี้เพื่อสื่อถึงความสนิทสนมและการเข้าถึงระหว่างพระเจ้ากับโมเสส ในขณะที่ชาวอิสราเอลกำลังจะเข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา พระเจ้าประกาศว่าจะไม่เดินไปกับพวกเขา แต่จะส่งทูตสวรรค์แทน ซึ่งพระเจ้าทรงรู้สึกโกรธต่อความดื้อรั้นของพวกเขา โมเสสต้องการให้พระเจ้าทรงร่วมเดินทางกับพวกเขา เพื่อให้พวกเขาได้การนำทางสิ่งที่จำเป็นในการใช้ชีวิตตามพระประสงค์
โมเสสจึงขอให้พระเจ้ากระทำการเปิดเผยพระสิริให้แก่เขา พระเจ้าได้แสดงให้โมเสสเห็นถึงพระลักษณะของพระองค์ พร้อมกับยืนยันว่าพระองค์จะมอบพระเมตตาและความกรุณาให้กับผู้ที่พระองค์เลือก แม้ว่าเยอะแยะจะทำลายพันธสัญญาก็ตาม พระเจ้าทรงสอนให้โมเสสเข้าใจถึงความสำคัญของพระคุณและความเมตตา โดยชี้ให้เห็นว่าการที่พระองค์เมตตาไม่ได้หมายความว่าจะมีการยกโทษให้ทุกคนอย่างไม่มีขอบเขต แต่ในทางตรงกันข้าม พระองค์จะไม่ปล่อยให้บาปหลุดพ้นโดยไม่มีการลงโทษ
เมื่อโมเสสกลับมาจากภูเขาซีนาย เขามีใบหน้าที่เปล่งประกายจากการเผชิญหน้ากับพระเจ้าจนต้องสวมผ้าคลุมหน้าเพื่อปกปิดความเจิดจรัสของเขา ขณะนั้น พระเจ้าได้ให้การทบทวนกฎระเบียบที่จำเป็นสำหรับสังคมของเขา รวมถึงการเรียกร้องให้ประชาชนบริจาคตามความสมัครใจสำหรับการสร้างพลับพลา สิ่งนี้กระตุ้นให้ทุกคนที่มีใจอยากช่วยกันมาร่วมบริจาค ความกระตือรือร้นและการตอบสนองนี้บ่งบอกถึงการทำงานของพระเจ้าภายในหัวใจของผู้คน เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมนำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์
ข้อคิด: อพยพ 33-35
ในข้อ 33:16 โมเสสสะท้อนถึงความสัมพันธ์พิเศษระหว่างพระเจ้ากับอิสราเอล โดยตั้งคำถามว่าการที่พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเขาไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะแตกต่างจากชนชาติอื่นหรือไม่ พระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงประทานเอกลักษณ์แก่มนุษย์ ทรงเผยพระองค์และความดีงามผ่านการกระทำต่างๆ เช่น การให้ความหวัง แก่ผู้สิ้นหวัง การแสดงความเมตตาต่อผู้ที่แข็งกร้าว และความอดทนต่อผู้ที่ดื้อดึง พระเจ้าจึงเป็นเอกลักษณ์และแหล่งแห่งความปีติยินดีของมนุษย์ และพระองค์ทรงเป็นที่ซึ่งความชื่นบานอยู่!
คำถาม
1. บทที่ 33 มีการพูดถึงการมีพระเจ้าอยู่ใกล้ชิดกับอิสราเอลและการนำทางของพระองค์ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ในชีวิตประจำวันของเรา เราสามารถประสบการณ์การมีพระเจ้าหรือแรงบันดาลใจจากพระเจ้าได้อย่างไรในช่วงเวลาที่เรารู้สึกสับสนหรือไม่แน่ใจ?
2. บทที่ 35 แสดงถึงความร่วมมือและการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสถานที่บูชาพระเจ้า และมีการถวายของต่าง ๆ จากใจอย่างมีความตั้งใจ ในสังคมปัจจุบัน การทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ดีในชุมชนของเรานั้นสำคัญเพียงใด? เราจะสามารถกระตุ้นให้ผู้คนมีส่วนร่วมและแบ่งปันทรัพยากรของตนในทางที่สร้างสรรค์ได้อย่างไร?
"เต็นท์นัดพบ" ในอพยพ 33 หมายถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงปรากฏต่อโมเสส เป็นสถานที่ที่พระเจ้าทรงสื่อสารกับโมเสสและประชาชนอิสราเอล คำว่า "เต็นท์นัดพบ" สะท้อนถึงการที่พระเจ้าทรงนัดพบหรือทรงมาประทับอยู่กับประชาชนของพระองค์ นั่นคือสถานที่แห่งการประชุมระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์
คำอธิบายเพิ่มเติม:
- ความสำคัญ: เต็นท์นัดพบไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่พักชั่วคราว แต่เป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับอิสราเอล มันเป็นศูนย์กลางของการนมัสการและการสื่อสารระหว่างพระเจ้ากับประชาชน แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างพระเจ้ากับประชาชนที่ทรงเลือก
- ความเกี่ยวข้องกับอพยพ 33: ในบทนี้ พระเจ้าทรงสั่งให้โมเสสย้ายเต็นท์นัดพบออกไปนอกค่าย แสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์และความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่นี้ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้า
- สัญลักษณ์ที่สำคัญ: เต็นท์นัดพบเป็นภาพสะท้อนของพระสิริของพระเจ้าและเป็นภาพพจน์ของพระนิเวศน์ แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับประชาชนของพระองค์ แม้จะอยู่ในทะเลทราย
เต็นท์นัดพบ มีความหมายสำคัญในฐานะเป็นสถานที่ที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่ท่ามกลางชนอิสราเอล เป็นสถานที่สำหรับการอธิษฐานและการนมัสการ เป็นสถานที่สำหรับการพบปะกับพระเจ้า และเป็นสัญลักษณ์แห่งพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำไว้กับพวกเขา แม้ว่าเต็นท์นัดพบจะไม่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ความหมายของมันยังคงมีความสำคัญต่อเราในฐานะที่เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการทรงสถิตของพระเจ้า การอธิษฐานและการนมัสการ การพบปะกับพระเจ้า และความสำคัญของพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา