Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
กันดารวิถี 33

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
กันดารวิถี 34

เรื่องย่อ

พระธรรมกันดารวิถีบทที่ 33-34 บันทึกการเดินทางของชาวอิสราเอลจากอียิปต์สู่โมอับ และการกำหนดเขตแดนของแผ่นดินคานาอัน บทที่ 33 เป็นรายการสถานที่ต่างๆ ที่ชาวอิสราเอลตั้งค่าย เป็นการบันทึกการเดินทางอันยาวนานและยากลำบาก ซึ่งสะท้อนถึงการดูแลและการนำทางของพระเจ้า ในขณะที่บทที่ 34  อธิบายถึงการกำหนดเขตแดนของแผ่นดินคานาอัน โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับพิกัดและจุดสำคัญต่างๆ ซึ่งแสดงถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการแบ่งปันที่ดินและการตั้งถิ่นฐาน บทเหล่านี้จึงเป็นการสรุปการเดินทางอันยาวนาน และการเตรียมความพร้อมสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้

 

วันนี้ โมเสสได้เล่าถึงสถานที่ต่างๆ ที่ชาวอิสราเอลเคยตั้งแคมป์ ซึ่งช่วยยืนยันความเป็นจริงของพระคัมภีร์ รายการนี้ทำให้เราเห็นว่าผู้เขียนไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมา แต่เป็นการบันทึกการเดินทางที่ยาวนานถึง 40 ปี ซึ่งในบางครั้งใช้เวลาเพียง 11 วันเท่านั้น โมเสสจึงไม่มีเจตนาที่จะเสริมสร้างภาพลักษณ์ของตนเองเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม

ในตอนท้ายของบทที่ 33 พระเจ้าทรงสั่งให้โมเสสสอนผู้คนเกี่ยวกับการข้ามแม่น้ำจอร์แดน โดยต้องขับไล่ชนชาติที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้และทำลายแท่นบูชาและรูปเคารพของพวกเขา สิ่งนี้สำคัญมาก เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนของพระเจ้าหลงผิดและเกิดการลงโทษ หากพวกเขาไม่กำจัดทุกอย่างให้สิ้นซาก พระเจ้าทรงทราบดีว่าใจมนุษย์อาจถูกล่อลวงได้ง่ายเพียงใด

บทที่ 34 คือการกำหนดขอบเขตของดินแดนแห่งพันธสัญญาเป็นครั้งแรก โดยดินแดนนี้มักถูกเรียกว่าคานาอัน มีบางสถานที่ที่เป็นที่รู้จักอย่างทะเลเกลือ หรือทะเลเดดซี ที่มีความเค็มสูงมากจนไม่มีชีวิตใดอาศัยอยู่ และทะเลใหญ่ ซึ่งคือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนี้ ในดินแดนนี้ยังมีการตั้งรกรากของชาวอิสราเอลในพื้นที่ที่ไม่ได้รับการสัญญาไว้ รวมถึงชนเผ่าทรานส์จอร์แดน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวอิสราเอลไม่ได้ครอบครองดินแดนทั้งหมดตามที่พระเจ้าได้สัญญาไว้.

 

ข้อคิด: กันดารวิถี 33-34

พระยาเวห์ทรงเหนือกว่าพระเจ้าอื่น ๆ ทั้งหมด ตามที่โมเสสกล่าวว่า ชาวอิสราเอลออกไปอย่างมีชัยชนะต่อหน้าชาวอียิปต์ ในขณะที่พระเจ้าทรงพิพากษาพระเจ้าของพวกเขา พระองค์ไม่เคยปฏิเสธว่ามีพระเจ้าอื่น แต่ยืนยันว่าพระองค์เหนือกว่าทุกพระเจ้า พระองค์เป็นกษัตริย์ของกษัตริย์และพระเจ้าของเทพเจ้าที่แท้จริง ในพระบัญญัติสิบประการ พระองค์ตรัสว่า "อย่ามีพระเจ้าอื่นใดต่อหน้าเรา" หมายความว่าเราควรให้ความสำคัญแก่พระองค์เพียงผู้เดียว สิ่งที่เราบูชานั้นอาจเป็นพระเจ้าหรือรูปเคารพปลอมได้ และยังมีวิญญาณชั่วหรือซาตานที่ควบคุมศาสนาอื่น ๆ เช่น พระบาอัลและพระโมเลค พวกเขาไม่สามารถเทียบเคียงกับพระองค์ได้ ซึ่งพระยาเวห์คือพระเจ้าองค์เดียวที่แท้จริง ที่มาพร้อมกับความรักและการปกป้องที่ยิ่งใหญ่ พระองค์คือที่ที่ความปีติยินดีมีอยู่

 

คำถาม

1.   การสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา: ในกันดารวิถี 33 มีการบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางของชนอิสราเอลตลอด 40 ปีในถิ่นทุระกันดาร คุณคิดว่าการสะท้อนถึงประสบการณ์ในอดีตนั้นมีความสำคัญอย่างไรในการเติบโตและพัฒนาตนเองในปัจจุบัน? และเราจะสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ดีและไม่ดีในชีวิตของเราได้อย่างไรบ้าง?

2.   การมอบหมายหน้าที่และการปฏิบัติ: ในกันดารวิถี 34 พระเจ้าทรงกำหนดเขตแดนและแนวทางสำหรับการจัดการดินแดนใหม่ คุณคิดว่าในชีวิตปัจจุบัน การมอบหมายหน้าที่และการขอบคุณในบทบาทแต่ละอย่างในคริสตจักรมีความสำคัญอย่างไร? และเราจะสามารถสร้างความร่วมมือและการแบ่งปันความรับผิดชอบได้อย่างไร?

 

 

 

การแบ่งสรรเขตแดนคานาอัน เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นหลังจากที่ชนชาติอิสราเอลได้เข้ายึดครองแผ่นดินคานาอัน ซึ่งเป็นดินแดนที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา

การแบ่งสรรที่ดิน

หลังจากที่โยชูวาผู้นำของอิสราเอลได้นำชนชาติอิสราเอลเข้าสู่แผ่นดินคานาอันและเอาชนะชนพื้นเมืองได้แล้ว ก็ได้มีการแบ่งสรรที่ดินให้กับแต่ละเผ่าของอิสราเอล โดยมีหลักเกณฑ์ในการแบ่งดังนี้:

  • ขนาดของเผ่า: เผ่าที่มีประชากรมากก็จะได้รับที่ดินมาก ส่วนเผ่าที่มีประชากรน้อยก็จะได้รับที่ดินน้อย
  • ลักษณะของที่ดิน: ที่ดินแต่ละส่วนก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไป เช่น บางส่วนเป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ บางส่วนเป็นภูเขา หรือบางส่วนเป็นทะเลทราย
  • การจับฉลาก: เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแบ่งสรรที่ดิน จึงมีการจับฉลากเพื่อกำหนดว่าแต่ละเผ่าจะได้รับที่ดินส่วนไหน

ผู้ที่ได้รับที่ดิน

ชนชาติอิสราเอลมีทั้งหมด 12 เผ่า แต่มีเพียง 9 เผ่าที่ได้รับที่ดินในคานาอัน ส่วนอีก 3 เผ่าคือ เผ่าเลวี เผ่าโยเซฟ และเผ่าดาน ไม่ได้รับที่ดิน

  • เผ่าเลวี: เนื่องจากเผ่าเลวีมีหน้าที่รับใช้พระเจ้าในพลับพลา จึงไม่ได้รับที่ดิน แต่จะได้รับเมืองต่างๆ ที่กระจายอยู่ทั่วแผ่นดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย
  • เผ่าโยเซฟ: เนื่องจากโยเซฟมีบุตรชาย 2 คนคือ เอฟราอิมและมนัสเสห์ ดังนั้นทั้ง 2 เผ่านี้จึงได้รับที่ดิน
  • เผ่าดาน: ในช่วงแรกเผ่าดานได้รับที่ดินทางชายฝั่งทะเล แต่ต่อมาพวกเขาได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานใหม่ทางตอนเหนือของอิสราเอล

ความสำคัญของการแบ่งสรรที่ดิน

การแบ่งสรรที่ดินในคานาอันมีความสำคัญหลายประการ

  • การรักษาสัญญา: เป็นการรักษาสัญญาที่พระเจ้าได้ทรงให้ไว้กับบรรพบุรุษของชนชาติอิสราเอลว่าจะให้แผ่นดินคานาอันเป็นมรดกของพวกเขา
  • การจัดระเบียบสังคม: ช่วยให้ชนชาติอิสราเอลมีที่อยู่อาศัยและที่ทำกินอย่างเป็นระเบียบ
  • การสร้างความเป็นปึกแผ่น: ช่วยสร้างความเป็นปึกแผ่นและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่ชนชาติอิสราเอล

บทเรียนจากเรื่องราวการแบ่งสรรที่ดิน

เรื่องราวการแบ่งสรรที่ดินในคานาอันสอนให้เราเห็นถึงความสำคัญของ

  • การรักษาสัญญา: เราควรให้ความสำคัญกับการรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผู้อื่น
  • ความยุติธรรม: เราควรปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างยุติธรรมและเสมอภาค
  • การแบ่งปัน: เราควรแบ่งปันสิ่งที่เรามีให้กับผู้อื่นที่ขาดแคลนกว่าเรา