เรื่องย่อ
ในช่วงเวลาที่อิสราเอลต้องเผชิญกับการท้าทายครั้งสำคัญ ฮันนาห์ หญิงผู้มีความศรัทธาอย่างลึกซึ้ง ได้อธิษฐานขอให้พระเจ้าประทานบุตรชาย และสัญญาว่าจะถวายเขาให้รับใช้พระองค์ เมื่อพระเจ้าตอบคำอธิษฐานของเธอด้วยการให้กำเนิดซามูเอล ฮันนาห์ไม่รีรอที่จะนำบุตรชายไปถวายที่ศิโลห์ เมื่อซามูเอลเติบโตขึ้น เขาได้รับการเรียกจากพระเจ้าในคืนหนึ่ง ซึ่งเปิดทางให้เขาเป็นผู้เผยพระวจนะและผู้นำที่สำคัญในอิสราเอล เรื่องราวนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเริ่มต้นของซามูเอล แต่ยังส่งผลกระทบต่อประวัติศาสตร์ของอิสราเอลในอนาคตอีกด้วย
ประมาณ 1,050 ปีก่อนคริสตกาล ชาวอิสราเอลอยู่ในสภาพไร้ระเบียบและมองหาการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบกษัตริย์ เอลคานาและฮันนาห์ คู่สามีภรรยาจากเผ่าเลวีมีการใช้ชีวิตที่ยากลำบาก ฮันนาห์เป็นหมันและมักโดนเปนินนาห์ ภรรยาคนที่สองรังแกในขณะที่พวกเขาไปถวายเครื่องบูชาที่พลับพลา เอลคานาห์พยายามปลอบฮันนาห์ แต่เธอยังรู้สึกขมขื่นและไปอธิษฐานต่อพระเจ้า แบบอธิษฐานที่แน่วแน่และเอาใจใส่หากพระเจ้าประทานลูกชายให้ เธอสัญญาว่าจะอุทิศลูกคนนี้เป็นนาศีร์ ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ยากลำบากสำหรับเธอ แต่อย่างไรก็ตาม ปุโรหิตเอลี เห็นความทุกข์ของเธอและให้กำลังใจทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน ฮันนาห์ตั้งครรภ์และนำซามูเอลกลับมายังพลับพลาเพื่อถวายให้พระเจ้า เธอประกาศว่าเขาเป็นผลจากคำอธิษฐานของเธอ และเธอจะอุทิศซามูเอลในการรับใช้พระเจ้า ในขณะเดียวกัน เอลีกำลังเลี้ยงดูซามูเอล แต่ลูกชายของเขา ฟีเนหัสและโฮฟนี กลับเป็นคนชั่วร้ายและขโมยสิ่งของจากผู้คน พวกเขาทำบาปอย่างเปิดเผยและไม่เคารพในกฎหมายของพระเจ้า ทำให้เอลีไม่สามารถเข้าใจถึงความผิดพลาดในบ้านของตน เขายังตำหนิพวกเขาแต่ไม่ลงมือทำอะไรมากไปกว่านั้น
พระเจ้าเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นและส่งผู้เผยพระวจนะไปเตือนเอลีว่าครอบครัวของเขาจะต้องจบลงโดยไม่สามารถหลีกหนีจากชะตากรรมที่กำหนด ไม่นานหลังจากนั้น ซามูเอลเริ่มได้รับคำพูดจากพระเจ้า แต่เขายังไม่รู้จักว่าพระองค์คือใคร จนกระทั่งเอลีช่วยให้เขาเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อซามูเอลทราบข่าวร้ายเกี่ยวกับครอบครัวของเอลี เขารู้สึกวิตก แต่เมื่อเอลียอมรับและยอมให้พระเจ้าทำในสิ่งที่พระองค์ต้องการ ซามูเอลก็ยังคงรับใช้พระเจ้าอย่างตั้งใจ คำพยากรณ์ของเขาจึงเริ่มเป็นจริงตามที่พระเจ้าตรัสไว้
ข้อคิด: 1ซามูเอล 1-3
ฮันนาห์มีความสนิทสนมกับพระเจ้าอย่างแท้จริง เธอนำความเจ็บปวดของเธอไปหาพระองค์ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับราเชล (ซึ่งเป็นหมันเช่นกัน) เมื่อเธอตะโกนใส่ยาโคบว่า “ขอลูกให้ฉัน มิฉะนั้นฉันจะตาย!” (ปฐมกาล 30:1) ฮันนาห์นำปัญหาของเธอไปหาคนที่สามารถแก้ปัญหาได้ และเธอรู้ว่าพระองค์สามารถไว้วางใจได้ว่าจะดูแลหัวใจของเธอ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ฮันนาห์ไปหาพระเจ้า เพราะเธอรู้ว่าพระองค์เป็นที่ที่ความชื่นชมยินดีอยู่!
คำถาม
1. การตอบสนองต่อการอธิบายและความเชื่อ: ในบทที่ 1 เราเห็นฮันนาอธิษฐานขอให้พระเจ้าประทานบุตรให้แก่เธอ และการตอบสนองของเธอนั้นแสดงถึงความศรัทธา คุณคิดว่าความเชื่อและการอธิษฐานมีบทบาทอย่างไรในชีวิตของเราในสถานการณ์ที่ยากลำบาก? เราสามารถเรียนรู้จากฮันนาเกี่ยวกับการเผชิญกับความกดดันอย่างไร?
2. การฟังเสียงของพระเจ้า: ในบทที่ 3 เราเห็นซามูเอลได้ยินเสียงพระเจ้าและเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อพระองค์ คุณคิดว่าการฟังเสียงภายในและการเข้าใจธรรมชาติของพระเจ้ามีความสำคัญอย่างไรในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยเสียงรบกวน? เราสามารถฝึกฝนให้มีความสามารถในการฟังและรับรู้เสียงที่สำคัญในชีวิตของเราได้อย่างไร?
คำว่า "นาศีร์" נָזִיר (nâzı̂yr) มาจากภาษาฮีบรู หมายถึง "ผู้ที่ถูกเลือกออกมา" "ผู้ที่แยกตัวอยู่ต่างหาก" หรือ "ผู้ที่อุทิศตัวไว้" ในบริบททางศาสนาในสมัยโบราณของอิสราเอล นาศีร์คือผู้ชายหรือผู้หญิงที่ได้ให้คำปฏิญาณพิเศษต่อพระเจ้า เพื่ออุทิศตนเพื่อรับใช้พระองค์ในช่วงเวลาหนึ่งหรือตลอดชีวิต การปฏิญาณนี้รวมถึงการละเว้นจากสิ่งต่อไปนี้:
- เหล้าองุ่นและเครื่องดื่มมึนเมา: รวมถึงน้ำองุ่นสดและแห้ง
- การตัดผม: จะต้องปล่อยผมให้ยาวสลวย
- การสัมผัสศพ: แม้แต่ศพของญาติสนิท
บุคคลที่เป็นนาศีร์จึงเป็นสัญลักษณ์ของการอุทิศตนและความบริสุทธิ์แด่พระเจ้า
นาศีร์สำคัญอย่างไร?
ความสำคัญของนาศีร์สามารถมองได้หลายด้าน:
- การแสดงความจงรักภักดีและการอุทิศตน: การปฏิญาณตนเป็นนาศีร์เป็นการแสดงออกถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะอุทิศตนเพื่อพระเจ้าอย่างเต็มที่ และเป็นการกระทำด้วยความสมัครใจ (สำหรับนาศีร์ที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้าโดยตรง)
- เป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์: การละเว้นจากสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นถือเป็นการแยกตัวออกจากสิ่งที่เป็นทางโลกและมุ่งเน้นไปที่ความบริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณ
- เป็นเครื่องมือของพระเจ้า: บุคคลที่เป็นนาศีร์บางคน เช่น แซมสัน ซามูเอล และยอห์นผู้ให้บัพติศมา ได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้าให้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลและในแผนการของพระองค์
- เป็นแบบอย่าง: ชีวิตของนาศีร์สามารถเป็นแบบอย่างของการอุทิศตน ความเชื่อ และการเชื่อฟังพระเจ้าสำหรับผู้อื่น
เรื่องราวของนาศีร์แต่ละคนในพระคัมภีร์ให้ข้อคิดที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้วมีข้อคิดที่สำคัญดังนี้:
- ความสำคัญของการรักษาคำปฏิญาณ: การให้คำมั่นสัญญาต่อพระเจ้าเป็นเรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์ และการรักษาสัญญาเหล่านั้นด้วยความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญ
- ผลของการไม่เชื่อฟัง: ตัวอย่างเช่น เรื่องราวของแซมสันแสดงให้เห็นถึงผลร้ายที่ตามมาจากการไม่เชื่อฟังพระบัญญัติและการประนีประนอมกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
- พลังที่มาจากการอุทิศตน: เมื่อบุคคลอุทิศตนแด่พระเจ้าอย่างแท้จริง พระเจ้าสามารถใช้พวกเขาในวิธีที่พิเศษและทรงพลังได้
- ความแตกต่างระหว่างการอุทิศตนภายนอกกับการเปลี่ยนแปลงภายใน: การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ภายนอกของการเป็นนาศีร์เพียงอย่างเดียวไม่ได้มีความหมาย หากปราศจากความรักและการอุทิศตนจากภายใน
- พระเจ้าทรงเรียกทุกคนให้มีการอุทิศตนในรูปแบบต่างๆ: แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้รับการเรียกให้เป็นนาศีร์ แต่พระเจ้าทรงคาดหวังให้ผู้เชื่อทุกคนมีการอุทิศตนและความจงรักภักดีต่อพระองค์ในชีวิตประจำวัน
โดยสรุป นาศีร์เป็นบุคคลที่อุทิศตนแด่พระเจ้าด้วยคำปฏิญาณพิเศษ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเลือกสรร ความบริสุทธิ์ และการรับใช้พระองค์