เรื่องย่อ
เมื่อชาวอิสราเอลพ่ายแพ้ในสงคราม หีบพันธสัญญาซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการทรงสถิตย์ของพระเจ้าถูกยึดไป สร้างความตื่นตระหนกและสำนึกผิดในหมู่ประชาชน ต่อมาพระเจ้าทรงทำให้ชาวฟีลิสเตียประสบภัยพิบัติ จนพวกเขาต้องนำหีบกลับมาคืน หลังจากเหตุการณ์นี้ ซามูเอลก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเชิงศาสนาและการเมืองของชาติ แม้จะพยายามเตือนถึงอันตรายของการมีพระราชา แต่ในที่สุดความต้องการของประชาชนก็ทำให้เกิดรัชสมัยแรกของกษัตริย์อิสราเอลผ่านการเจิมซาอูล โดยทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านจากการปกครองแบบผู้พิพากษาไปสู่ราชาธิปไตย
หลังจากที่ชาวอิสราเอลพ่ายแพ้ในการรบกับชาวฟีลิสเตีย พวกเขาคิดว่าพระเจ้าเป็นสาเหตุของความล้มเหลว แต่แทนที่จะหันไปปรึกษาพระองค์ พวกเขากลับเชื่อว่าต้องการแค่หีบพันธสัญญาเป็นเครื่องรางนำโชค ลูกชายของเอลีซึ่งเป็นคนชั่วพาหีบไปในสงคราม แต่ก็พ่ายแพ้ในที่สุด เมื่อส่งข่าวถึงเอลีเกี่ยวกับการตายของลูกชายและการสูญหายของหีบ เอลีเสียชีวิตด้วยความเศร้าโศก โดยเฉพาะเรื่องหีบพันธสัญญาที่ถูกขโมยไปนั้นสร้างความเสียใจให้กับชาวอิสราเอลทั้งประเทศ
ชาวฟีลิสเตียคิดว่าพวกเขาชนะพระเจ้าเมื่อยึดหีบพันธสัญญาไว้และวางไว้ในวิหารของเทพเจ้าของพวกเขา แต่พระยาห์เวห์กลับทำให้เทพเจ้าของพวกเขาล้มลง และส่งภัยพิบัติต่าง ๆ ให้กับชาวฟีลิสเตีย ซึ่งทำให้พวกเขาต้องการนำหีบกลับคืนสู่อิสราเอล พวกเขาปรึกษาปุโรหิตและนักพยากรณ์เพื่อให้คำแนะนำในการส่งคืนหีบ โดยใช้วัวที่ยังไม่เคยถูกใช้งานเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นการกระทำจากพระเจ้า วัวเดินตรงไปยังเบธเชเมช เมื่อถึงที่นั่น ชาวอิสราเอลถวายวัวเป็นเครื่องบูชา แต่ก็ละเมิดกฎพระเจ้า ทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่นั้น
ซามูเอลในฐานะผู้นำได้เรียกร้องให้ชาวอิสราเอลกลับใจและเคารพบูชาพระเจ้า เมื่อพวกเขาอดอาหาร อธิษฐาน และถวายเครื่องบูชา พระเจ้าได้ช่วยพวกเขาชนะการต่อสู้กับชาวฟีลิสเตีย แม้ในขณะที่ซามูเอลเฝ้าระวัง แต่ปัญหายังคงมาจากลูกชายของเขาที่ไม่เหมาะสมซึ่งรับสินบนและละเลยความยุติธรรม ประชาชนจึงเรียกร้องกษัตริย์เหมือนกับชาติอื่น ๆ แม้ซามูเอลจะพยายามเตือนพวกเขาถึงอันตรายจากการมีราชา พระเจ้าทรงยืนยันที่จะให้ตามความต้องการของประชาชน แม้ว่าพวกเขาจะไม่สนใจคำเตือนเกี่ยวกับผลที่จะตามมาก็ตาม
ข้อคิด: 1ซามูเอล 4-8
พระเจ้าทรงแยกประเทศนี้ให้แตกต่างออกไปเพื่อให้ประเทศอื่น ๆ รับรู้ถึงพระสิริของพระองค์ แต่เมื่อใดก็ตามที่สิ่งนั้นเกิดขึ้น อิสราเอลต้องการแผนที่แตกต่างออกไป ชาวฟีลิสเตียยอมรับในอำนาจของพระองค์ แต่ชาวเมืองเบธเชเมชไม่เห็นและขับไล่หีบพันธสัญญาไป! พระยาห์เวห์ทรงนำพวกเขา แต่พวกเขาต้องการกษัตริย์เป็นผู้นำเพื่อที่พวกเขาจะได้เป็นเหมือนประเทศอื่น พวกเขายังคงปฏิเสธสิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่เหมือนใคร พระองค์คือเอกลักษณ์ของพวกเขา แต่พวกเขาเพียงแค่ต้องการที่จะเข้ากับคนอื่น ๆ และได้รับการเคารพ พวกเขาถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัวมนุษย์มากกว่าความรักพระเจ้า แต่การยอมรับของมนุษย์นั้นเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ดังนั้นความจริงนี้จึงอาจบอกถึงแรงจูงใจของเราทั้งหมด: พระองค์อยู่ที่ซึ่งนำมาซึ่งความชื่นชมยินดี!
คำถาม
1. การเลือกผู้นำที่มีความรับผิดชอบ: ในบทที่ 8 ประชาชนอิสราเอลต้องการให้มีการตั้งกษัตริย์เพื่อปกครองพวกเขาแทนที่จะเป็นผู้พิพากษา คุณคิดว่าความต้องการผู้นำในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ผู้บริหารหรือการเมืองในปัจจุบันมีความแตกต่างจากอดีตอย่างไร? เราสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์นี้เกี่ยวกับความรับผิดชอบและคุณสมบัติที่ควรมีในผู้นำได้อย่างไร?
2. ผลของการขาดการฟังพระเจ้า: ในบทที่ 4 เราเห็นผลลัพธ์จากการที่อิสราเอลไม่ได้ฟังคำแนะนำจากพระเจ้า ซึ่งนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในสงคราม คุณคิดว่าการไม่ฟังเสียงของความชอบธรรมและคุณค่าที่ถูกต้องในชีวิตประจำวันมีผลต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในทุกด้านของชีวิตเราอย่างไร? เราสามารถพัฒนาความสามารถในการฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำที่ถูกต้องได้อย่างไรในสังคมปัจจุบัน?
เอลี עֵלִי (ʿĒlī) เป็น มหาปุโรหิต และ ผู้วินิจฉัย คนสุดท้ายของอิสราเอลก่อนยุคกษัตริย์ ปรากฏอยู่ในหนังสือ 1 ซามูเอล ชื่อเอลีมีความหมายว่า "ขึ้น" หรือ "สูง" หรือ "ของฉันคือผู้สูงสุด" ซึ่งมีความหมายเชื่อมโยงถึงพระเจ้าในฐานะผู้สูงสุด
บทบาทของเอลีใน 1 ซามูเอล:
- ผู้นำทางศาสนา: เอลีทำหน้าที่เป็นมหาปุโรหิต ดูแลพลับพลา (Tabernacle) ที่ชิโลห์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการนมัสการของอิสราเอลในเวลานั้น เขามีหน้าที่ถวายเครื่องบูชาและนำการนมัสการ
- ผู้วินิจฉัย: เอลียังเป็นผู้วินิจฉัย ทำหน้าที่ตัดสินความและแก้ไขข้อพิพาทต่างๆ ในหมู่ชาวอิสราเอล
- ผู้ดูแลซามูเอล: หลังจากฮันนาห์ถวายซามูเอลแด่พระเจ้าตามคำปฏิญาณ เอลีก็เป็นผู้ดูแลและฝึกฝนซามูเอลให้ปรนนิบัติในพลับพลา
- บิดาที่ไม่เอาใจใส่: เอลีมีบุตรชายสองคนคือ โฮฟนีและฟีเนหัส ซึ่งเป็นคนชั่วร้ายและประพฤติผิดในพลับพลา พวกเขาไม่เคารพเครื่องบูชาและล่วงประเวณีกับผู้หญิงที่มานมัสการ แม้เอลีจะตักเตือนพวกเขา แต่ก็ไม่ได้ลงโทษอย่างจริงจัง ทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย
ข้อคิดจากชีวิตของเอลี:
1. ความรับผิดชอบของผู้นำ: เอลีในฐานะผู้นำทางศาสนาและผู้วินิจฉัย มีความรับผิดชอบอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องของคนในชาติ รวมถึงครอบครัวของตนเอง การที่เขาละเลยการอบรมสั่งสอนและลงโทษบุตรชายที่ประพฤติชั่ว ทำให้เขามีส่วนในความผิดนั้นและนำมาซึ่งการพิพากษาจากพระเจ้า
2. ผลของการไม่ยำเกรงพระเจ้า: บุตรชายของเอลีไม่ยำเกรงพระเจ้าและประพฤติในสิ่งที่ชั่วร้าย การกระทำของพวกเขานำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อศาสนาและการพิพากษาที่รุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งครอบครัวของเอลีและคนอิสราเอล
3. ความสำคัญของการเชื่อฟังพระเจ้า: พระเจ้าทรงคาดหวังให้ผู้นำเชื่อฟังและทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ การที่เอลีไม่จัดการกับความบาปในครอบครัวอย่างเด็ดขาด แสดงถึงการไม่เชื่อฟังพระเจ้า ซึ่งนำไปสู่การถูกปฏิเสธจากตำแหน่งและครอบครัวต้องพบกับความหายนะ
4. การเลี้ยงดูบุตร: เรื่องราวของเอลีเป็นอุทาหรณ์สอนใจเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตร การปล่อยปละละเลยหรือการไม่กล้าลงโทษเมื่อบุตรทำผิด อาจนำมาซึ่งผลเสียที่ร้ายแรงต่อทั้งตัวบุตรและครอบครัว
5. โอกาสและการเปลี่ยนแปลง: แม้เอลีจะได้รับคำเตือนจากผู้เผยพระวจนะถึงการพิพากษาที่จะมาถึง แต่เขาก็ไม่ได้แสดงการกลับใจอย่างแท้จริง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการตอบสนองต่อการตักเตือนของพระเจ้าและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
โดยสรุป เอลีเป็นบุคคลสำคัญใน 1 ซามูเอล ที่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของผู้นำ ผลของการไม่ยำเกรงพระเจ้า และความสำคัญของการเชื่อฟังพระเจ้าและการเลี้ยงดูบุตรอย่างถูกต้อง เรื่องราวของเขายังเป็นคำเตือนถึงผลของการละเลยความบาปและการไม่ตอบสนองต่อการตักเตือนของพระเจ้า