เรื่องย่อ

ในช่วงเวลาที่มืดมน ดาวิดเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรงในชีวิตขณะที่กษัตริย์ซาอูลทรงมีความวิตกกังวลและเรียกร้องให้เรียกดูวิญญาณของซามูเอลจากหญิงมีวิญญาณ ซาอูลได้พบกับวิญญาณของซามูเอลที่เตือนให้รู้ถึงการสิ้นสุดของราชวงศ์ของเขา และการล่มสลายที่จะเกิดขึ้น ในขณะที่การต่อสู้กำลังจะมาถึง ซาอูลถูกบังคับให้เผชิญกับโชคชะตาของตน และในที่สุดพระเจ้าทรงนำการพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับชาวฟิลิสเตีย ในขณะที่ดาวิดได้เผชิญเรื่องต่าง ๆ นี้ คำสดุดีบทที่ 18 ของเขากลายเป็นเพลงแห่งการขอบคุณและการสรรเสริญพระเจ้า ที่ทรงเป็นที่กำบังและช่วยกู้เขาจากศัตรู ความเชื่อมั่นในพระยาห์เวห์ทำให้ดาวิดมั่นคงแม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก และบทสดุดีนี้กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าในยามวิกฤต

ฟีลิสเตียได้วางแผนโจมตีชาวอิสราเอลและกษัตริย์อาคีชตั้งใจจะใช้ความช่วยเหลือจากดาวิดซึ่งเคยโจมตีอิสราเอลมาแล้วนาน จึงเกิดความสงสัยว่าดาวิดจะทำอย่างไรในสถานการณ์นี้ ขณะเดียวกัน ซาอูลก็ประสบปัญหาที่มากมาย โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับความตายและการเป็นศัตรูกับพระเจ้า ว่าเมื่อเขาถามพระเจ้าแต่ไม่ได้รับคำตอบ เนื่องจากเขายังไม่สำนึกผิดและเลือกที่จะปรึกษาร่างทรง ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากพระเจ้า สุดท้ายเขาได้รับคำทำนายว่าจะต้องตายในวันถัดไปพร้อมกับลูกชายของเขา

ในขณะที่อาคีชพาฟิลิสเตียไปทำสงครามกับดาวิด ขุนนางฟิลิสเตียเริ่มมีความกังวลใจเกี่ยวกับดาวิดและคัดค้านไม่ให้เขาเข้าร่วมการต่อสู้ ในที่สุดดาวิดต้องกลับบ้านอย่างไม่เต็มใจ และเมื่อมาถึงพบว่าบ้านถูกโจมตีและครอบครัวถูกจับเป็นเชลย ขณะนั้นเขาหมายมั่นจะหาความหวังจากพระเจ้า ซึ่งก็ได้รับคำสั่งให้กลับไปสู้กับพวกอามาเลก และในระหว่างการเดินทางเขาได้พบกับชาวอียิปต์ที่ช่วยให้เขาได้ชัยชนะกลับมา

หลังจากการต่อสู้ ดาวิดสามารถนำของทั้งหมดที่ถูกปล้นคืนมา และมีการแบ่งปันกับแม้กระทั่งทหารสองร้อยนายที่เหลืออยู่ข้างหลัง แม้ว่าบางคนจะไม่พอใจแต่ดาวิดยังคงตัดสินใจให้ทุกคนได้รับส่วนแบ่ง พร้อมกับตระหนักว่าสิ่งนี้เป็นของกำนัลจากพระเจ้า ซาอูลในขณะนั้นเผชิญกับความพ่ายแพ้โดยสูญเสียชีวิตกับลูกชายของเขา ในขณะที่ฟิลิสเตียได้ยึดครองเมืองต่างๆ ของอิสราเอลต่อไป

ข้อคิด: 1ซามูเอล 28-31; สดุดี 18

ดาวิดเขียนสดุดีบทที่ 18 ในวันที่พระเจ้าทรงช่วยเขาจากศัตรูทั้งหมดของเขา เขาเป็นพยานถึงความดีของพระเจ้าผ่านการทดลองของเขา ในขณะที่เขาอ้างสิทธิ์มากมายเกี่ยวกับความชอบธรรมของเขา เขาก็พูดเช่นนั้นเช่นกัน และพรทั้งหมดของเขาเป็นของขวัญจากพระเจ้า เป็นพระเจ้าที่ทำให้ทางของเขาไม่มีที่ตำหนิ และพระเจ้าเป็นผู้ที่เตรียมเขา ช่วยเหลือเขา และปกป้องเขา 1 ซามูเอล 30:6 กล่าวว่า "ดาวิดทำให้ตนเองเข้มแข็งในพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา" เขาไม่ได้ทำให้ตนเองเข้มแข็งในตนเอง เขาทำให้ตนเองเข้มแข็งในพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา! พระเจ้าเป็นแหล่งที่มาของสิ่งดีๆ ทั้งหมดที่เราถวายแด่พระองค์ และพระองค์คือที่ที่ความชื่นชมยินดีอยู่!

คำถาม

1.   ผลของการใช้คำปรึกษาจากแหล่งที่ไม่ถูกต้อง: ในบทที่ 28 ซาอูลไปหาผู้หญิงที่เรียกวิญญาณ ซึ่งแสดงถึงการหาทางออกในเวลาที่เขารู้สึกสิ้นหวัง คุณคิดว่าการตัดสินใจเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการในการหาความช่วยเหลืออย่างไร? ในชีวิตประจำวัน เราสามารถหลีกเลี่ยงการหาคำปรึกษาจากแหล่งที่ไม่ถูกต้องได้อย่างไรในช่วงที่รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล?

2.   การขอบคุณพระเจ้าในยามที่เผชิญกับอุปสรรค: ในสดุดีบทที่ 18 ดาวิดขอบคุณพระเจ้าสำหรับการช่วยเหลือและการปกป้องจากอันตราย คุณเชื่อว่าการขอบคุณพระเจ้าในช่วงเวลาที่ยากลำบากมีประโยชน์ต่อจิตใจของเราอย่างไร? วิธีการที่เราสามารถสร้างนิสัยการขอบคุณในชีวิตประจำวันเพื่อให้รู้สึกมั่นคงและมีความหวังได้มีแนวทางอะไรบ้าง?

คริสเตียนกับการดูดวง

เรื่องราวในพระคัมภีร์เกี่ยวกับกษัตริย์ซาอูลที่ไปปรึกษาหญิงที่เรียกวิญญาณได้ และการปรากฏตัวของซามูเอล เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและมีประเด็นให้เราได้พิจารณาหลายอย่างเลยทีเดียว

เรื่องราวนี้สอนอะไรเรา:

• ผลของการไม่เชื่อฟังพระเจ้า: ซาอูลในเวลานั้นรู้สึกสิ้นหวังและกลัวกองทัพฟีลิสเตียอย่างมาก เขารู้สึกว่าพระเจ้าทอดทิ้งเขาไปแล้ว เพราะพระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานของเขา ไม่ว่าจะเป็นทางความฝัน หรือผู้เผยพระวจนะ การที่ซาอูลหันไปหาหญิงที่เรียกวิญญาณได้ แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังและความไม่เชื่อมั่นในพระเจ้าอย่างแท้จริง เขาไม่ได้รอคอยหรือแสวงหาการนำทางจากพระเจ้าอย่างถูกต้อง แต่กลับไปพึ่งพาสิ่งที่พระเจ้าทรงห้ามปรามไว้ ซึ่งนำไปสู่จุดจบที่น่าเศร้าของเขา
• อันตรายของการข้องแวะกับสิ่งลี้ลับ: พระเจ้าทรงห้ามชนชาติอิสราเอลอย่างชัดเจนในการข้องแวะกับหมอดู ผู้ทำนาย หรือผู้ที่เรียกวิญญาณ (เฉลยธรรมบัญญัติ 18:9-12) การกระทำของซาอูลเป็นการละเมิดคำสั่งนี้อย่างชัดเจน เรื่องราวนี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจถึงอันตรายของการหันไปพึ่งพาสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้า
• ความจริงเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย: การปรากฏตัวของบุคคลที่ซาอูลเชื่อว่าเป็นซามูเอลนั้นเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในหมู่ผู้เชื่อหลายกลุ่ม บางคนเชื่อว่าเป็นซามูเอลจริง ๆ ที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้กลับมาเพื่อกล่าวโทษซาอูล ในขณะที่บางคนเชื่อว่าเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่ปลอมตัวมาเพื่อหลอกลวงซาอูล ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม เรื่องราวนี้ไม่ได้สนับสนุนแนวคิดที่ว่าวิญญาณของผู้ตายสามารถถูกเรียกกลับมาโดยมนุษย์ได้ตามใจชอบ
• การตัดสินของพระเจ้า: คำกล่าวที่ "ซามูเอล" กล่าวกับซาอูลเป็นการยืนยันถึงการพิพากษาของพระเจ้าที่มีต่อซาอูล เนื่องจากการไม่เชื่อฟังและการกระทำที่ขัดต่อพระบัญญัติของพระองค์

การข้องแวะกับหมอดูเป็นเรื่องที่ทำได้หรือ:

จากหลักการในพระคัมภีร์และการสอนของพระเยซูคริสต์ การข้องแวะกับหมอดู ผู้ทำนาย หรือผู้ที่อ้างว่าสามารถติดต่อกับวิญญาณได้ ไม่ใช่สิ่งที่คริสเตียนควรทำ พระเจ้าทรงเตือนเราอย่างชัดเจนถึงอันตรายของการพึ่งพาสิ่งเหล่านี้ เพราะอาจนำไปสู่การหลอกลวง การผูกมัดทางจิตวิญญาณ และการหันเหออกจากพระเจ้า พระองค์ทรงประสงค์ให้เราวางใจและแสวงหาการนำทางจากพระองค์แต่เพียงผู้เดียวผ่านการอธิษฐาน การศึกษาพระคัมภีร์ และการฟังเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์

ส่วนซามูเอลตายไปแล้วจะกลับมาได้หรือ:

ในความเชื่อของคริสเตียน เมื่อผู้เชื่อเสียชีวิต วิญญาณของเขาจะไปอยู่กับพระเจ้าทันที (2 โครินธ์ 5:8, ฟิลิปปี 1:23) ส่วนร่างกายจะกลับคืนสู่ผงคลีดิน และจะมีการฟื้นคืนชีพในวันสุดท้าย (1 โครินธ์ 15) เรื่องราวของซาอูลและหญิงที่เรียกวิญญาณไม่ได้สนับสนุนแนวคิดที่ว่าวิญญาณของผู้ตายสามารถถูกเรียกกลับมาโดยมนุษย์ได้ตามใจชอบ การปรากฏตัวที่ซาอูลเห็นนั้นอาจเป็นปรากฏการณ์พิเศษที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดขึ้นเพื่อจุดประสงค์เฉพาะ หรืออาจเป็นการหลอกลวงจากวิญญาณชั่วร้าย

โดยสรุปแล้ว เรื่องราวนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญเกี่ยวกับความเชื่อ การเชื่อฟังพระเจ้า และอันตรายของการหันไปพึ่งพาสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระองค์ เราควรเรียนรู้จากความผิดพลาดของซาอูลและดำเนินชีวิตโดยวางใจในพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวครับ