Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 102

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 103

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 104

เรื่องย่อ

เมื่อเสียงร่ำไห้ดังก้องสะท้อนผ่านบทเพลงในสดุดี 102 จิตใจที่ร้าวรานของผู้เขียนวิงวอนขอความเมตตาจากพระเจ้าในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากและความรู้สึกถูกทอดทิ้ง โดยเขากระตุ้นให้พระเจ้าสูงส่งได้หันมาเห็นความเจ็บปวดของเขาและตอบสนองต่อการเรียกร้อง นำไปสู่การสรรเสริญพระเจ้าในสดุดี 103 ที่มีการชื่นชมพระคุณและความเมตตาของพระองค์ที่เต็มไปด้วยความรักและการให้อภัย ทำให้ประชากรของพระเจ้ารู้สึกถึงความสงบสุขจากการอภัยและพระพรที่ประทานให้ ในขณะที่สดุดี 104 สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่และอานุภาพของพระเจ้าผู้สร้าง ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงมีส่วนในการสร้างล้วนสนับสนุนและผู้สูงสุดในจักรวาล บทเพลงเหล่านี้รวมกันสื่อถึงการเดินทางจากความทุกข์ไปสู่การยกย่องพระเจ้าในความยิ่งใหญ่ของพระองค์ สร้างความหวังและสุขใจให้แก่ผู้แสวงหาพระองค์ด้วยความเชื่อมั่นและองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างเต็มที่

 

บทสดุดี 102 นำเสนอความรู้สึกคร่ำครวญส่วนตัวและความทุกข์ทรมานอย่างลึกซึ้งของผู้ประพันธ์ที่รู้สึกโดดเดี่ยวและเศร้าโศก แต่กลับสะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะทรงฟังและตอบคำอธิษฐานของเขาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเราไม่อาจทราบสาเหตุแท้จริงของความทุกข์ในครั้งนี้ แต่บทสดุดีมอบความสบายใจแก่ผู้ที่รู้สึกสับสนกับเหตุการณ์ที่ไม่เข้าใจ โดยเน้นว่าความเจ็บปวดนั้นอาจเป็นผลจากบาปและการอบรมสั่งสอนเพื่อให้ผู้ประพันธ์หวนคืนสู่การกลับใจ

ผู้ประพันธ์สดุดีเปรียบความทุกข์ชั่วคราวของเขากับการปกครองชั่วนิรันดร์ของพระเจ้า จากมุมมองนี้ เขาให้ความสำคัญกับพระเจ้ามากขึ้นและรู้สึกสบายใจด้วยความเชื่อมั่นว่าพระองค์จะช่วยอิสราเอลและนำพาชาติอื่นๆ เข้าสู่ความรุ่งโรจน์ ในขณะที่สดุดี 103 มองย้อนกลับไปสรรเสริญพระเจ้าในอดีตซึ่งเต็มไปด้วยความเมตตาและความดีที่พระองค์มีต่อประชากรของพระองค์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประสบกับเรื่องราวเหล่านั้นเอง แต่เขาตระหนักถึงบทบาทของพระเจ้าในเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่าซึ่งส่งผลดีต่อเขาและประชากรของพระองค์

สดุดี 104 ที่ยังคงไม่มีชื่อผู้แต่ง สรรเสริญพระเจ้าในฐานะผู้สร้างสิ่งมีชีวิตทั้งปวง บทนี้เชื่อมโยงกับเรื่องราวการสร้างในปฐมกาล โดยแสดงถึงการที่พระเจ้าวางระบบสำหรับการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต อีกทั้งทรงประทานสิ่งอำนวยความสะดวกเกินกว่าความจำเป็น เช่น ไวน์และน้ำมัน ซึ่งแสดงถึงความเอื้อเฟื้อจากพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ประพันธ์ยังสะท้อนความยิ่งใหญ่และพลังอำนาจของพระเจ้าที่ควบคุมโลก สุดท้าย บทนี้เรียกร้องให้พระเจ้ากำจัดคนชั่วร้าย แม้จุดประสงค์นี้อาจดูรุนแรง แต่ถือเป็นการปรารถนาให้พระสิริของพระเจ้าได้รับการยกย่องมากยิ่งขึ้น

 

ข้อคิด: สดุดี 102-104

สดุดี 104:20 ของวันนี้กล่าวว่า “พระเจ้าทำให้เกิดความมืด” ความมืดดูเหมือนจะหมายถึงการขาดหายไปของบางสิ่ง ไม่ใช่การมีอยู่ของบางสิ่ง พระเจ้าจะสร้างสิ่งที่ขาดหายไปได้อย่างไร บางทีอาจเป็นเพียงภาษาเชิงกวีเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่ง แต่ไม่ว่าจะเป็นความจริงอันยิ่งใหญ่หรือเพียงแค่บทเพลงอันไพเราะ ก็เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า พระคัมภีร์เปรียบเทียบพระเจ้ากับแสงสว่าง ดังนั้นจึงง่ายที่จะคิดว่าความมืดคือการขาดหายไปของพระเจ้า แต่สดุดี 18:11 กล่าวว่าพระองค์ทรงทำให้ความมืดปกคลุมพระองค์ และสดุดี 97:2 กล่าวว่าเมฆและความมืดทึบล้อมรอบพระองค์ และแม้ว่าเราจะก้าวออกจากส่วนที่เป็นบทกวีของพระคัมภีร์ 1 พงศ์กษัตริย์ 8:12 กล่าวว่า “พระเจ้าตรัสว่าพระองค์จะประทับอยู่ในความมืดทึบ” ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรหลุดรอดจากพระองค์ไปได้ พระองค์อยู่ทุกหนทุกแห่ง และพระองค์อยู่ที่ซึ่งความปีติยินดีอยู่!

 

คำถาม

1.   การจัดการกับความทุกข์และความท้าทายในชีวิต: ในสดุดีบทที่ 102 ผู้เขียนแสดงความเจ็บปวดและความรู้สึกหมดหวังต่อสถานการณ์ในชีวิต คุณคิดว่าเราสามารถใช้ความทุกข์เหล่านั้นเพื่อเติบโตและพัฒนาเป็นคนที่ดีขึ้นได้อย่างไร? มีวิธีการอะไรบ้างที่ช่วยให้เรารับมือกับความรู้สึกที่ยากลำบากนี้และเปลี่ยนมันให้เป็นแรงผลักดันไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี?

2.   การยกย่องพระเจ้าในฐานะผู้สร้าง: ในสดุดีบทที่ 104 มีการชื่นชมความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในฐานะผู้สร้างทุกสิ่งรอบตัว อะไรคือความหมายของการยกย่องและขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของเรา? เราสามารถสร้างนิสัยการขอบคุณต่อสิ่งเล็กน้อยในชีวิตประจำวันได้อย่างไรเพื่อเสริมสร้างความสุขและความสงบภายในตัวเรา?

 

 

สดุดี 104 เป็นบทเพลงสรรเสริญที่งดงามและลึกซึ้งถึงพระเจ้าในฐานะผู้สร้างและผู้ทรงเลี้ยงดูโลกและสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ข้อคิดและบทเรียนสอนใจมากมายที่เราสามารถได้รับจากสดุดีบทนี้ ได้แก่:

1. พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่และมีฤทธิ์อำนาจ: สดุดีบทนี้เน้นย้ำถึงการทรงสร้างอันน่าอัศจรรย์ของพระเจ้า ตั้งแต่การวางรากฐานของแผ่นดินโลก การสร้างท้องฟ้า การกำหนดที่อยู่ของน้ำ และการสร้างแสงสว่างและความมืด สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจและความเฉลียวฉลาดอันไร้ขีดจำกัดของพระองค์

2. พระเจ้าทรงดูแลและเลี้ยงดูสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง: ไม่เพียงแต่ทรงสร้างเท่านั้น แต่พระเจ้ายังทรงจัดเตรียมทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ทรงให้น้ำแก่แผ่นดิน ให้หญ้าขึ้นสำหรับสัตว์ และให้พืชผักเป็นอาหารสำหรับมนุษย์ สิ่งนี้สอนให้เราเห็นถึงความรักและความห่วงใยที่พระเจ้าทรงมีต่อสิ่งสร้างของพระองค์

3. ธรรมชาติเป็นพยานถึงพระเจ้า: ความงาม ความซับซ้อน และความเป็นระเบียบของธรรมชาติล้วนเป็นเครื่องแสดงถึงการทรงอยู่และพระลักษณะของพระเจ้า การสังเกตธรรมชาติรอบตัวสามารถนำเราไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับพระองค์

4. ชีวิตมีความหลากหลายและมีจุดประสงค์: สดุดีบทนี้กล่าวถึงสัตว์นานาชนิด ทั้งเล็กและใหญ่ ซึ่งแต่ละชนิดมีบทบาทและที่อยู่อาศัยที่แตกต่างกัน สิ่งนี้สอนให้เราเห็นว่าพระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งด้วยความหลากหลายและมีจุดประสงค์เฉพาะของมัน

5. พระเจ้าทรงควบคุมเวลาและฤดูกาล: การเปลี่ยนแปลงของกลางวันและกลางคืน ฤดูกาลที่หมุนเวียน และวงจรชีวิตของสิ่งมีชีวิต ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า สิ่งนี้สอนให้เราวางใจในจังหวะเวลาของพระองค์

6. ความสุขและความพึงพอใจที่แท้จริงมาจากการสรรเสริญพระเจ้า: บทสดุดีนี้เริ่มต้นและจบลงด้วยการเชิญชวนให้สรรเสริญพระเจ้า การตระหนักถึงพระคุณและความยิ่งใหญ่ของพระองค์นำมาซึ่งความชื่นชมยินดีและความพึงพอใจในชีวิต

7. ความบาปและการกบฏนำมาซึ่งความมืดมิด: สดุดีบทนี้กล่าวถึงคนชั่วร้ายที่หลบซ่อนในความมืด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการไม่เชื่อฟังและต่อต้านพระเจ้าจะนำไปสู่ความมืดมิดและความวุ่นวาย

8. พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อต่อพันธสัญญาของพระองค์: แม้ว่ามนุษย์จะล้มเหลว แต่พระเจ้ายังคงรักษาความสัตย์ซื่อและพระสัญญาของพระองค์ที่มีต่อโลกและสิ่งมีชีวิต

9. เราควรมีชีวิตที่สอดคล้องกับการทรงสร้างของพระเจ้า: ในฐานะผู้ที่ถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า เราควรดูแลรักษาโลกและสิ่งแวดล้อมด้วยความเคารพ และดำเนินชีวิตในวิถีทางที่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์

10. การสรรเสริญพระเจ้าเป็นหน้าที่และความสุขของเรา: สดุดี 104 เป็นการเชื้อเชิญให้เราทุกคนร่วมกันสรรเสริญพระเจ้าสำหรับการทรงสร้างและการดูแลรักษาของพระองค์ การสรรเสริญเป็นทั้งหน้าที่และความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา

โดยรวมแล้ว สดุดี 104 สอนให้เราตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ ความรัก และความสัตย์ซื่อของพระเจ้าผ่านการทรงสร้างและธรรมชาติรอบตัวเรา และกระตุ้นให้เราตอบสนองด้วยการสรรเสริญและการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์