Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 131

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 138

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 139

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 143

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 144

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สดุดี 145

เรื่องย่อ

ในพระธรรมสดุดี 131, 138-139, 143-145 เราได้เห็นภาพของดาวิดที่เต็มไปด้วยความไว้วางใจในพระเจ้า ความสงบและความมั่นใจในพระองค์เป็นหัวใจสำคัญ แม้จะเผชิญกับความยากลำบากและความรู้สึกไม่แน่นอน ดาวิดยังคงยึดมั่นในความรัก ความสัตย์จริง และพระคุณของพระเจ้า เขาร้องขอการนำทาง การปลอบโยน และความเข้าใจจากพระองค์อย่างซื่อสัตย์ พร้อมทั้งยกย่องความยิ่งใหญ่ ความเมตตา และความเป็นนิรันดร์ของพระเจ้า ที่ไม่เปลี่ยนแปลง เหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจให้เรายืนหยัดในความเชื่อและความหวังในพระเจ้าที่ทรงเป็นที่พึ่งสูงสุดในทุกช่วงเวลาแห่งชีวิต

 

สดุดี 131 เป็นบทเพลงที่เกี่ยวกับความสงบและความมั่นใจในพระเจ้า แม้ว่าในช่วงเวลานั้นดาวิดอาจรู้สึกสับสนหรือมีความไม่แน่นอนรอบตัวเขาก็ตาม เขาเลือกที่จะวางใจในพระเจ้าและเชื่อในอำนาจและความเมตตาของพระองค์ โดยเขาตัดสินใจปล่อยให้พระเจ้าดูแลผลลัพธ์ของสถานการณ์ต่างๆ เพราะเขารู้ว่าพระเจ้ามีอำนาจเหนือสิ่งทั้งปวง เรียนรู้ว่ามีสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่สามารถวางใจให้พระเจ้าเป็นผู้ดูแลได้

ในสดุดี 138 ดาวิดพูดถึงการสรรเสริญพระเจ้าต่อหน้าพระทั้งหลาย ดาวิดยืนยันว่าพระองค์กำลังสรรเสริญพระเจ้าที่เป็นพระเจ้าที่แท้จริงเพียงพระองค์เดียว เขาเน้นให้ทุกคนรู้ว่าพระเจ้าองค์เดียวนี้คือพระเจ้าที่ทุกคนต้องบูชา และเป็นบุคลิกภาพที่แสดงถึงความรัก ความเกลียดสิ่งชั่วร้าย และความมุ่งมั่นที่จะทำตามความประสงค์ของพระองค์อย่างเต็มใจ

สุดท้ายในสดุดี 139 ดาวิดเน้นให้เรารู้ว่าพระเจ้าทรงรู้จักเขาดีเพียงใด เขาไม่รู้สึกกลัวหรือถูกคุกคามจากการที่พระเจ้ารู้จักตัวเองอย่างละเอียด แต่กลับรู้สึกเคารพบูชาและซาบซึ้งใจในความรักและการดูแลของพระองค์ ดาวิดเปิดเผยความคิดของพระเจ้าและเปิดใจรับคำแนะนำจากพระองค์ เพราะเขาเข้าใจว่าความรักและความเมตตาของพระเจ้านั้นครอบคลุมทุกด้าน หากเรายังรู้สึกไม่แน่ใจหรือทุกข์ใจ ก็สามารถมอบความรู้สึกนั้นให้พระเจ้า เพราะพระองค์เป็นสถานที่ปลอดภัยและความหวังในชีวิตของเราเสมอ

 

ข้อคิด: สดุดี 131; 138-139; 143-145

สดุดี 145:17 กล่าวว่า “พระเจ้าทรงชอบธรรมในทุกวิถีทางของพระองค์ และทรงกรุณาในทุกสิ่งที่พระองค์กระทำ” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงทั้งชอบธรรมและกรุณาในทุกสิ่งที่พระองค์ทำ พระองค์ทรงตอบสนองคำอธิษฐานของเราอย่างสุภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตอบตกลงหรือปฏิเสธ พระองค์ก็ทำด้วยความเมตตาและเข้าใจ พระองค์ทรงมีแผนการที่ดีสำหรับเรา และสดุดี 138:8 ย้ำว่า “พระเจ้าจะทรงทำให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์สำหรับข้าพเจ้า” พระองค์กำลังทำอยู่ และความสุขใจอยู่ในพระองค์เสมอ เป็นการยืนยันว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงพระเมตตาและทรงทำสิ่งดีเสมอเพื่อเราทุกคน

 

คำถาม

1.   สดุดี 131 และ 138-139 เน้นความอ่อนน้อมถ่อมตนและความเชื่อในพระเจ้า ความเชื่อและความไว้วางใจในพระเจ้าเป็นอย่างไรบ้างที่สามารถช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและความสุขในชีวิตครอบครัวและคริสตจักรในยุคปัจจุบัน?

2.   สดุดี 143-145 พูดถึงความจงรักภักดีของพระเจ้า ความเมตตาและพระคุณของพระองค์ สร้างแรงบันดาลใจให้เรานำคุณธรรมเหล่านี้ไปแสดงออกในความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและในชุมชนคริสตจักรอย่างไร? และเราจะปลูกฝังความรักและความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าในชีวิตประจำวันอย่างไรเพื่อเป็นพยานแก่ผู้อื่น?

 

 

สดุดี 145 เป็นบทเพลงสรรเสริญที่ยิ่งใหญ่และครอบคลุมที่สุดบทหนึ่งในพระคัมภีร์ โดยได้รับการยกย่องว่าเป็น "เพลงสรรเสริญแห่งราชกิจของพระเจ้า" ที่กษัตริย์ดาวิดประพันธ์ขึ้น บทเพลงนี้เป็นการประกาศถึงพระลักษณะอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเป็นเครื่องเตือนใจถึงความดีงาม ความสัตย์ซื่อ และความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์

ข้อคิดสำคัญจากสดุดี 145

1.   การสรรเสริญพระเจ้าตลอดไปและทุกวัน: ดาวิดเริ่มต้นด้วยการประกาศว่าจะ "สรรเสริญพระองค์ทุกวัน" และจะ "สรรเสริญพระนามของพระองค์เป็นนิตย์นิรันดร์" (สดุดี 145:1-2) นี่แสดงให้เห็นถึง การสรรเสริญที่ไม่ใช่แค่ในยามสุข แต่เป็นวิถีชีวิต ที่คงอยู่ตลอดเวลา

2.   ความยิ่งใหญ่และลึกล้ำของพระเจ้า: บทเพลงนี้เน้นย้ำว่า "พระยาห์เวห์ทรงยิ่งใหญ่และสมควรแก่การสรรเสริญอย่างยิ่งใหญ่ ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ก็เหลือกำหนด" (สดุดี 145:3) สอนให้เรารู้ว่า พระเจ้าทรงเกินกว่าความเข้าใจของเรา พระลักษณะของพระองค์นั้นลึกซึ้งและอัศจรรย์

3.   การถ่ายทอดเรื่องราวพระราชกิจของพระเจ้าจากรุ่นสู่รุ่น: ดาวิดกล่าวว่า "คนรุ่นหนึ่งจะประกาศพระราชกิจของพระองค์แก่อีกคนรุ่นหนึ่ง และจะป่าวประกาศถึงฤทธิ์เดชของพระองค์" (สดุดี 145:4) นี่คือการเน้นย้ำถึง ความสำคัญของการบอกเล่าเรื่องราวความดีงามของพระเจ้า เพื่อให้คนรุ่นต่อไปได้รู้จักและสรรเสริญพระองค์

4.   พระเมตตาและพระกรุณาของพระเจ้า: ข้อที่ 8 เป็นข้อที่โดดเด่น: "พระยาห์เวห์ทรงมีพระคุณและทรงเมตตา ทรงกริ้วช้าและทรงอุดมด้วยความรักมั่นคง" นี่คือการเปิดเผยถึง พระลักษณะแห่งความรักและพระเมตตาของพระเจ้า ที่ทรงมีต่อสรรพสิ่ง ไม่ใช่แค่กับผู้ที่เชื่อในพระองค์เท่านั้น

5.   พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อและทรงช่วยเหลือ: บทเพลงนี้ยืนยันว่า "พระยาห์เวห์ทรงสัตย์ซื่อในการกระทำทุกสิ่งของพระองค์ และทรงมีพระคุณในการงานทุกอย่างของพระองค์" (สดุดี 145:13) และทรง "ใกล้ชิดทุกคนที่ร้องทูลพระองค์" และจะ "ให้ความปรารถนาของบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์" (สดุดี 145:18-19) เป็นการยืนยันถึง ความน่าเชื่อถือและความช่วยเหลือจากพระเจ้า

6.   การปกป้องและการค้ำจุน: "พระยาห์เวห์ทรงค้ำจุนทุกคนที่ล้มลง และทรงยกชูทุกคนที่ถูกกดลง" (สดุดี 145:14) และ "พระยาห์เวห์ทรงปกป้องทุกคนที่รักพระองค์" (สดุดี 145:20) ข้อคิดเหล่านี้ให้ความมั่นใจว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ดูแลและคุ้มครองเรา ในทุกสถานการณ์

สดุดี 145 เป็นเหมือน "คำสอนแห่งการสรรเสริญ" ที่ไม่เพียงแต่ชวนให้เราสรรเสริญพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังสอนให้เราเข้าใจพระลักษณะอันดีงามของพระองค์ และนำหลักการเหล่านั้นมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา