เรื่องย่อ
ในพระธรรม 1 พงศาวดาร 26-29 เราได้เห็นความละเอียดลออและความมุ่งมั่นของดาวิดในการเตรียมสร้างพระวิหาร ทั้งการจัดกลุ่มปุโรหิต นักดนตรี และผู้นำต่างๆ พร้อมทั้งบริจาคทรัพย์สมบัติส่วนตัวอย่างเต็มใจเพื่อถวายแด่พระเจ้า เขาสอนให้ประชาชนเชื่อฟังพระเจ้าและไว้วางใจในพระองค์อย่างแน่วแน่ ก่อนสิ้นพระชนม์ เขาทำหน้าที่เป็นผู้นำด้านศรัทธาและความเสียสละเพื่ออนาคตของอิสราเอล คำสอนและความถวายของดาวิดเป็นแบบอย่างของความเชื่อมั่นในพระเจ้าและความมุ่งมั่นที่จะสร้างบ้านของพระเจ้าให้ยั่งยืน ส่วนสดุดี 127 เน้นถึงความสำคัญของพระเจ้าที่เป็นผู้สร้างและดูแลชีวิตของเราอย่างแท้จริง โดยกล่าวว่า “ถ้าพระเจ้าทรงสร้างบ้าน” ก็จะมีความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรือง การจะประสบความสำเร็จและความสุขก็ต้องพึ่งพระเจ้าตลอดชีวิตอย่างแท้จริง
ดาวิดยังคงเตรียมการสร้างพระวิหารแห่งแรกในเยรูซาเล็ม แม้ว่าจะเป็นของพระเจ้าและเขาเป็นผู้ออกแบบ แต่โดยส่วนใหญ่เรียกว่าพระวิหารของซาโลมอน เพราะเป็นฝีมือของลูกชายเขาที่จะสร้างขึ้น อีกด้านหนึ่งที่สำคัญคือ บทบาทของผู้ดูแลประตู ซึ่งเป็นแนวป้องกันเมืองนั้น ประตูทางทิศตะวันออกเป็นประตูที่สำคัญที่สุด เรียกว่าประตูของกษัตริย์ ซึ่งเป็นจุดที่พระเยซูจะเสด็จกลับมาครั้งที่สองในอนาคต เพราะถือเป็นทิศทางศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เข้าใจว่ามีความสำคัญที่สุดในพระวิหาร
นอกจากนั้น ดาวิดยังสร้างทีมดูแลของถวาย ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงของถวายและของที่ได้จากสงครามด้วย เขายังดูแลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าต่างๆ สำหรับจัดการงานในพระวิหาร มีคนจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่นี้ เช่น นักดนตรี นักบรรเลง และคนจัดงานถวาย ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มตามอายุและบทบาท เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ดาวิดเน้นให้ซาโลมอนและประชาชนเชื่อฟังพระเจ้า และอธิษฐานให้พระองค์อยู่เคียงข้างซาโลมอนในการสร้างพระวิหาร จนเสร็จสมบูรณ์ และพระเจ้าจะทรงอยู่กับเขาตลอดไป
ดาวิดบริจาคทรัพย์สมบัติส่วนตัวอย่างมาก เช่น ทองและเงิน รวมถึงเป็นแบบอย่างของความเสียสละก่อนที่ชาวอิสราเอลจะร่วมใจบริจาค เขาชื่นชมและอธิษฐานให้พระเจ้าชี้นำจิตใจของทุกคน รวมถึงซาโลมอนที่ได้รับตำแหน่งพระราชา ก่อนสิ้นพระชนม์ เขายังคงอวยพรและขอให้พระเจ้าประทานความสุขในกุศลของพระองค์ หลังจากนั้น ตอนนี้เราจะจบด้วยสดุดีบทที่ 127 เป็นเพลงที่น่าจะเขียนโดยซาโลมอน ซึ่งเตือนให้เราระลึกว่า สิ่งใดที่พระเจ้าทรงดำเนินการเท่านั้นจึงจะสำเร็จอย่างแท้จริง พระเจ้าทรงใส่ใจในทุกด้านของชีวิตเรา ทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ หากเราไม่ได้รับพระพรจากพระองค์ เหนื่อยเท่าไหร่ก็เปล่าประโยชน์ เราจึงควรไว้ใจในพระเจ้าเสมอ เพื่อให้ชีวิตของเรามีความหมายและเป็นไปตามแผนของพระองค์
ข้อคิด: 1พงศาวดาร 26-29; สดุดี 127
พระเจ้าเป็นที่มาของทุกสิ่ง ใน 29:12 ดาวิดกล่าวว่า “ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติยศมาจากพระองค์ … และอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์จะทรงทำให้ยิ่งใหญ่และทรงเสริมกำลังให้ทุกคน” ข้อ 14 กล่าวว่า “ทุกสิ่งมาจากพระองค์ และเราได้ประทานสิ่งนั้นให้แก่พระองค์” ข้อ 16 กล่าวว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ความอุดมสมบูรณ์ทั้งหมดนี้ที่เราได้จัดเตรียมไว้เพื่อสร้างบ้านให้พระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์มาจากพระหัตถ์ของพระองค์ และเป็นของพระองค์เองทั้งหมด” ความจริงนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถ เวลา และการรับใช้ด้วย ทุกสิ่งที่เราถวายคืนแด่พระองค์มีต้นกำเนิดมาจากพระองค์ พระเจ้าเป็นที่มาของสิ่งดีๆ ทั้งหมด และพระองค์คือสิ่งที่สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดชี้ไป พระองค์เป็นที่มา แหล่งจัดหา และเป้าหมาย และพระองค์คือที่ที่ความปีติยินดีอยู่!
คำถาม
1. ใน 1 พงศาวดาร 26-29 พระเจ้าทรงทราบและให้พระพรแก่ผู้นำและผู้รับใช้ในพระวิหารอย่างไร เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความมีวิสัยทัศน์ในการรับใช้พระเจ้าในชีวิตครอบครัวและชุมชนคริสตจักร?
2. สดุดี 127 เน้นความสำคัญของการพึ่งพาพระเจ้าในการสร้างครอบครัวและความมั่นคง เราจะสามารถนำบทเรียนนี้ไปใช้ในยุคปัจจุบันเพื่อเสริมสร้างความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตครอบครัวอย่างไร?
สดุดี 127 เป็นบทเพลงที่สั้นแต่เปี่ยมด้วยปัญญาและความจริงอันลึกซึ้ง เขียนโดยโซโลมอน บทเพลงนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพึ่งพาพระเจ้าในทุกแง่มุมของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างบ้านสร้างครอบครัวและการทำงาน
ข้อคิดสำคัญจากสดุดี 127
1. พระเจ้าเป็นผู้สร้างและผู้ดำรง: "ถ้าพระยาห์เวห์มิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้สร้างก็สร้างอย่างเปล่าประโยชน์ ถ้าพระยาห์เวห์มิได้ทรงเฝ้าเมือง บรรดาผู้เฝ้าก็เฝ้าอย่างเปล่าประโยชน์" (สดุดี 127:1) ข้อนี้เป็นรากฐานของบทเพลง ชี้ให้เห็นว่า ความพยายามของมนุษย์จะไร้ผลหากปราศจากพระพรและการทรงนำของพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้าน การงาน หรือความมั่นคงในชีวิต
2. ความเหนื่อยเปล่าจากการพึ่งตนเอง: "เป็นการไร้ประโยชน์ที่พวกเจ้าจะตื่นแต่เช้าและเข้านอนดึก และกินอาหารที่ได้มาด้วยความเหนื่อยยากลำบาก เพราะพระองค์ประทานการหลับแก่ผู้ที่พระองค์ทรงรัก" (สดุดี 127:2) ข้อนี้เตือนใจว่าการทุ่มเททำงานหนักเกินไปโดยไม่พึ่งพาพระเจ้าจะนำมาซึ่งความเหนื่อยล้าและความไร้ประโยชน์ พระเจ้าทรงประทานความสุขสงบแก่ผู้ที่วางใจในพระองค์ รวมถึงการพักผ่อนอย่างแท้จริง
3. บุตรคือพระพรจากพระเจ้า: "ดูเถิด บุตรเป็นมรดกจากพระยาห์เวห์ ผลจากครรภ์เป็นบำเหน็จ" (สดุดี 127:3) บทเพลงนี้เน้นย้ำว่า บุตรหลานไม่ใช่แค่ผลิตผลของมนุษย์ แต่เป็นของขวัญและพระพรจากพระเจ้า พวกเขาเป็นมรดกที่มีคุณค่า และเป็นเครื่องหมายแห่งความโปรดปรานของพระองค์
4. บุตรในวัยหนุ่มเหมือนลูกธนูในมือของนักรบ: "บุตรชายที่เกิดกับชายหนุ่มก็เหมือนลูกธนูในมือนักรบ" (สดุดี 127:4) เปรียบเทียบบุตรหลานว่าเป็นเหมือนอาวุธที่ทรงพลังในมือของพ่อแม่ แสดงให้เห็นว่า บุตรหลานสามารถเป็นกำลังสำคัญ และเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองให้แก่ครอบครัวและสังคม
5. ความภาคภูมิใจและความแข็งแกร่งของครอบครัว: "ความสุขเป็นของชายผู้มีบุตรเต็มแล่ง ผู้ชายเหล่านั้นจะไม่ละอาย แต่จะว่าความกับศัตรูที่ประตูเมือง" (สดุดี 127:5) ข้อนี้แสดงถึง ความมั่นคงและความภาคภูมิใจที่มาจากการมีครอบครัวที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะการมีบุตรชายจำนวนมากในสังคมสมัยนั้น ซึ่งหมายถึงการมีผู้สืบทอดและผู้พิทักษ์ที่สามารถปกป้องเกียรติยศและความปลอดภัยของครอบครัว
หลักการนำมาใช้ดำเนินชีวิต
- ให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางในการทุกสิ่ง: ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างครอบครัว การทำงาน การทำธุรกิจ หรือการวางแผนอนาคต จงเริ่มต้นและพึ่งพาพระเจ้าเสมอ เพราะความพยายามของเราจะเกิดผลแท้จริงก็ต่อเมื่อมีพระองค์ทรงนำและอวยพร
- อย่าทำงานจนหมดแรงโดยไม่พึ่งพาพระเจ้า: การทำงานหนักเป็นสิ่งที่ดี แต่การทำงานหนักจนละเลยการพักผ่อนและไม่ได้วางใจในพระเจ้าอาจนำมาซึ่งความเหน็ดเหนื่อยเปล่า จงเรียนรู้ที่จะมอบภาระของคุณให้พระเจ้าและ เชื่อว่าพระองค์จะทรงจัดเตรียมให้คุณได้พักผ่อนและรับการเสริมกำลัง
- เห็นคุณค่าของครอบครัวและบุตรหลาน: จงตระหนักว่าครอบครัวและบุตรหลานเป็นของขวัญอันล้ำค่าจากพระเจ้า ลงทุนเวลา ความรัก และการอบรมสั่งสอน ในพวกเขา เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ที่เข้มแข็งและเป็นพรแก่ผู้อื่น
- เลี้ยงดูบุตรหลานให้เป็นกำลัง: จงเลี้ยงดูบุตรหลานของคุณให้เป็นเหมือน "ลูกธนู" ที่พร้อมจะถูกส่งออกไปเผชิญโลกอย่างกล้าหาญและสามารถสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมและอาณาจักรของพระเจ้า สอนพวกเขาให้รู้จักพระเจ้าและดำเนินชีวิตตามหลักการของพระองค์
- แสวงหาความมั่นคงในพระเจ้า ไม่ใช่จากสิ่งอื่น: ความมั่นคงที่แท้จริงไม่ได้มาจากความมั่งคั่ง ชื่อเสียง หรือกำลังของมนุษย์ แต่มาจากพระเจ้าผู้เดียว จงวางใจในพระองค์ ผู้ทรงเป็นแหล่งแห่งความเข้มแข็ง ความปลอดภัย และสันติสุขที่ยั่งยืน
สดุดี 127 เป็นบทเพลงที่เชิญชวนให้เราวางใจในพระเจ้าในทุกรายละเอียดของชีวิต และรับรู้ว่าพระพรที่แท้จริงนั้นมาจากพระหัตถ์ของพระองค์เท่านั้น