เรื่องย่อ
พระธรรมสุภาษิตบทที่ 4-6 นำเสนอข้อคิดที่สำคัญเกี่ยวกับการแสวงหาปัญญาและความเข้าใจในชีวิต บทที่ 4 เน้นถึงความสำคัญของการยึดมั่นในปัญญาและคำสอนจากบิดามารดา เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง บทที่ 5 เตือนเรื่องการล่อลวงและความไม่ซื่อสัตย์ โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว และแนะนำให้ยึดมั่นในความรักที่ซื่อสัตย์ต่อคู่ครอง บทที่ 6 เป็นการเตือนถึงพฤติกรรมบางอย่างที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น ความเกียจคร้าน การทุจริต และการให้คำมั่นสัญญาอย่างไม่ระมัดระวัง โดยทุกบทต่างเน้นย้ำให้พิจารณาเลือกแนวทางชีวิตที่นำไปสู่ความสุขและความสงบสุขในระยะยาว
วันนี้จากพระธรรมสุภาษิตเป็นดังคำสอนจากพ่อซึ่งได้สอนลูกเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในทางของพระเจ้า โดยเน้นให้เข้าใจว่าการแสวงปัญญาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดตามสุภาษิต 4:7 ซึ่งกล่าวว่า “จุดเริ่มต้นของปัญญาคือ การแสวงหาปัญญา” การเข้าใกล้พระเจ้าเปรียบเสมือนการเข้าไปในแสงสว่าง ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นความมืดในใจและความผิดบาปที่เคยไม่รู้สึก ตัวพระเจ้าเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง และเป็นแหล่งที่มาของความเปลี่ยนแปลงที่ดีในชีวิตของเรา ซึ่งเกิดขึ้นโดยพระองค์เท่านั้น
ในคำสอนของพ่อ ยังเน้นเรื่องความระมัดระวังในการเลือกเส้นทาง ไม่ให้เข้าไปในทางของคนชั่วร้าย ข้อ 14-15 เน้นให้หลีกเลี่ยงและไม่เดินตามเส้นทางเหล่านั้น การควบคุมความสัมพันธ์และความรู้สึกก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะในความสัมพันธ์แบบแฟน ซึ่งต้องระวังใจและรักษาขอบเขต เพื่อป้องกันความขมขื่นและความเคียดแค้น การปกป้องหัวใจของเราให้บริสุทธิ์และหลีกเลี่ยงสิ่งที่ชั่วร้ายจึงเป็นความแน่วแน่ที่ลูกชายควรใฝ่ฝัน
สุดท้าย พ่อเน้นให้ลูกใส่ใจในความซื่อสัตย์และความคิดรอบคอบในความสัมพันธ์และการดำเนินชีวิต เช่น การไม่ไปนอกลู่นอกทางในเรื่องของความรัก และการไม่ยืมเงินโดยไม่มีความจำเป็น พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีจริยธรรมในการทำงานและปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างซื่อสัตย์สิ่งสำคัญคือ การใกล้ชิดกับพระเจ้าเป็นทางที่จะนำมาซึ่งความสงบสุขในชีวิต และการดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้องตามพระวจนะ จะช่วยป้องกันความล้มเหลวและความเสียหายจากความเสี่ยงต่าง ๆ ในชีวิตของเรา
ข้อคิด: สุภาษิต 4-6
พระเจ้ารับรู้ถึงสิ่งที่พระองค์เกลียด เช่น ดวงตาที่หยิ่งผยอง ลิ้นที่โกหก มือที่ฆ่าคนบริสุทธิ์ ใจที่คิดร้าย เท้าที่รีบร้อนทำชั่ว พยานเท็จ และคนที่หว่านความแตกแยกในกลุ่มคน สิ่งเหล่านี้มักเกิดขึ้นกับเรา ซึ่งควรเตือนใจให้เรารู้สึกขอบคุณที่พระเยซูทรงชดใช้หนี้บาปของเราและพระวิญญาณของพระเจ้าทำงานในตัวเรา ความเมตตาและความให้อภัยของพระองค์แสดงให้เห็นชัดเจนว่าพระเจ้ารับคนบาปเข้ามาในครอบครัว แม้เราจะทำสิ่งที่พระองค์เกลียดและรังเกียจ พระองค์ก็ยังรักและทรงยอมรับเรา สิ่งที่พระองค์ทรงชอบนั้นคือ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความซื่อสัตย์ ความบริสุทธิ์ ความยุติธรรม ความจริง การสร้างสันติสุข และความสามัคคี ซึ่งเป็นสิ่งงดงามที่สะท้อนใจในพระองค์ ขอให้พระวิญญาณของพระองค์ให้พลังและแรงบันดาลใจแก่เรา เพื่อที่จะเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น ซึ่งจะนำความชื่นชมยินดีและความสุขให้ชีวิตของเราอย่างแท้จริง!
คำถาม
1. ในยุคที่ความเร่งรีบและเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน คำสอนในสุภาษิต 4 ที่เน้นเรื่องความรู้และการยึดมั่นในคำสอนของพระเจ้า จะสามารถช่วยครอบครัวในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงและมีความหมายอย่างไร?
2. สุภาษิต 6 เตือนเรื่องความเกียจคร้านและการรักษาสัญญา คำสอนนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในคริสตจักรเพื่อเสริมสร้างความรับผิดชอบและความเชื่อมั่นในกลุ่มสมาชิกอย่างไรบ้าง?
สุภาษิต บทที่ 4-6 เป็นบทที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของ ปัญญา และการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง โดยมีข้อคิดหลักๆ ดังนี้:
จากสุภาษิตบทที่ 4:
- ความสำคัญของปัญญา: บทนี้เริ่มต้นด้วยการเชิญชวนให้ลูกๆ ฟังคำสั่งสอนของพ่อ ซึ่งหมายถึงการรับปัญญาและคำแนะนำที่ดี ปัญญาถูกนำเสนอเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุด เหนือกว่าสิ่งใดๆ ทั้งปวง เพราะมันนำมาซึ่งชีวิต ความเข้าใจ และการปกป้อง
- ปัญญาคือชีวิตและสุขภาพ: การแสวงหาปัญญาและการยึดมั่นในคำสั่งสอนที่ดี จะนำมาซึ่งชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ
- การเลือกเส้นทางชีวิต: บทนี้เตือนให้หลีกเลี่ยงทางของคนชั่วร้าย ซึ่งนำไปสู่ความมืดมิดและความหายนะ และให้เลือกเดินในทางของคนชอบธรรม ซึ่งเปรียบเสมือนแสงอรุณที่ส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ
- การรักษาใจ: การรักษาใจให้ดีที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแหล่งแห่งชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ การคิดดี ทำดี มีปัญญา ย่อมส่งผลต่อทุกสิ่งในชีวิต
จากสุภาษิตบทที่ 5:
- อันตรายจากการล่วงประเวณี/การนอกใจ: บทนี้เตือนอย่างชัดเจนถึงภัยอันตรายของการล่วงประเวณีหรือการนอกใจ ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำผึ้งที่หวานล้ำในตอนแรก แต่ในที่สุดก็ขมขื่นเหมือนบอระเพ็ด และแหลมคมเหมือนดาบสองคม
- ผลลัพธ์ของความผิดบาป: ผู้ที่หลงผิดในทางนี้จะนำมาซึ่งความอับอาย การสูญเสียทรัพย์สิน สุขภาพ และชื่อเสียงในบั้นปลายชีวิต
- ความสำคัญของการซื่อสัตย์ต่อคู่ครอง: บทนี้เน้นย้ำถึงความสุขและความอิ่มเอมใจในการซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตนเอง และการดื่มด่ำกับความรักที่บริสุทธิ์ภายในครอบครัว
จากสุภาษิตบทที่ 6:
- การค้ำประกันผู้อื่น: เตือนให้ระมัดระวังในการค้ำประกันหนี้สินของผู้อื่น เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาและความเดือดร้อนของตนเองได้ หากจำเป็นต้องค้ำประกัน ก็ควรรีบแก้ไขสถานการณ์โดยเร็ว
- ความเกียจคร้าน: บทนี้ประณามความเกียจคร้าน โดยยกตัวอย่างมดที่ขยันขันแข็งในการเตรียมอาหารไว้ล่วงหน้า คนเกียจคร้านจะประสบกับความยากจนข้นแค้น
- พฤติกรรมที่ไม่ดี: ระบุถึงพฤติกรรมที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง 7 ประการ ได้แก่ ตาทะนง, ลิ้นมุสา, มือที่ทำให้โลหิตไร้ผิดตก, ใจที่คิดแผนงานชั่วร้าย, เท้าที่รีบวิ่งไปสู่ความชั่วร้าย, พยานเท็จที่พูดมุสา, และผู้ที่หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพี่น้อง
- อันตรายจากความชั่วร้ายและการผิดศีลธรรมทางเพศ: เน้นย้ำถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายของความชั่วร้ายและการผิดศีลธรรมทางเพศ ซึ่งนำมาซึ่งความหายนะ ความอัปยศ และการทำลายชีวิต
สุภาษิต 4-6 สอนให้เราให้ความสำคัญกับ ปัญญา เป็นอันดับแรกในชีวิต และดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบ มีสติปัญญา หลีกเลี่ยงความชั่วร้าย ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเกียจคร้านและการผิดศีลธรรมทางเพศ เพราะสิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งความหายนะ และให้ ยึดมั่นในหลักการที่ดีงาม ซึ่งจะนำไปสู่ชีวิตที่ปลอดภัย มีความสุข และได้รับการปกป้อง