Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สุภาษิต 10

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สุภาษิต 11

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
สุภาษิต 12

เรื่องย่อ

พระธรรมสุภาษิตบทที่ 10-12 สรุปแนวคิดเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างความดีและความชั่วในชีวิตประจำวัน โดยเน้นถึงพลังของคำพูดที่เป็นประโยชน์หรือทำลายล้าง รวมถึงความขยันหมั่นเพียรที่นำไปสู่ความรุ่งเรืองและความสุขในชีวิต ในบทนี้ยังเตือนให้หลีกเลี่ยงความโลภ ความเกียจคร้าน และการทำผิดศีลธรรม พร้อมส่งเสริมคุณธรรมเช่น ความซื่อสัตย์และความรอบคอบ เป็นบทเรียนที่ชี้ชัดว่าการดำเนินชีวิตด้วยธรรมะ คุณธรรม และความเข้าใจในคำสอน จะนำพาให้ชีวิตเต็มเปี่ยมด้วยความสุขและความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน

 

วันนี้เรายังคงเรียนรู้จากสุภาษิตของซาโลมอนที่เน้นให้เรามีปัญญาในการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อคนรอบข้างด้วย การแสวงหาความจริงและการปฏิบัติตามคำสอนแรกอาจดูยากในช่วงแรก แต่จะนำไปสู่พรในระยะยาว อีกทั้งปัญญายังเป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นเรียนรู้ได้ด้วย คนที่มีปัญญาจะฟังคำสั่งและคำเตือนได้ดี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในชีวิต เพราะคำพูดของเรามีอำนาจ ส่งผลต่อความรู้สึกและทัศนคติของเราและผู้อื่น และหลายครั้งคำพูดเหล่านี้สามารถสร้างหรือทำลายความสัมพันธ์ได้

แต่ทั้งนี้ คำสอนในสุภาษิตไม่ใช่เป็นกฎหมายหรือคำทำนายไร้เงื่อนไข เราต้องตีความอย่างละเอียดและพิจารณาบริบท เพราะบางข้อความอาจดูขัดแย้งกันเอง เช่น เรื่องทรัพย์สมบัติและความยากจน ซึ่งสุภาษิตเหล่านี้เน้นให้เราเห็นความสำคัญของจริยธรรมและความขยัน ความจริงก็คือ ความพยายามและความขยันไม่ใช่เสมอไปจะนำมาซึ่งความสำเร็จเสมอไป แต่การทำงานอย่างตั้งใจและซื่อสัตย์ก็เป็นสิ่งที่ดีเสมอ ข้อคิดนี้ช่วยให้เราเข้าใจว่าความฉลาดในชีวิตคือการเดินตามแนวทางของพระเจ้าและรักษาความสมดุลในทุกด้าน

นอกจากนี้ บทต่าง ๆ ยังสอนไว้ว่า ความถ่อมตนและความชอบธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก คนที่ถ่อมตัวจะรู้ว่าการทำสิ่งที่พระเจ้าทรงสอนเป็นทางที่ฉลาดที่สุด ผู้ที่มีปัญญาจะไม่พูดมากเกินไป แต่เลือกคำพูดอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด หรือบาดเจ็บผู้อื่น การพูดน้อยแต่พูดแต่คำที่เป็นประโยชน์และเต็มไปด้วยความจริงใจ จะนำมาซึ่งความสงบและความเข้าใจที่ดีในชีวิตของเรา

 

ข้อคิด: สุภาษิต 10-12

ข้อ 11:20 และ 12:22 กล่าวถึงพระเจ้าที่เกลียดหัวใจที่คดโกงและริมฝีปากที่โกหก ซึ่งคำว่า “คดโกง” หมายถึงการประพฤติตัวไม่ตรงตามความดีและพระวจนะของพระเจ้า เช่น การทะเลาะหรือขัดขวางมาตรฐานของพระองค์ ส่วนพระเจ้ารักคนที่มีความซื่อสัตย์และประพฤติตนในความบริสุทธิ์ ถึงแม้เราทุกคนจะเคยโกหกหรือทำผิดบ้าง ความดีคือพระเจ้ารักเราทั้งในเวลาที่เราเป็นบาปและเมื่อเราเปลี่ยนแปลง ด้วยความตายของพระคริสต์ พระองค์ได้ครอบคลุมและให้อภัยบาปของเรา รวมทั้งแรงจูงใจที่ไม่ดีเบื้องหลังการกระทำของเรา ทำให้เราสามารถชื่นชมยินดีในพระองค์และรู้สึกว่าพระองค์อยู่เคียงข้างเราเสมอ พระองค์คือความสุขและความชื่นชมยินดีของเราเช่นกัน

 

คำถาม

1.   พระคัมภีร์สุภาษิต 10:1 กล่าวว่า "เด็กดีเป็นแสงสว่างของพ่อแม่" คำสอนนี้สะท้อนให้เห็นความสำคัญของการสร้างเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างไรในชีวิตประจำวัน และเราจะสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสมาชิกในครอบครัวได้อย่างไร?

2.   สุภาษิต 12:15 กล่าวว่า "ความเข้าใจของคนดีเป็นเสียงของความฉลาด แต่ผู้สั่งสอนผิดไม่สนใจคำเตือน" คำถามนี้ชวนให้คิดว่า ความรู้และความเข้าใจในคริสตจักรหรือชุมชนครอบครัวมีผลต่อการสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างไร และเราจะส่งเสริมให้มีการเติบโตของความเข้าใจเช่นนี้อย่างไร?

 

 

ข้อคิดจากสุภาษิตบทที่ 10-12: ความแตกต่างระหว่างคนชอบธรรมกับคนชั่วร้าย

สุภาษิตบทที่ 10 เป็นบทที่เต็มไปด้วยข้อเปรียบเทียบที่คมคายระหว่าง คนชอบธรรม และ คนชั่วร้าย หรือระหว่างคนที่มีสติปัญญากับคนโง่เขลา โดยเน้นย้ำถึงผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของการดำเนินชีวิตทั้งสองแบบ

  • ผลของความประพฤติ: บทนี้เน้นว่าการกระทำของคนเราส่งผลต่อชีวิตของตนเอง คนชอบธรรมจะได้รับพระพร ความอุดมสมบูรณ์ และชีวิตที่ยืนยาว ในขณะที่คนชั่วร้ายจะประสบกับความยากจน ความอับอาย และความพินาศ
  • พลังของคำพูด: คำพูดมีอำนาจมหาศาล คำพูดของคนชอบธรรมนำมาซึ่งชีวิตและประโยชน์ ในขณะที่คำพูดของคนชั่วร้ายนำมาซึ่งการทำลายและหายนะ
  • คุณค่าของความขยัน: ความขยันหมั่นเพียรนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง ส่วนความเกียจคร้านนำมาซึ่งความยากจน
  • ความสำคัญของความจริงใจ: การดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญ คนที่ซื่อสัตย์จะได้รับความไว้วางใจและมีชีวิตที่มั่นคง

สุภาษิตบทที่ 11 สานต่อแนวคิดจากบทที่ 10 โดยเน้นย้ำว่า ความชอบธรรมนำไปสู่ชีวิตและความดีงาม ส่วน ความชั่วร้ายนำไปสู่ความตายและความพินาศ

  • ความถ่อมตน vs. ความเย่อหยิ่ง: ความถ่อมตนนำมาซึ่งปัญญาและเกียรติยศ แต่ความเย่อหยิ่งนำมาซึ่งความอับอายและความพินาศ
  • ความซื่อสัตย์ vs. การคดโกง: คนซื่อสัตย์จะได้รับความช่วยเหลือและความรอดพ้น ในขณะที่คนคดโกงจะตกอยู่ในความเดือดร้อน
  • ความเมตตา vs. ความโหดร้าย: คนเมตตาจะได้รับผลดีตอบแทน แต่คนโหดร้ายจะทำลายตนเองและผู้อื่น
  • การให้และการรับ: การให้ด้วยใจกว้างขวางจะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ แต่การตระหนี่ถี่เหนียวจะนำมาซึ่งความขาดแคลน
  • ผลของการนินทา: การนินทาและการเปิดเผยความลับทำลายความสัมพันธ์ แต่การรักษาความลับสร้างความไว้วางใจ

สุภาษิตบทที่ 12 ยังคงเน้นย้ำถึงความแตกต่างระหว่างคนดีกับคนชั่ว และ คุณค่าของปัญญาในการนำทางชีวิต

  • การแสวงหาความรู้: คนที่รักการเรียนรู้จะได้รับความรู้และปัญญา แต่คนที่เกลียดคำตักเตือนจะถูกตำหนิและโง่เขลา
  • ผลของความประพฤติ: การกระทำดีนำมาซึ่งความโปรดปรานและความมั่นคง แต่การกระทำชั่วร้ายนำมาซึ่งความเดือดร้อน
  • ความจริงใจ vs. การโกหก: ลิ้นที่พูดความจริงจะยืนหยัดอยู่ตลอดไป แต่ลิ้นที่โกหกจะอยู่ได้เพียงชั่วครู่
  • ความขยัน vs. ความเกียจคร้าน: คนขยันจะประสบความสำเร็จและเป็นผู้นำ แต่คนเกียจคร้านจะถูกใช้แรงงาน
  • การควบคุมคำพูด: การพูดโดยไม่คิดอาจทำร้ายผู้อื่น แต่คำพูดที่ฉลาดและการวางแผนที่ดีนำมาซึ่งการเยียวยาและความสำเร็จ

จากสุภาษิตบทที่ 10-12 เราสามารถนำหลักการสำคัญเหล่านี้มาปรับใช้ในชีวิตได้ดังนี้:

1.      เลือกที่จะเป็นคนชอบธรรม: มุ่งมั่นที่จะดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม และเมตตา เพราะการทำดีจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

2.      ระมัดระวังคำพูด: ตระหนักว่าคำพูดมีพลังมหาศาล จงใช้คำพูดเพื่อสร้างสรรค์ ให้กำลังใจ และนำความจริง ไม่ใช่เพื่อทำลายหรือโกหก

3.      หมั่นหาความรู้และปัญญา: เปิดใจรับการเรียนรู้ คำตักเตือน และคำแนะนำที่ดีอยู่เสมอ เพื่อเพิ่มพูนสติปัญญาและพัฒนาตนเอง

4.      ขยันหมั่นเพียร: จงพากเพียรในการทำงานและหน้าที่ความรับผิดชอบ เพราะความขยันจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและความสำเร็จ

5.      ฝึกฝนความถ่อมตน: หลีกเลี่ยงความเย่อหยิ่งและความโอ้อวด เพราะความถ่อมตนจะทำให้เราเปิดรับสิ่งใหม่ๆ และได้รับความรักใคร่จากผู้อื่น

6.      เป็นผู้ให้: การรู้จักแบ่งปันและให้ผู้อื่นจะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ในชีวิต ไม่ใช่แค่ทางวัตถุ แต่รวมถึงความสุขใจด้วย

7.      ควบคุมอารมณ์: อย่าให้อารมณ์ชั่ววูบมาครอบงำการกระทำและคำพูด เพราะอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและผลลัพธ์ที่ไม่ดี

การประยุกต์ใช้ข้อคิดและหลักการจากสุภาษิตเหล่านี้จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างมีสติปัญญา ประสบความสำเร็จ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น