เรื่องย่อ

โยอาช กษัตริย์แห่งยูดาห์ ทรงเริ่มต้นรัชกาลด้วยการทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า โดยทรงซ่อมแซมพระวิหารที่ทรุดโทรมเสียหายด้วยเงินที่เก็บจากประชาชน เมื่อโยดาปุโรหิตใหญ่สิ้นชีวิต โยอาชทรงหันไปจากพระเจ้า และทรงฟังคำแนะนำของบรรดาเจ้านายที่หันไปบูชารูปเคารพ เศคาริยาห์ บุตรชายของโยดา ได้เตือนโยอาช แต่โยอาชสั่งให้ฆ่าเศคาริยาห์ เมื่ออารัมยกทัพมาโจมตียูดาห์ โยอาชก็ได้รับความพ่ายแพ้ และข้าราชการของพระองค์ก็สมคบกันสังหารพระองค์ ต่อมา เยโฮอาฮาส กษัตริย์แห่งอิสราเอล ทรงทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้า และอิสราเอลก็ถูกกดขี่โดยอารัม เมื่อเยโฮอาฮาสสิ้นชีวิต เยโฮอาชพระราชโอรสขึ้นครองราชย์ และทรงขอความช่วยเหลือจากเอลีชา เอลีชาทำนายว่าเยโฮอาชจะเอาชนะอารัมได้สามครั้ง เรื่องราวเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเชื่อฟังพระเจ้า การที่ต้องรับผลของการไม่เชื่อฟัง และความเมตตาของพระเจ้าที่ทรงตอบคำอธิษฐานของผู้ที่หันมาหาพระองค์

กษัตริย์โยอาชแห่งยูดาห์ใต้ขึ้นดำรงตำแหน่งในวัยเพียงเจ็ดปี พระองค์ได้รับคำปรึกษาจากปุโรหิตที่ชาญฉลาด ซึ่งช่วยให้พระองค์สามารถควบคุมสถานการณ์ในช่วงแรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่พระองค์ยังมีภรรยาสองคน แม้จะเป็นไปได้ว่าภรรยาคนที่สองจะปรากฏตัวภายหลังจากภรรยาคนแรกเสียชีวิต จากการปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้า โยอาชได้มีความพยายามส่งเสริมการบูรณะพระวิหารและฟื้นฟูศาสนา แต่ก็ประสบปัญหาในการจัดการทางการเงิน เนื่องจากปุโรหิตไม่ยอมเก็บภาษีตามที่พระเจ้าได้กำหนดไว้ ทำให้พระองค์ต้องสร้างตู้บริจาคขึ้นเพื่อระดมทุนและจ้างคนงานซื่อสัตย์มาทำหน้าที่ซ่อมแซมแทน

ในช่วงรัชสมัยของโยอาช ชีวิตของพระองค์ดำเนินไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งปุโรหิตเสียชีวิต จากนั้นสิ่งต่างๆ ก็เริ่มคลาดเคลื่อน พระองค์เริ่มหาเสียงสนับสนุนจากผู้ปกครองท้องถิ่นและเริ่มบูชารูปเคารพ ซึ่งบุตรชายของปุโรหิตเตือนให้ระวังผลร้ายที่จะตามมา แต่โยอาชก็ไม่สนใจ ฟังดูเหมือนว่าเขาจะไม่สำนึกผิดและยังคงละเมิดพระบัญชา จนในที่สุดข้าราชบริพารของพระองค์ก็ลงโทษประหารเขาเพื่อแก้แค้น ทำให้พระองค์เสียความไว้วางใจและสิ้นพระชนม์ในที่สุด ส่งผลให้บุตรชายของพระองค์ อามาซิยาห์ ขึ้นครองบัลลังก์ในยูดาห์ต่อมาท่ามกลางความวุ่นวายและการทรยศในราชสำนัก

ส่วนในอาณาจักรอิสราเอลด้านเหนือ เยโฮอาหาส โอรสของเยฮู ขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่ทรงนำความชั่วร้ายและไม่พยายามทำตามพระเจ้าอย่างเต็มที่ พระองค์เสนอแสวงหาความเมตตาจากพระเจ้า แต่เป็นความเมตตาที่ไม่ได้เกิดจากความจริงใจ พระองค์รับรู้ว่าพระเจ้ากำลังทรงลงโทษอิสราเอล แต่ก็ไม่สำนึกผิด จึงเป็นเพียงการขอความช่วยเหลือชั่วคราว หลังจากสิ้นพระชนม์ เยโฮอาฮาสแห่งอิสราเอลก็ถูกแทนที่โดยเยโฮอาช โอรสของเขา ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ชั่วร้ายเช่นกัน ในช่วงปลายรัชสมัย เขาได้ปรึกษากับผู้เผยพระวจนะ เอลีชาที่ใช้เครื่องหมายและการแสดงเพื่อถ่ายทอดพระประสงค์ของพระเจ้า ต่อมาเมื่อเอลีชาเสียชีวิต ชายคนหนึ่งที่กำลังจะถูกฝังศพ กลับถูกโยนเข้าไปในหลุมศพของเอลีชา จากการปะทะกันนั้น ศพชายคนนั้นฟื้นคืนชีวิต ด้วยคำพยากรณ์สุดท้าย เอลีชาได้ทำนายและให้คำเตือนเกี่ยวกับสงครามระหว่างอิสราเอลและซีเรีย ซึ่งสุดท้ายก็เป็นจริงตามคำทำนายของเขา

ข้อคิด: 2 พงศ์กษัตริย์ 12-13; 2 พงศาวดาร 24

เหตุการณ์การฟื้นคืนชีพโดยบังเอิญของชายคนหนึ่งที่ถูกโยนเข้าไปในหลุมศพของเอลีชา สะท้อนให้เห็นว่าพลังอำนาจในการฟื้นคืนชีพนั้นไม่ใช่สิ่งที่เอลีชาสามารถควบคุมได้ด้วยตนเอง แต่เป็นฤทธิ์เดชที่มาจากพระเจ้า ผู้ทรงพระชนม์อยู่เสมอและทำการอยู่ตลอดเวลา ความสามารถของพระองค์ไม่จำกัดอยู่แค่สิ่งที่มนุษย์ทำได้ พระองค์สามารถดำเนินการแม้ในเวลาที่เราไม่สามารถทำได้ และถึงแม้จะเป็นการยอมรับว่าความสามารถของเราอาจไม่เพียงพอ แต่พระองค์ก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเราสักนิด พระองค์สามารถนำแผนการที่ดีและเมตตาของพระองค์ให้สำเร็จได้โดยปราศจากการแทรกแซงของมนุษย์ ความดีของพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของเรา หรือความเชื่อของเรา แต่พระองค์จะทรงดีอยู่เสมอ และเป็นที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีอย่างไม่สิ้นสุด!

คำถาม

1.      เรื่องราวของโยอาชสอนอะไรเราเกี่ยวกับอิทธิพลของคนที่อยู่รอบตัวเรา? เราจะระบุและสร้างความสัมพันธ์กับผู้ที่ส่งเสริมคุณธรรมและความซื่อสัตย์ในชีวิตของเราได้อย่างไร?

2.      เรื่องราวการซ่อมแซมพระวิหารในสมัยโยอาชสอนอะไรเราเกี่ยวกับการฟื้นฟูศรัทธาหรือการกลับไปหาคุณค่าหลักของเรา? เราจะประยุกต์ใช้บทเรียนนี้กับการฟื้นฟูส่วนต่างๆ ในชีวิตของเราที่อาจละเลยไปได้อย่างไร?

2 พงศาวดาร บทที่ 24 เล่าเรื่องราวของกษัตริย์โยอาช (Joash) แห่งยูดาห์ ซึ่งขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ และได้รับการเลี้ยงดูโดยเยโฮยาดา (Jehoiada) มหาปุโรหิตผู้ชอบธรรม ในช่วงที่เยโฮยาดายังมีชีวิตอยู่ โยอาชได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้าและปฏิรูปพระวิหาร แต่หลังจากที่เยโฮยาดาสิ้นชีวิต โยอาชกลับหันเหจากทางของพระเจ้าและนำพาประชาชนไปสู่การกราบไหว้รูปเคารพ จนในที่สุดก็ถูกลอบปลงพระชนม์

จากเรื่องราวนี้ เราสามารถสรุปข้อคิดที่สำคัญได้หลายประการดังนี้ครับ:

• อิทธิพลของการชี้นำที่ดี: ในช่วงต้นรัชกาล โยอาชทำในสิ่งที่ถูกต้องเพราะมีเยโฮยาดาคอยเป็นที่ปรึกษาและชี้นำ นี่แสดงให้เห็นว่าการมีผู้ให้คำแนะนำที่ดี ผู้ที่ยึดมั่นในหลักการที่ถูกต้อง มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตและทิศทางชีวิตของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เรายังขาดประสบการณ์
• ความสำคัญของการยืนหยัดในความเชื่อส่วนบุคคล: แม้โยอาชจะเริ่มต้นได้ดี แต่เมื่อไม่มีเยโฮยาดาอยู่เคียงข้าง เขาก็หลงผิดไปอย่างรวดเร็ว นี่เน้นย้ำว่าการเชื่อฟังและยึดมั่นในหลักการที่ถูกต้องนั้น ไม่ควรขึ้นอยู่กับบุคคลอื่นเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นความเชื่อและการตัดสินใจที่มาจากภายในของเราเอง
• ผลของความไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า: เมื่อโยอาชหันหลังให้พระเจ้าและนำประชาชนไปสู่การกราบไหว้รูปเคารพ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือการถูกโจมตีจากกองทัพซีเรีย ความพ่ายแพ้ และท้ายที่สุดคือการสิ้นพระชนม์อย่างอนาถ นี่แสดงให้เห็นถึงผลร้ายของการละทิ้งพระเจ้าและหลักการที่ถูกต้อง ซึ่งมักนำไปสู่ความหายนะ
• ความจำเป็นของการกลับใจและการสำนึกผิด: แม้พระเจ้าจะส่งผู้เผยพระวจนะมาตักเตือน รวมถึงเศคาริยาห์บุตรของเยโฮยาดา แต่โยอาชและบรรดาเจ้านายกลับไม่ยอมกลับใจและถึงขั้นสั่งประหารเศคาริยาห์ นี่คือบทเรียนที่สำคัญว่าพระเจ้าทรงประทานโอกาสให้เรากลับใจเสมอ แต่หากเราปฏิเสธที่จะตอบสนอง ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจเป็นสิ่งที่น่าเศร้า

เรื่องราวของโยอาชใน 2 พงศาวดาร 24 เป็นเครื่องเตือนใจที่ดีว่า การเริ่มต้นที่ดีไม่ได้หมายถึงจุดจบที่ดีเสมอไป ความยั่งยืนในการทำความดีและการยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องนั้น ต้องอาศัยความมุ่งมั่น ความเชื่อส่วนบุคคล และการระมัดระวังไม่ให้หลงผิดไปจากเส้นทางที่ควรจะเป็นครับ