เรื่องย่อ
อิสยาห์ 23-27 เป็นช่วงที่พระเจ้าเตือนว่าความหยิ่งทะนงและความลุ่มหลงในความมั่งคั่งของเมืองท่าค้าอย่างเมืองบาบิโลนจะนำความหายนะมา แต่ก็แฝงไว้ด้วยความหวังในการฟื้นฟูและความรอดของประชาชาติเมื่อพวกเขากลับใจและยอมรับพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นศัตรูและผู้พิพากษาที่ลงโทษคนชั่ว แต่ก็เป็นพระผู้ช่วยเหลือและผู้ให้ความหวังในเวลาที่พวกเขาร้องขอ บทพูดนี้เน้นให้เห็นว่าความหยิ่งและความลุ่มหลงในสิ่งของโลกจะนำความเสื่อมโทรม แต่ถ้าหันกลับหาพระเจ้า ก็จะได้รับความรอดและความสุขนิรันดร์ เป็นคำเตือนให้รักษาความถ่อมใจและยึดมั่นในความเชื่อในพระเจ้าเสมอ
คำพยากรณ์สุดท้ายเกี่ยวกับประชาชาติต่างประเทศเริ่มต้นด้วยไทระและไซดอน ซึ่งเป็นเมืองของชาวฟีนีเซียนผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งทำให้พวกเขาร่ำรวย มีอิทธิพล และหยิ่งผยอง การบูชาเทพแห่งทะเล ยาม แสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับธุรกิจทางทะเลอย่างไร พระยาห์เวห์จึงทรงแสดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์เหนือพระของพวกเขา แม้ว่าไทระจะถูกทำลาย แต่ในที่สุดก็ได้รับการฟื้นฟู และความเฉลียวฉลาดทางธุรกิจของพวกเขาก็ถูกใช้เพื่ออวยพรประชากรของพระเจ้า
อิสยาห์บทที่ 24 บรรยายถึงการพิพากษาโลกทั้งสิ้นและการฟื้นฟู ซึ่งเป็นข้อความที่มืดมนแต่มีความหวัง การพิพากษาจักรวาลนี้จะไม่ยกเว้นใคร อำนาจและเงินทองไม่สามารถปกป้องใครได้ เพราะทั้งโลกได้ละเมิดพันธสัญญากับพระเจ้า ซึ่งเป็นพันธสัญญาที่พระองค์ทรงทำไว้ในปฐมกาล 9:8–16 ที่พระองค์ทรงสัญญาว่าจะไม่ทำลายโลกด้วยน้ำท่วมอีก การละเมิดกฎนี้ส่งผลให้เกิดคำสาปแช่งตามพันธสัญญา การพิพากษานี้จะเป็นเหมือนการคลี่คลายการทรงสร้าง และการทำลายล้างจะเป็นเหมือนแผ่นดินไหวและไฟไหม้ในวันแห่งพระยาห์เวห์ที่จะมาถึง
อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวัง โลกยังคงอยู่ที่นี่และไม่ได้ถูกละทิ้ง และการพิพากษานี้จะนำไปสู่สวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ (โลก 3.0) แม้แต่ข้อความที่หนักแน่นนี้ก็ยังรวมถึงการเตือนใจเกี่ยวกับการที่ประชากรของพระเจ้าสรรเสริญพระองค์ และยังคงดำเนินต่อไปด้วยสิ่งสวยงามอื่นๆ อีกมากมายที่จะเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด: พระเจ้าทรงกำจัดความตายให้สิ้นไป จะไม่มีน้ำตาอีกต่อไป และพระองค์จะทรงจัดงานเลี้ยงใหญ่บนเนินเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งศิโยน! การรู้จักพระเจ้าจะเพิ่มพูนสันติสุขให้มากขึ้น และพระองค์จะทรงปราบกองกำลังแห่งความวุ่นวายทั้งหมดของศัตรู ในวันสำคัญของพระยาห์เวห์ โลกที่แตกสลายนี้จะถูกสร้างขึ้นใหม่ ศัตรูแห่งจิตวิญญาณของเราจะพ่ายแพ้ และเราจะมีชีวิตอยู่และกินเลี้ยงบนโลกกับพระเจ้าบนเนินเขาแห่งศิโยนในเยรูซาเล็ม!
ข้อคิด: อิสยาห์ 23-27
อิสยาห์ 26:12 กล่าวว่า "ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะทรงแต่งตั้งสันติภาพให้แก่พวกข้าพระองค์ เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำกิจการทั้งสิ้นของพวกข้าพระองค์เพื่อพวกข้าพระองค์แล้ว" สะท้อนถึงแนวคิดที่ว่าพระเจ้าทรงทำการเพื่อเรา ดังที่พระเยซูทรงประกาศว่า "สำเร็จแล้ว" (ยอห์น 19:30) โดยทรงชดใช้หนี้บาปของเราอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเสริมสร้างเราให้ทำตามแผนการของพระเจ้า และฟิลิปปี 1:6 ย้ำว่าพระองค์จะทรงทำการดีที่ทรงเริ่มต้นไว้ในเราให้สำเร็จ ในขณะที่ฟิลิปปี 2:13 กล่าวว่าพระเจ้าทรงกระทำการในเราเพื่อให้เราปรารถนาและทำตามพระประสงค์ของพระองค์ แม้ว่าเราจะไม่ได้รับเครดิตสำหรับผลดีใดๆ ที่เราทำได้ แต่เราชื่นชมยินดีที่ได้เห็นพระเจ้าทรงกระทำการในและผ่านเรา เนื่องจากพระองค์ทรงทำการทั้งสิ้นของเราเพื่อเรา และพระองค์ทรงเป็นที่ซึ่งความชื่นชมยินดีอยู่!
คำถาม
1. อิสยาห์ 23-27 เน้นเรื่องการฟื้นฟูและการเป็นผู้รับใช้พระเจ้า คริสตจักรในยุคปัจจุบันควรนำบทเรียนเหล่านี้มาใช้เพื่อเสริมสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการดำเนินงานด้วยความเมตตาและความยุติธรรมอย่างไร?
2. จากอิสยาห์ 23-27 ที่เป็นคำเตือนและการเรียกให้กลับใจ คริสตจักรในปัจจุบันสามารถนำข้อความเหล่านี้มาปรับใช้เพื่อเสริมสร้างแนวทางการประกาศข่าวประเสริฐและการเป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตตามหลักธรรมคำสอนของพระเจ้าอย่างไร?
อิสยาห์ บทที่ 26 เป็นบทเพลงแห่งความไว้วางใจและชัยชนะของชนชาติของพระเจ้า เป็นบทที่เต็มไปด้วยความหวังและการประกาศถึงความชอบธรรมของพระเจ้าเมื่อพระองค์ทรงพิพากษาโลก นี่คือข้อคิดสำคัญจากบทนี้:
1. ความไว้วางใจในพระเจ้าผู้ทรงเที่ยงตรงและเป็นนิรันดร์
บทนี้เริ่มต้นด้วยการสรรเสริญเมืองที่เข้มแข็งของพระเจ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรอดและความปลอดภัยในพระองค์ (อิสยาห์ 26:1) และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการ ไว้วางใจในพระยาห์เวห์ตลอดไป เพราะพระองค์ทรงเป็น "ศิลาอันเป็นนิรันดร์" (อิสยาห์ 26:4) ผู้ที่จิตใจมั่นคงในพระองค์จะได้รับสันติสุขที่สมบูรณ์
- ข้อคิด: ในโลกที่เปลี่ยนแปลงและไม่แน่นอนนี้ สิ่งเดียวที่เราสามารถไว้วางใจได้อย่างแท้จริงคือพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นความมั่นคงนิรันดร์ของเรา เมื่อเราวางใจในพระองค์อย่างเต็มที่ จิตใจของเราจะพบกับสันติสุขที่แท้จริง ไม่ว่าสถานการณ์รอบข้างจะเป็นอย่างไร
2. ความชอบธรรมของพระเจ้าในการพิพากษาโลก
บทนี้กล่าวถึงการที่พระเจ้าจะทรงทำให้คนหยิ่งยโสและเมืองที่สูงตระหง่านต้องต่ำลง (อิสยาห์ 26:5) และเมื่อการพิพากษาของพระองค์มาถึงโลก ประชาชนในโลกก็จะ เรียนรู้ความชอบธรรม (อิสยาห์ 26:9) นี่แสดงให้เห็นว่าการพิพากษาของพระเจ้าไม่ได้มีเพียงเพื่อลงโทษ แต่เพื่อสอนและนำผู้คนให้รู้จักและดำเนินชีวิตในความชอบธรรมของพระองค์
- ข้อคิด: การพิพากษาของพระเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอันชอบธรรมของพระองค์ เพื่อนำความยุติธรรมมาสู่โลกและเปิดเผยความจริง การที่คนในโลกจะเรียนรู้ความชอบธรรมผ่านการพิพากษา แสดงให้เห็นถึงพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะนำผู้คนกลับมาหาพระองค์และดำเนินชีวิตตามทางของพระองค์
3. การฟื้นคืนชีพและความหวังในชีวิตนิรันดร์
อิสยาห์ 26:19 เป็นข้อพระคัมภีร์ที่สำคัญยิ่งที่กล่าวถึง การฟื้นคืนชีพ ว่า "คนตายของท่านจะมีชีวิตขึ้น ร่างกายของพวกเขาจะลุกขึ้น บรรดาผู้ที่นอนอยู่ในผงคลีดิน จงตื่นขึ้นและร้องเพลงด้วยความยินดีเถิด เพราะน้ำค้างของท่านเป็นน้ำค้างแห่งแสงสว่าง และโลกจะคลอดคนตายออกมา" นี่คือคำพยากรณ์ถึงการฟื้นคืนชีพของคนชอบธรรมในวันสุดท้าย
- ข้อคิด: ข้อนี้ให้ความหวังอันยิ่งใหญ่แก่ผู้เชื่อในพระเจ้าว่าความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นประตูสู่ชีวิตใหม่กับพระองค์ ผู้ที่วางใจในพระองค์จะได้รับการฟื้นคืนชีพและมีชีวิตนิรันดร์ นี่เป็นความหวังที่ขับเคลื่อนชีวิตของผู้เชื่อและทำให้พวกเขามีชัยชนะเหนือความกลัวตาย
4. การพึ่งพาพระเจ้าในยามยากลำบาก
บทนี้ยังกล่าวถึงการที่ชนชาติของพระเจ้าได้ร้องทูลต่อพระองค์ในยามทุกข์ยาก และพระองค์ทรงตอบคำอธิษฐานของพวกเขา (อิสยาห์ 26:16-18) แม้พวกเขาจะรู้สึกเหมือนไม่ได้ทำอะไรสำเร็จด้วยกำลังของตนเอง แต่พระเจ้าก็ทรงเป็นผู้ที่นำการช่วยกู้มาให้
- ข้อคิด: ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากหรือความทุกข์ใจ เราควรหันไปหาพระเจ้าด้วยการอธิษฐานและวางใจในพระองค์ พระองค์ทรงได้ยินคำอธิษฐานของเราและทรงสามารถนำการช่วยกู้มาให้ แม้ในสถานการณ์ที่เราไม่เห็นทางออกด้วยกำลังของเราเอง
อิสยาห์ บทที่ 26 เป็นบทที่ให้กำลังใจอย่างมากแก่ผู้เชื่อในการ ไว้วางใจในพระเจ้าอย่างไม่คลอนแคลน ตระหนักถึงความชอบธรรมของพระองค์ และยึดมั่นในความหวังแห่งการฟื้นคืนชีพและชีวิตนิรันดร์กับพระองค์