เรื่องย่อ
อิสยาห์ 44-48 ย้ำถึงการปลอบประโลมและการไถ่ของอิสราเอล โดยเน้นที่พระเจ้าองค์เดียวที่แท้จริงและความไร้ประโยชน์ของรูปเคารพ พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงเทพระวิญญาณของพระองค์ลงมาบนลูกหลานของอิสราเอล ทำให้พวกเขาเจริญรุ่งเรือง และทรงประกาศว่าไซรัสจะถูกเจิมให้ปลดปล่อยประชากรของพระองค์จากบาบิโลน การทำนายนี้ตอกย้ำอำนาจสูงสุดของพระเจ้าในการควบคุมประวัติศาสตร์และแสดงให้เห็นถึงความรู้ล่วงหน้าของพระองค์ อิสราเอลถูกตำหนิถึงความดื้อรั้นในอดีต แต่พระเจ้าทรงเชื้อเชิญพวกเขาให้หันกลับมาหาพระองค์ เพื่อว่าพวกเขาจะพบความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรือง พระเจ้าทรงยืนยันว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ทรงสร้างของอิสราเอล เป็นผู้ไถ่ของพวกเขา และพระองค์ทรงกระทำสิ่งเหล่านี้เพื่อพระนามของพระองค์เอง โดยทรงสำแดงพระเกียรติสิริของพระองค์ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย
ในช่วงเวลาที่พระเจ้าทรงเลือกชนชาติอิสราเอล เราเห็นว่ามีบางผู้คนที่ไม่เข้าใจและมีดวงตาที่ปิดสนิท ซึ่งเป็นการพิพากษาของพระองค์ต่อการบูชารูปเคารพ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ได้มีบทบาทในพระประสงค์ของพระองค์ พระเจ้าทรงใช้ผู้ที่จิตใจห่างไกลจากพระองค์เพื่อบรรลุแผนการของพระองค์ เช่น กษัตริย์ไซรัส ผู้ที่แม้ไม่ได้รู้จักพระเจ้า แต่ยังถูกใช้เพื่อปลดปล่อยชาวอิสราเอลจากการถูกเนรเทศ พระเจ้าทรงสร้างและปรับเปลี่ยนสถานการณ์ตามพระประสงค์ของพระองค์ เพื่อให้เกิดผลดีแก่ประชาชนของพระองค์เอง
บาบิโลน ผู้ที่นำชาวอิสราเอลไปเป็นเชลย ถูกนำพาโดยความบูชารูปเคารพของพวกเขา ซึ่งกลายเป็นความภาระที่ถ่วงโทษพวกเขา การยกทัพของกษัตริย์ไซรัสเพื่อโจมตีบาบิโลนนั้นเป็นการแสดงให้เห็นถึงพลังของพระยาห์เวห์ เปรียบเสมือนการโอบอุ้มอิสราเอลผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก พระองค์ทรงทำให้เห็นว่าทรงเป็นแหล่งของการสนับสนุนที่แท้จริงและสม่ำเสมอต่ออิสราเอล ในขณะที่บาบิโลนต้องพึ่งพิงสิ่งที่ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ พระยาห์เวห์ทรงสัญญาว่าจะนำนาบิโลนลงด้วยความยุติธรรม
ในบทที่ 48 พระเจ้าตรัสกับชนชาติอิสราเอลถึงความจำเป็นในการเชื่อฟังและวางใจในพระองค์ พระองค์ทรงเตรียมพวกเขาสำหรับพระสัญญาอันใหม่เกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่าพระองค์มีแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม และทรงยับยั้งพระพิโรธเพื่อประโยชน์ของพระนามของพระองค์ ซึ่งแสดงถึงพระลักษณะแห่งความเมตตาและการให้อภัย การกระทำนี้ทำให้เราเห็นถึงความรักแท้จริงที่พระองค์มีต่อเราจากการเข้าร่วมในครอบครัวพระองค์ ใช้สัญญาณทั้งหลายเพื่อแสดงความโอบเอื้อต่อมวลมนุษยชาติและความยิ่งใหญ่ของพระวจนะพระองค์เป็นสิ่งที่น่าเกรงขามและทำให้เราได้พบกับพระเจ้าที่ให้ความสำคัญกับความดีและศักดิ์ศรีมากที่สุด
ข้อคิด: อิสยาห์ 44-48
ใน อิสยาห์ 45:19 พระเจ้าทรงเตือนอิสราเอลถึงความสัมพันธ์ที่พระองค์ทรงมีกับพวกเขามาโดยตลอดว่า “เรามิได้พูดในที่ลับ ในแผ่นดินแห่งความมืด เรามิได้กล่าวแก่เชื้อสายของยาโคบว่า ‘จงแสวงหาเราโดยเปล่าประโยชน์’ ” ขณะที่เราแสวงหาพระองค์ พระเจ้าตรัสว่าไม่มีสิ่งใดเป็นโมฆะ แม้ในวันที่คุณรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่คุณกำลังอ่าน ไม่มีสิ่งใดเป็นโมฆะ พระเจ้าทรงตอบสนองต่อความพยายามของคุณที่จะรู้จักพระองค์ พระองค์ทรงเป็นผู้เริ่มต้นความปรารถนานั้นในตัวคุณตั้งแต่แรก พระองค์มิได้ขัดขวางความปรารถนาของคุณที่จะได้ยินและรู้จักพระองค์ พระองค์ประทานความปรารถนานั้นแก่คุณ พระองค์ทรงปีติยินดีในความปรารถนานั้น และพระองค์ทรงพบคุณในความปรารถนานั้น และพระองค์ทรงเป็นที่ซึ่งความชื่นชมยินดีอยู่!
คำถาม
1. อิสยาห์ 44 ย้ำถึงความสำคัญของการเทพระวิญญาณของพระเจ้าลงมาบนลูกหลานของคุณ คุณจะสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเติบโตทางจิตวิญญาณ ความเข้าใจ และความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้าได้อย่างไร และคุณจะหลีกเลี่ยงการยึดติดกับประเพณีภายนอกโดยไม่เข้าใจความจริงของพระเจ้าได้อย่างไร
2. อิสยาห์ 45 กล่าวถึงบทบาทของไซรัส ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงเจิมไว้ล่วงหน้าให้ทำการตามพระประสงค์ของพระองค์ แม้ว่าไซรัสจะไม่รู้จักพระเจ้า ในครอบครัวของคุณ คุณจะสอนลูก ๆ ของคุณให้มองเห็นการทรงงานของพระเจ้าในคนที่แตกต่างจากพวกเขาได้อย่างไร และคุณจะส่งเสริมให้พวกเขาทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อจุดประสงค์ที่ดีได้อย่างไร โดยไม่คำนึงถึงความเชื่อของพวกเขา
อิสยาห์ บทที่ 45 เผยให้เห็นถึงพระลักษณะและฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอย่างชัดเจน โดยเน้นย้ำถึงอธิปไตยสูงสุดของพระองค์เหนือทุกสิ่งในจักรวาล รวมถึงเหนือประวัติศาสตร์และชนชาติทั้งหลาย บทนี้เต็มไปด้วยข้อคิดลึกซึ้งที่ช่วยให้เราเข้าใจพระเจ้ามากขึ้น นี่คือข้อคิดสำคัญที่เราสามารถเรียนรู้จากบทนี้:
1. พระเจ้าทรงใช้เครื่องมือของพระองค์เพื่อบรรลุพระประสงค์
ในบทนี้ พระเจ้าทรงเรียกไซรัส กษัตริย์ของเปอร์เซีย ซึ่งไม่ได้รู้จักหรือนมัสการพระเจ้า ให้เป็น "ผู้ที่เจิมไว้ของเรา" และ "ผู้เลี้ยงแกะของเรา" (อิสยาห์ 45:1, 13) เพื่อใช้เขาเป็นเครื่องมือในการปลดปล่อยชาวอิสราเอลจากการเป็นเชลยในบาบิโลน ข้อคิดสำคัญคือ พระเจ้าทรงสามารถใช้ใครก็ได้ ไม่ว่าเขาจะเชื่อในพระองค์หรือไม่ก็ตาม เพื่อทำตามพระประสงค์ของพระองค์ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าอำนาจของพระองค์นั้นอยู่เหนือการจำกัดของมนุษย์ และพระองค์ทรงสามารถทำงานผ่านช่องทางที่เราคาดไม่ถึง
2. พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างและผู้ควบคุมทุกสิ่ง
อิสยาห์ 45:7 กล่าวว่า "เราเป็นผู้สร้างความสว่างและสร้างความมืด เราเป็นผู้ให้เกิดสันติภาพและสร้างความหายนะ เราคือยาห์เวห์ ผู้สร้างสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด" ข้อนี้ยืนยันว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างสูงสุด และทรงควบคุมทุกอย่างในโลก ไม่ว่าจะเป็นความสว่างหรือความมืด สันติภาพหรือความหายนะ (ในบริบทนี้หมายถึงภัยพิบัติหรือการลงโทษที่พระองค์อนุญาตให้เกิดขึ้น) สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าทรงเป็นต้นเหตุของความชั่วร้าย แต่หมายถึงพระองค์ทรงมีอำนาจอธิปไตยเหนือทุกสถานการณ์ รวมถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดด้วย เพื่อบรรลุพระประสงค์อันสมบูรณ์ของพระองค์
3. การยอมรับอำนาจและแผนการของพระเจ้า
พระเจ้าทรงท้าทายผู้ที่ตั้งคำถามถึงการกระทำของพระองค์ว่า "วิบัติแก่ผู้ที่โต้แย้งกับผู้สร้างของตน... ดินเหนียวจะกล่าวกับช่างปั้นหม้อว่า 'เจ้ากำลังทำอะไร?'" (อิสยาห์ 45:9) นี่คือการเตือนใจว่าเราไม่ควรตั้งคำถามหรือสงสัยในปัญญาและอำนาจของพระเจ้า เมื่อเราไม่เข้าใจวิธีการที่พระองค์ทรงงาน พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้สร้าง และเราเป็นเพียงสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น การยอมรับในอธิปไตยของพระองค์นำมาซึ่งความสงบสุข แม้ในยามที่เราไม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
4. พระเจ้าผู้ทรงซ่อนพระองค์และผู้ทรงเผยพระองค์เอง
อิสยาห์ 45:15 กล่าวว่า "พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ซ่อนพระองค์เอง" แต่ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงเผยพระองค์เองว่าเป็น "พระเจ้าของอิสราเอล พระผู้ช่วยให้รอด" ข้อคิดนี้แสดงให้เห็นว่า บางครั้งเราอาจรู้สึกเหมือนพระเจ้าทรงอยู่ห่างไกล หรือไม่เข้าใจแผนการของพระองค์ แต่ความจริงคือพระองค์ยังคงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด และทรงทำงานอยู่เบื้องหลังเสมอ พระองค์อาจจะซ่อนพระองค์เองจากสายตาของมนุษย์บางคน แต่พระองค์ก็ทรงพร้อมที่จะเผยสำแดงพระองค์แก่ผู้ที่แสวงหาพระองค์
5. การหันมาหาพระเจ้าเพื่อความรอด
พระเจ้าทรงเชื้อเชิญทุกคนว่า "จงหันมาหาเรา แล้วจะรอดเถิด เจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นที่สุดปลายแผ่นดินโลกเอ๋ย! เพราะเราคือพระเจ้า ไม่มีอื่นใดอีก" (อิสยาห์ 45:22) นี่คือคำเชื้อเชิญแห่งพระคุณให้ทุกคนกลับใจและหันมาหาพระองค์เพื่อรับความรอด พระองค์ทรงประกาศว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ และความรอดนั้นมาจากพระองค์เท่านั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนหรือเป็นใคร พระองค์ทรงพร้อมที่จะให้ความรอดแก่เรา
อิสยาห์ บทที่ 45 ย้ำเตือนเราถึงอธิปไตยอันสมบูรณ์ของพระเจ้าเหนือทุกสิ่ง พระองค์ทรงเป็นผู้สร้าง ผู้ควบคุม และผู้ที่กำหนดทิศทางของประวัติศาสตร์ พระองค์ทรงสามารถใช้ใครก็ได้เพื่อบรรลุพระประสงค์ของพระองค์ และทรงเชิญชวนทุกคนให้หันมาหาพระองค์เพื่อรับความรอด ข้อคิดเหล่านี้ช่วยให้เรามีความเชื่อมั่นในอำนาจและแผนการอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า แม้ในสถานการณ์ที่เราอาจไม่เข้าใจ