เรื่องย่อ
เยเรมีย์เผชิญกับการต่อต้านอย่างรุนแรงเมื่อเขาประกาศพระวจนะของพระเจ้าในพระวิหาร โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทรยศและถูกขู่ฆ่า แต่พระเจ้าทรงปกป้องเขา เยเรมีย์ส่งจดหมายไปยังผู้ถูกเนรเทศในบาบิโลน ให้พวกเขาสร้างบ้านเรือน แต่งงาน และตั้งรกรากอยู่ที่นั่น เพราะการเนรเทศจะยาวนานถึง 70 ปี เขาเตือนพวกเขาไม่ให้ฟังผู้เผยพระวจนะเท็จที่สัญญาว่าจะมีการกลับมาอย่างรวดเร็ว เยเรมีย์ยังพยากรณ์ถึงการพิพากษาที่จะมาถึงผู้เผยพระวจนะเท็จเหล่านั้นที่หลอกลวงประชากรของพระเจ้า บทเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและความสัตย์ซื่อของเยเรมีย์ในการประกาศพระวจนะของพระเจ้า แม้จะต้องเผชิญกับอันตราย และให้คำแนะนำแก่ผู้ถูกเนรเทศในการดำเนินชีวิตอย่างซื่อสัตย์ในต่างแดนในขณะที่รอคอยการฟื้นฟูของพระเจ้า
เยเรมีย์เผชิญหน้ากับผู้นำท้องถิ่นในสามเหตุการณ์ที่แตกต่างกัน ครั้งแรก พระเจ้าทรงส่งเขาไปเผยพระวจนะที่พระวิหาร ซึ่งอาจเป็นเรื่องราวเดียวกับในบทที่ 7 ที่กล่าวซ้ำ เขาถูกจับกุมและถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏและเผยพระวจนะเท็จ โทษสำหรับผู้เผยพระวจนะเท็จคือความตายและผู้กล่าวหาของเขาต้องการให้เขาตาย ในการตอบสนองต่อข้อกล่าวหา เยเรมีย์ชี้แจงคำตำหนิของเขาด้วยความมั่นใจและถ่อมตน ไว้วางใจในพระเจ้าโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ หลังจากได้ฟังเรื่องราวของเขา พวกเขาก็ปล่อยตัวเขา แต่ได้รับการไว้ชีวิตจากอาหิกัมบุตรชายชาฟาน
ต่อมา เยเรมีย์ได้พบกับกษัตริย์จากห้าชาติ และพระเจ้าทรงให้เขาทำการแสดงเชิงพยากรณ์โดยการสวมแอกเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าจะทรงทำให้ประชาชาติยอมจำนนต่อบาบิโลนและกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ พระเจ้าตรัสว่าบาบิโลนจะนำเครื่องเรือนในพระวิหารทั้งหมดไป แต่พระองค์จะทรงนำพวกเขากลับมายังเยรูซาเล็มเมื่อพระองค์พร้อม การเผชิญหน้าครั้งที่สามของเยเรมีย์คือกับผู้เผยพระวจนะฮานันยาห์ ผู้ซึ่งขัดแย้งกับคำพยากรณ์ของเยเรมีย์ ต่อมา พระเจ้าประทานข่าวสารแก่เยเรมีย์ว่าแอกไม้จะถูกแทนที่ด้วยแอกเหล็ก และฮานันยาห์จะต้องเผชิญกับโทษประหารชีวิตสำหรับการเป็นผู้เผยพระวจนะเท็จ
บทที่ 29 เล่าถึงคำกล่าวของเยเรมีย์ต่อผู้ถูกเนรเทศในบาบิโลน เตือนพวกเขาให้ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าในระหว่างที่ถูกจับเป็นเชลยเจ็ดสิบปี และอย่าฟังผู้เผยพระวจนะคนใดๆ ที่อยู่รอบข้างพวกเขา และเตือนว่าผู้ที่ไม่ได้ไปเป็นเชลยจะต้องถูกลงโทษ และพระเจ้าทรงกล่าวโทษและลงโทษผู้เผยพระวจนะเท็จชื่อเชไมอาห์โดยตรง ผู้ซึ่งทำให้เยเรมีย์อับอายและขัดแย้งกับเขา
ข้อคิด: เยเรมีย์ 26-29
ตลอดการเผชิญหน้าที่เยเรมีย์เผชิญหน้ากับการกล่าวหาเท็จ การคุกคามถึงชีวิต การกระทำของผู้ที่ทำลายแอก และการต่อต้านจากบุคคลเช่นเชไมอาห์ พระเจ้าทรงพิสูจน์พระองค์เองว่าเป็นผู้ปกป้องของเยเรมีย์ เยเรมีย์ถูกเรียกให้ยืนหยัดอย่างมั่นคงในพระวจนะของพระเจ้า วางใจในพระองค์ในสถานที่ที่พระเจ้าทรงวางเขาไว้ เช่นเดียวกับที่เขาแนะนำให้ผู้ถูกเนรเทศทำ การกระทำนี้เป็นไปได้เมื่อตระหนักถึงธรรมชาติที่ทรงทราบทุกสิ่งของพระเจ้า ดังที่กล่าวไว้ในเยเรมีย์ 29:23 "เราเป็นผู้ที่รู้" ให้ความมั่นใจว่าพระองค์สถิตอยู่กับเรา ทรงตระหนักถึงสถานการณ์ของเรา และเป็นบ่อเกิดแห่งความชื่นชมยินดี
คำถาม
1. เยเรมีย์เผชิญกับการต่อต้านและการข่มเหงเนื่องจากการประกาศข่าวสารของเขา แม้ว่ามันจะไม่เป็นที่นิยม ในโลกปัจจุบัน เราจะรวบรวมความกล้าหาญในการพูดความจริงด้วยความรักได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับการต่อต้านหรือการเยาะเย้ย
2. ในจดหมายถึงผู้ถูกเนรเทศ เยเรมีย์แนะนำให้พวกเขาตั้งรกราก ปลูกบ้าน และแสวงหาสวัสดิภาพของเมืองที่พวกเขาถูกนำไป ในคริสตจักรเราจะนำหลักการเหล่านี้ไปใช้ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนไทยได้อย่างไร
พระคัมภีร์เยเรมีย์ บทที่ 29 เป็นบทที่มีชื่อเสียงและให้ข้อคิดที่ทรงพลังหลายประการ โดยเฉพาะข้อความที่ว่า “เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทุกข์ภัย เพื่อจะให้อนาคตและความหวังแก่เจ้า” (เยเรมีย์ 29:11)
ต่อไปนี้คือข้อคิดสำคัญที่เราสามารถเรียนรู้จากบทนี้:
1. ความหวังในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
บทนี้เขียนขึ้นในช่วงที่ชาวอิสราเอลถูกเนรเทศไปยังบาบิโลน พวกเขาต้องเผชิญกับความสิ้นหวังและความทุกข์ใจอย่างหนัก แต่พระเจ้าทรงประทานถ้อยคำแห่งความหวังผ่านผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ โดยบอกให้พวกเขารู้ว่าถึงแม้สถานการณ์ภายนอกจะดูแย่เพียงใด พระเจ้าก็ยังมีแผนการที่ดีสำหรับพวกเขาเสมอ ข้อคิดนี้สอนให้เราไม่สิ้นหวังในยามวิกฤต เพราะพระเจ้าทรงเห็นถึงอนาคตของเรา
2. จงใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในที่ที่พระเจ้าทรงนำไป
พระเจ้าทรงสั่งให้ชาวยิวที่ถูกเนรเทศไปอยู่ที่นั่น สร้างบ้าน ปลูกสวน แต่งงาน มีลูก และอธิษฐานขอความเจริญให้เมืองที่พวกเขาอยู่ (เยเรมีย์ 29:5-7) นี่เป็นคำสั่งที่น่าประหลาดใจ เพราะปกติแล้วคนถูกเนรเทศจะรู้สึกว่าตนเองเป็นคนแปลกหน้าและไม่ควรจะสร้างรากฐานที่นั่น แต่พระเจ้ากำลังสอนให้พวกเขารู้ว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงเราวางใจ พระเจ้าก็สามารถใช้ชีวิตของเราให้เป็นพระพรได้ และเราก็ควรทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดในทุกที่ที่พระเจ้าทรงจัดวาง
3. อย่าหลงเชื่อคำพยากรณ์ที่ผิด
ในช่วงเวลานั้นมีผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหลายคนออกมาให้คำทำนายผิด ๆ ว่าการเป็นเชลยจะจบลงในไม่ช้า ทำให้ผู้คนมีความหวังจอมปลอม เยเรมีย์จึงต้องเตือนพวกเขาให้ระวังและไม่หลงเชื่อ ข้อคิดนี้เตือนให้เราพิจารณาว่าคำแนะนำที่เราได้รับนั้นมาจากพระเจ้าจริงหรือไม่ และให้ยึดมั่นในความจริงของพระคัมภีร์เสมอ
4. การอธิษฐานและการแสวงหาพระเจ้า
พระเจ้าทรงให้สัญญาว่า “เมื่อพวกเจ้าแสวงหาเรา เจ้าจะพบเรา เมื่อพวกเจ้าแสวงหาเราด้วยสุดใจ” (เยเรมีย์ 29:13) ข้อนี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า การที่เราจะเข้าใจแผนการของพระองค์และรับกำลังใจได้ เราต้องหมั่นอธิษฐานและแสวงหาพระองค์ด้วยความจริงใจ
เยเรมีย์ บทที่ 29 เป็นบทที่ให้กำลังใจอย่างยิ่ง โดยสอนให้เรามีความหวัง วางใจในแผนการของพระเจ้า ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในทุกสถานการณ์ และแสวงหาพระองค์อย่างจริงใจอยู่เสมอ