Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
มัทธิว 16

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
มาระโก 8

เรื่องย่อ

มัทธิว 16 และ มาระโก 8 นำเสนอช่วงเวลาสำคัญในการปฏิบัติศาสนกิจของพระเยซู เมื่อเหล่าสาวกเริ่มเข้าใจตัวตนของพระองค์และความสำคัญของการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์อย่างเต็มที่ เปโตรสารภาพว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ซึ่งพระเยซูทรงชมเชยและทรงประกาศว่าเปโตรเป็นศิลาที่พระองค์จะทรงสร้างคริสตจักรของพระองค์ อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงเปิดเผยว่าพระองค์จะต้องทนทุกข์ทรมาน สิ้นพระชนม์ และเป็นขึ้นมาจากความตาย ซึ่งเปโตรปฏิเสธ ทำให้พระเยซูทรงตำหนิอย่างรุนแรง พระเยซูทรงสอนสาวกของพระองค์ว่าพวกเขาต้องปฏิเสธตนเอง แบกกางเขน และติดตามพระองค์ หากพวกเขาต้องการที่จะรอดชีวิต พระเยซูทรงตรัสว่าพระองค์จะเสด็จมาในสง่าราศีของพระบิดาพร้อมด้วยเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ และจะทรงตอบแทนทุกคนตามการกระทำของเขา เหตุการณ์เหล่านี้เน้นถึงการเป็นพระเมสสิยาห์ของพระเยซู ความจำเป็นที่จะต้องทนทุกข์ทรมาน สิ้นพระชนม์ และเป็นขึ้นมาจากความตาย และการเรียกร้องให้เหล่าสาวกของพระองค์ติดตามพระองค์อย่างเต็มที่

 

หลังจากที่พระเยซูทรงตำหนิพวกฟาริสีและสะดูสี พระองค์ทรงเปลี่ยนข้อผิดพลาดนั้นให้เป็นบทเรียนโดยใช้สิ่งรอบข้างในคำอุปมาอย่างชาญฉลาด พระองค์ทรงอธิบายว่าคำสอนของพวกฟาริสีและสะดูสีเปรียบเสมือนเชื้อที่ปะปนอยู่ในสิ่งที่เชื่อกัน ซึ่งแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลกระทบต่อความเข้าใจโดยรวมได้มาก พระองค์ทรงเตือนว่าศีลธรรมเป็นเป้าหมายของคนในยุคนี้ แต่ถ้าศีลธรรมกลายเป็นเป้าหมายเดียว เราจะเน้นที่การกระทำภายนอกโดยไม่สนใจความรอดและความรักแท้จากพระเจ้า ซึ่งเป็นสาเหตุให้พระกิตติคุณถูกบิดเบือนและถูกครอบงำด้วยความคิดที่ผิด

พระองค์ทรงเตือนเหล่าสาวกด้วยความเมตตา เมื่อพวกเขาเข้าใจผิด พระองค์ทรงเน้นย้ำว่า “อย่ายื่นของบริสุทธิ์ให้แก่สุนัขและอย่าโยนไข่มุกให้แก่สุกร” (มัทธิว 7:6) เพื่อแสดงว่าความดีและความจริงก็ไม่สามารถเปลี่ยนจิตใจที่แข็งกระด้างได้ แม้แต่สิ่งที่เป็นจริงหรือดี ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจคนที่ไม่เปิดรับพระองค์ พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่าบางครั้งการรักษาและการพระราชทานความหวังคือการกระทำพระองค์เองอย่างพระเมตตา แม้บางเหตุการณ์จะดูรุนแรงและไม่คาดคิด เช่น การใช้น้ำลายในการรักษาคนตาบอด การกระทำเหล่านี้เป็นการแสดงฤทธิ์อำนาจสูงสุดของพระองค์ ที่เปิดเผยให้เห็นว่าพระองค์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการทำสิ่งง่ายๆ แต่พระองค์ทรงมีความอดทนและเตรียมการใช้ความสามารถของพระองค์ให้เต็มที่สุดเพื่อเสริมสร้างความเชื่อและความเข้าใจในตัวเองของเหล่าสาวกอย่างลึกซึ้ง

จากนั้น พระเยซูทรงพาเหล่าสาวกไปยังดินแดนที่เป็นพิธีกรรมบูชารูปเคารพ ซึ่งเต็มไปด้วยภาพความชั่วร้ายและการบูชายัญเด็ก พระองค์ทรงถามว่า “คนทั้งหลายคิดว่าเราเป็นใคร?” ซึ่งเป็นคำถามสำคัญ จากนั้นพระองค์ทรงถามกันเองในใจว่าพวกเขาเชื่อว่าใคร พระองค์ทรงรู้ดีว่าพวกเขาอาจคิดว่าเป็นพระเมสสิยาห์ตามคำพยานในดาเนียล 7:13 พระองค์ทรงประกาศคำมั่นบนคำตอบของเปโตรที่ว่า “ท่านคือพระคริสต์” และว่า “บนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเรา” (มัทธิว 16:18) เปโตรไม่ใช่รากฐานของคริสตจักร แต่คำประกาศของเขาเกี่ยวกับพระเจ้าแห่งความเป็นพระคริสต์ต่างหากคือส่วนสำคัญที่สุด พระองค์ทรงเป็นศิลามุมเอกที่ไม่มีวันพังทลาย หากหยุดยั้ง พระองค์จะเป็นรากฐานที่มั่นคงและคงอยู่ตลอดไป เป็นการย้ำให้เราเข้าใจว่าความมั่นคงของคริสตจักรเกิดจากความเป็นพระเจ้า พระองค์ทรงสร้างและรักษาไว้เพื่อความเป็นนิรันดร์ และบทบาทของเปโตรในฐานะผู้นำเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนนี้เท่านั้น ซึ่งแสดงให้เราเห็นว่าพระเยซูคือศิลามุกแห่งความหวังและความรอดในทุกยุคสมัย

 

ข้อคิด: มัทธิว 16; มาระโก 8

พระเยซูทรงรู้ดีว่าพระองค์จะเสด็จไปยังกางเขนในไม่ช้านี้ และพระองค์ทรงเตรียมอัครสาวกสำหรับความตายและผลที่ตามมา โดยทรงให้กำลังใจไม่ให้พวกเขาย่อท้อในช่วงเวลาที่ยากลำบาก พระองค์ทรงพาพวกเขาไปยังสถานที่ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้ และทรงประกาศให้พวกเขาเห็นว่า ความชั่วร้ายและอุปสรรคต่างๆ จะไม่สามารถหยุดอาณาจักรของพระองค์ได้ เพราะมันจะดำรงอยู่ตลอดไป พระองค์ยังทรงมอบภารกิจให้พวกเขาในการโจมตีประตูแห่งนรก ซึ่งไม่ใช่เพื่อป้องกัน แต่เป็นการโจมตีและชนะศัตรู โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นเราได้ เพราะเราเป็นผู้ชนะในพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระราชาของเราและเป็นที่ซึ่งความชื่นชมยินดีและความหวังของเราอยู่เสมอ

 

คำถาม

1.   ในมัทธิว 16:13-20 และมาระโก 8:27-30 พระเยซูทรงถามสาวกของพระองค์ว่าคนทั้งหลายคิดว่าพระองค์เป็นใคร และเปโตรประกาศว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ความสำคัญของความเข้าใจของเราเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของพระเยซูคืออะไร และความเชื่อมั่นนี้ส่งผลต่อชีวิตประจำวันและการตัดสินใจของเราอย่างไร?

2.   ในมัทธิว 16:21-28 และมาระโก 8:31-38 พระเยซูทรงเริ่มสอนสาวกของพระองค์ว่าพระองค์จะต้องทนทุกข์ทรมาน สิ้นพระชนม์ และทรงฟื้นคืนพระชนม์ เปโตรกล่าวติติงพระเยซู แต่พระเยซูทรงตอบว่าสาวกของพระองค์จะต้องปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตน และติดตามพระองค์ การมีความหมายของการปฏิเสธตนเอง การรับกางเขนของเรา และการติดตามพระเยซูในชีวิตคริสเตียนคืออะไร และเราจะทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร?

 

 

มัทธิว บทที่ 16 เป็นบทที่มีจุดเปลี่ยนสำคัญในพันธกิจของพระเยซู โดยมีการเปิดเผยตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของพระองค์ และตามมาด้วยคำทำนายที่ยากจะรับเกี่ยวกับการทนทุกข์ของพระองค์ รวมถึงการสอนเรื่องการเป็นสาวกที่แท้จริง

ข้อคิดสำคัญจากมัทธิวบทที่ 16 มีดังนี้:

1. การระวัง "เชื้อ" แห่งคำสอนผิด (มธ 16:1-12)

  • ตาบอดฝ่ายวิญญาณ: พวกฟาริสีและสะดูสีขอให้พระเยซูแสดงหมายสำคัญจากฟ้าสวรรค์ แต่พระองค์ทรงตำหนิพวกเขาว่าสามารถพยากรณ์อากาศจากสีของท้องฟ้าได้ แต่ไม่สามารถตีความหมายสำคัญของยุคสมัยได้เลย
  • คำเตือนถึงคำสอน: พระเยซูทรงเตือนสาวกให้ระวัง "เชื้อของพวกฟาริสีและสะดูสี" ซึ่งสาวกเข้าใจผิดว่าเป็นขนมปัง แต่พระองค์หมายถึง "คำสอนของพวกเขา"
  • ข้อคิด: เราต้องระมัดระวังอิทธิพลของคำสอนที่ผิดหรือการหน้าซื่อใจคดที่เน้นพิธีกรรมภายนอกมากกว่าความจริงจากพระเจ้า คำสอนที่ผิดนั้นแพร่กระจายเหมือนเชื้อที่ทำให้เสียไปทั้งก้อน

2. การเปิดเผยตัวตนและรากฐานของคริสตจักร (มธ 16:13-20)

  • คำสารภาพที่ยิ่งใหญ่: พระเยซูทรงถามสาวกว่า "พวกท่านคิดว่าเราเป็นใคร?" และเปโตรตอบด้วยการเปิดเผยจากพระเจ้าว่า "พระองค์เป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่" (มธ 16:16)
  • ศิลาแห่งคริสตจักร: พระเยซูทรงกล่าวว่า "ท่านคือเปโตร และบนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้" (มธ 16:18) "ศิลา" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเปโตรเอง แต่หมายถึงความจริงที่เปโตรยอมรับ คือ พระเยซูเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า นี่คือรากฐานที่มั่นคงและไม่มีพลังใดจะทำลายคริสตจักรได้ (ประตูแห่งแดนคนตายจะไม่มีชัยชนะต่อคริสตจักรนั้น)
  • ข้อคิด: ความเข้าใจที่ถูกต้องว่า พระเยซูคือพระเมสสิยาห์และพระบุตรของพระเจ้าเป็นความจริงสำคัญที่สุดและเป็นรากฐานของศรัทธาและคริสตจักร

3. ต้นทุนของการเป็นสาวก (มธ 16:21-28)

  • การทนทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ: พระเยซูทรงทำนายถึงการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์เป็นครั้งแรก เปโตรพยายามห้ามพระองค์แต่พระเยซูทรงตำหนิอย่างรุนแรงว่า "อ้ายซาตาน จงไปให้พ้นหน้าเรา!" (มธ 16:23) เพราะความคิดของเปโตรนั้น "คิดอย่างมนุษย์ ไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า" ที่ไม่ต้องการให้พระเมสสิยาห์ต้องทนทุกข์
  • การปฏิเสธตนเองและแบกกางเขน: พระเยซูทรงสอนว่า: "ถ้าใครใคร่จะตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตนเอง และแบกกางเขนของตนแล้วตามเรามา" (มธ 16:24) การเป็นสาวกต้องมีการ ปฏิเสธความปรารถนาส่วนตัว และยอมรับความยากลำบากหรือความอับอายเพื่อพระองค์
  • การแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่า: พระองค์เตือนว่า "ถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร?" (มธ 16:26)
  • ข้อคิด: ชีวิตคริสเตียนไม่ได้ง่ายดายและสะดวกสบาย แต่เป็นชีวิตแห่ง การสละและการเสียสละ เพื่อสิ่งที่มีค่าถาวรคือ ชีวิตนิรันดร์ การที่เราดำเนินชีวิตตามแนวคิดทางโลกเพื่อรักษาชีวิตในโลกนี้ไว้ จะทำให้เราสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไป

มัทธิว บทที่ 16 ท้าทายเราให้มีความเข้าใจที่แท้จริงว่าพระเยซูเป็นใคร (พระคริสต์และพระบุตรของพระเจ้า) ระวังอิทธิพลที่ทำลายความจริงและยอมรับต้นทุนที่ต้องแบกกางเขนและปฏิเสธตัวเองเพื่อติดตามพระองค์