เรื่องย่อ
ในมัทธิว บทที่ 23 และ ลูกา บทที่ 20-21 พระเยซูทรงประณามพวกธรรมาจารย์และฟาริสีอย่างรุนแรง โดยทรงกล่าวหาว่าพวกเขาเป็นคนหน้าซื่อใจคด พวกเขาเน้นที่การรักษารูปแบบภายนอกของศาสนา แต่ละเลยความยุติธรรม ความเมตตา และความซื่อสัตย์ พระองค์ทรงเปรียบพวกเขาเหมือนหลุมศพที่ฉาบด้วยปูนขาว ซึ่งดูสวยงามภายนอก แต่ภายในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและความโสมมทุกอย่าง พระองค์ทรงเตือนว่าพวกเขาจะได้รับการพิพากษาที่เข้มงวดกว่าคนอื่น ๆ ในลูกา บทที่ 21 พระเยซูทรงทำนายถึงการทำลายพระวิหารและกรุงเยรูซาเลม รวมถึงสัญญาณที่จะเกิดขึ้นก่อนวันสิ้นโลก พระองค์ทรงเตือนให้เหล่าสาวกเตรียมพร้อมและระมัดระวัง อย่าให้ใจของพวกเขาหนักไปด้วยการกินดื่มและการห่วงใยในชีวิตนี้ เพราะวันนั้นจะมาถึงโดยไม่ทันรู้ตัว
พระเยซูทรงเผชิญหน้ากับพวกฟาริสีในหลายประเด็น โดยเน้นที่ความหน้าซื่อใจคดและการให้ความสำคัญกับกฎภายนอกมากกว่าหัวใจที่ชอบธรรม มัทธิวบันทึกคำสอนเหล่านี้ไว้ในบทที่ 23 โดยที่พระเยซูทรงกล่าวถึงความวิบัติ 7 ประการต่อพวกฟาริสีที่ขัดขวางผู้อื่นจากการเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า เปลี่ยนคนให้เป็นคนหน้าซื่อใจคด ทำให้ความสำคัญของสัญลักษณ์สำคัญกว่าสาระสำคัญ ละเลยความยุติธรรมขณะที่ยึดมั่นในเรื่องเล็กน้อย ทำตัวชอบธรรมภายนอกขณะที่ภายในเต็มไปด้วยความโลภ และก่ออาชญากรรมเช่นเดียวกับบรรพบุรุษของตนที่ฆ่าผู้เผยพระวจนะ
พระเยซูทรงสอนผู้คนให้ฟังคำสอนของพวกฟาริสี เพราะพวกเขาตีความพระคัมภีร์ฮีบรู แต่พระองค์ทรงเตือนไม่ให้ลอกเลียนแบบการกระทำของพวกเขา ปัญหาคือ พวกเขาเพิ่มกฎของตนเองและโอ้อวดการปฏิบัติตามศาสนาของตน พระเยซูทรงชี้ให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งของพวกเขาในการทำหลักพระธรรมให้กว้างและทำพู่ให้ยาว ซึ่งเป็นเครื่องหมายภายนอกที่ควรจะเตือนใจพวกเขาถึงพระเจ้า แต่กลับถูกใช้เพื่อแสดงตนเอง
พระเยซูทรงเตือนสาวกของพระองค์ไม่ให้แสวงหาตำแหน่งหรือการยกย่องเหมือนพวกฟาริสี เพราะตำแหน่งเหล่านั้นส่งเสริมความเย่อหยิ่งและอำนาจ พระองค์ทรงตำหนิพวกฟาริสีที่ฆ่าผู้เผยพระวจนะ เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขาที่ฆ่าอาเบลและเศคาริยาห์ โดยทำนายว่าพระองค์จะเป็นเหยื่อรายต่อไป ความสำคัญอยู่ที่การดำเนินชีวิตด้วยความชอบธรรมมากกว่าการแสวงหาการยอมรับจากภายนอก และจงมุ่งเน้นที่สิ่งที่นิรันดร์มากกว่าสิ่งที่ไม่จีรัง
ข้อคิด: มัทธิว 23; ลูกา 20-21
ในลูกา 21:9 พระเยซูทรงเตือนว่าเมื่อได้ยินเรื่องสงครามและการจลาจล อย่าตกใจกลัว แม้เหตุการณ์เหล่านี้จะน่าสะพรึงกลัว แต่พระองค์ทรงรู้จุดจบและทรงตรัสด้วยสิทธิอำนาจ แม้ว่าพระองค์จะมิได้ตรัสว่าสิ่งต่างๆ จะไม่น่ากลัว แต่พระองค์ทรงสัญญาว่าเราจะไม่เผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ตามลำพัง และเราจะอยู่กับพระองค์ชั่วนิรันดร์ ความมืดใดๆ ที่เข้ามาหาเราไม่สามารถดับความสว่างของพระองค์ได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นความสุขที่แท้จริงของเรา
คำถาม
1. พระเยซูทรงประณามพวกธรรมาจารย์และฟาริสีว่าเป็นคนหน้าซื่อใจคด เราจะตรวจสอบตนเองอย่างไร เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้เป็นเหมือนพวกเขา โดยเน้นที่รูปแบบภายนอกของศาสนามากกว่าความจริงใจและความรัก? (คำถามนี้กระตุ้นให้พิจารณาถึงการตรวจสอบแรงจูงใจในการรับใช้พระเจ้า และการหลีกเลี่ยงการตัดสินผู้อื่น)
2. พระเยซูทรงเตือนให้เหล่าสาวกเตรียมพร้อมสำหรับวันสิ้นโลก เราจะดำเนินชีวิตอย่างไรในปัจจุบัน เพื่อให้พร้อมสำหรับการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ โดยไม่ปล่อยให้ความกังวลในชีวิตนี้มาบดบังความเชื่อของเรา? (คำถามนี้กระตุ้นให้พิจารณาถึงการใช้ชีวิตอย่างมีจุดประสงค์ และการให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีค่าถาวร)
มัทธิว บทที่ 23 เป็นบทที่พระเยซูทรงกล่าวตำหนิพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีอย่างรุนแรง เนื่องจาก ความหน้าซื่อใจคดของพวกเขา ซึ่งมีข้อคิดและบทเรียนสำคัญหลายประการสำหรับผู้เชื่อและทุกคนที่สนใจ ดังนี้ครับ:
1. การแยกแยะระหว่างคำสอนและการกระทำ (ข้อ 2-3):
o จงทำตามสิ่งที่เขาสอน แต่ห้ามทำตามที่เขาทำ: พระเยซูยอมรับว่าพวกธรรมาจารย์และฟาริสีกำลัง "นั่งบนธรรมาสน์ของโมเสส" หมายถึงพวกเขาสอนตามพระบัญญัติ แต่การกระทำของพวกเขาขัดแย้งกับคำสอนนั้นอย่างสิ้นเชิง
o บทเรียน: เราควรให้ความสำคัญกับความจริงของพระวจนะ ไม่ว่าผู้สอนจะเป็นใคร แต่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ที่ขาดความสัตย์ซื่อ
2. ภาระหนักกับความเฉยเมย (ข้อ 4):
o พวกเขาสั่งสอนให้คนอื่นทำตามกฎเกณฑ์ที่หนักอึ้ง แต่ตนเองกลับไม่ยอมทำตามหรือช่วยแบ่งเบาเลย
o บทเรียน: ผู้นำหรือผู้ที่สอนผู้อื่นต้องเป็นแบบอย่างในการประพฤติตนตามสิ่งที่ตนสอน และไม่ควรสร้างภาระที่เกินกำลังแก่ผู้อื่น
3. การแสวงหาเกียรติยศจากมนุษย์ (ข้อ 5-7):
o พวกเขาทำทุกอย่างเพื่อให้คนเห็น เช่น ขยายหลักพระวจนะให้ใหญ่ ทำเครื่องหมายเด่นชัด ชอบที่นั่งที่มีเกียรติ ชอบการคำนับและได้รับตำแหน่งยกย่อง
o บทเรียน: สิ่งที่น่าตำหนิคือการทำดีหรือทำศาสนกิจเพื่อความชื่นชมยินดีของมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า
4. การเป็นผู้รับใช้และการถ่อมตน (ข้อ 8-12):
o พระเยซูสอนว่าในหมู่พวกเราไม่มีใครเป็นนายหรืออาจารย์เพียงคนเดียว (นอกจากพระคริสต์และพระบิดาในสวรรค์)
o บทเรียน: ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือผู้รับใช้ และหลักการพื้นฐานคือผู้ที่ยกตนขึ้นจะถูกกดลง และผู้ที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกขึ้น นี่คือการกลับหลักการของโลก
5. ความหน้าซื่อใจคดและสิ่งที่สำคัญกว่า (ข้อ 13-24):
o พระองค์ทรงกล่าวคำว่า "วิบัติแก่พวกเจ้า" ถึงเจ็ดครั้ง เน้นย้ำถึงอันตรายของการเป็นคนสองหน้า
o พวกเขาปิดประตูแผ่นดินสวรรค์ ไม่ยอมเข้าไปเองและขัดขวางผู้อื่น
o พวกเขาใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อย (เช่น การถวายในเรื่องเครื่องเทศ) แต่ละเลยเรื่องสำคัญกว่าของธรรมบัญญัติ คือความยุติธรรม ความเมตตา และความเชื่อ (ข้อ 23)
o บทเรียน: ความรัก ความยุติธรรม และความเมตตา สำคัญยิ่งกว่าพิธีกรรมภายนอก และการทำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (เช่น การถวายสัตวบูชา) จะไม่มีความหมายหากจิตใจไม่บริสุทธิ์และไม่ใส่ใจในหลักการที่ใหญ่กว่าของพระเจ้า
6. การมองเห็นแต่ข้อบกพร่องของผู้อื่น (ข้อ 24):
o พวกเขากรองลูกน้ำ (เรื่องเล็กน้อย) แต่อาจกลืนตัวอูฐ (เรื่องใหญ่) เข้าไป
o บทเรียน: เตือนให้เราพิจารณาตนเองก่อนตัดสินผู้อื่น เราต้องกำจัดความหน้าซื่อใจคดและความบกพร่องที่ใหญ่หลวงในชีวิตเราเสียก่อน
มัทธิว 23 เป็นคำเตือนต่อการดำเนินชีวิตแบบเปลือกนอกที่ไร้ความจริงใจจากภายใน โดยเน้นย้ำว่าการเป็นผู้ติดตามพระเจ้าที่แท้จริงนั้นต้องมาพร้อมกับความสัตย์ซื่อ การถ่อมตน และการให้ความสำคัญกับหลักการที่ใหญ่กว่าของความยุติธรรม ความเมตตา และความเชื่อ เหนือกว่าการแสวงหาเกียรติยศหรือการทำพิธีกรรมที่ไร้จิตวิญญาณ