Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
มัทธิว 23

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
ลูกา 20

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
ลูกา 21

เรื่องย่อ

ในมัทธิว บทที่ 23 และ ลูกา บทที่ 20-21 พระเยซูทรงประณามพวกธรรมาจารย์และฟาริสีอย่างรุนแรง โดยทรงกล่าวหาว่าพวกเขาเป็นคนหน้าซื่อใจคด พวกเขาเน้นที่การรักษารูปแบบภายนอกของศาสนา แต่ละเลยความยุติธรรม ความเมตตา และความซื่อสัตย์ พระองค์ทรงเปรียบพวกเขาเหมือนหลุมศพที่ฉาบด้วยปูนขาว ซึ่งดูสวยงามภายนอก แต่ภายในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและความโสมมทุกอย่าง พระองค์ทรงเตือนว่าพวกเขาจะได้รับการพิพากษาที่เข้มงวดกว่าคนอื่น ๆ ในลูกา บทที่ 21 พระเยซูทรงทำนายถึงการทำลายพระวิหารและกรุงเยรูซาเลม รวมถึงสัญญาณที่จะเกิดขึ้นก่อนวันสิ้นโลก พระองค์ทรงเตือนให้เหล่าสาวกเตรียมพร้อมและระมัดระวัง อย่าให้ใจของพวกเขาหนักไปด้วยการกินดื่มและการห่วงใยในชีวิตนี้ เพราะวันนั้นจะมาถึงโดยไม่ทันรู้ตัว

 

พระเยซูทรงเผชิญหน้ากับพวกฟาริสีในหลายประเด็น โดยเน้นที่ความหน้าซื่อใจคดและการให้ความสำคัญกับกฎภายนอกมากกว่าหัวใจที่ชอบธรรม มัทธิวบันทึกคำสอนเหล่านี้ไว้ในบทที่ 23 โดยที่พระเยซูทรงกล่าวถึงความวิบัติ 7 ประการต่อพวกฟาริสีที่ขัดขวางผู้อื่นจากการเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า เปลี่ยนคนให้เป็นคนหน้าซื่อใจคด ทำให้ความสำคัญของสัญลักษณ์สำคัญกว่าสาระสำคัญ ละเลยความยุติธรรมขณะที่ยึดมั่นในเรื่องเล็กน้อย ทำตัวชอบธรรมภายนอกขณะที่ภายในเต็มไปด้วยความโลภ และก่ออาชญากรรมเช่นเดียวกับบรรพบุรุษของตนที่ฆ่าผู้เผยพระวจนะ

พระเยซูทรงสอนผู้คนให้ฟังคำสอนของพวกฟาริสี เพราะพวกเขาตีความพระคัมภีร์ฮีบรู แต่พระองค์ทรงเตือนไม่ให้ลอกเลียนแบบการกระทำของพวกเขา ปัญหาคือ พวกเขาเพิ่มกฎของตนเองและโอ้อวดการปฏิบัติตามศาสนาของตน พระเยซูทรงชี้ให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งของพวกเขาในการทำหลักพระธรรมให้กว้างและทำพู่ให้ยาว ซึ่งเป็นเครื่องหมายภายนอกที่ควรจะเตือนใจพวกเขาถึงพระเจ้า แต่กลับถูกใช้เพื่อแสดงตนเอง

พระเยซูทรงเตือนสาวกของพระองค์ไม่ให้แสวงหาตำแหน่งหรือการยกย่องเหมือนพวกฟาริสี เพราะตำแหน่งเหล่านั้นส่งเสริมความเย่อหยิ่งและอำนาจ พระองค์ทรงตำหนิพวกฟาริสีที่ฆ่าผู้เผยพระวจนะ เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขาที่ฆ่าอาเบลและเศคาริยาห์ โดยทำนายว่าพระองค์จะเป็นเหยื่อรายต่อไป ความสำคัญอยู่ที่การดำเนินชีวิตด้วยความชอบธรรมมากกว่าการแสวงหาการยอมรับจากภายนอก และจงมุ่งเน้นที่สิ่งที่นิรันดร์มากกว่าสิ่งที่ไม่จีรัง

Top of Form

 

ข้อคิด: มัทธิว 23; ลูกา 20-21

ในลูกา 21:9 พระเยซูทรงเตือนว่าเมื่อได้ยินเรื่องสงครามและการจลาจล อย่าตกใจกลัว แม้เหตุการณ์เหล่านี้จะน่าสะพรึงกลัว แต่พระองค์ทรงรู้จุดจบและทรงตรัสด้วยสิทธิอำนาจ แม้ว่าพระองค์จะมิได้ตรัสว่าสิ่งต่างๆ จะไม่น่ากลัว แต่พระองค์ทรงสัญญาว่าเราจะไม่เผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ตามลำพัง และเราจะอยู่กับพระองค์ชั่วนิรันดร์ ความมืดใดๆ ที่เข้ามาหาเราไม่สามารถดับความสว่างของพระองค์ได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นความสุขที่แท้จริงของเรา

 

คำถาม

1.   พระเยซูทรงประณามพวกธรรมาจารย์และฟาริสีว่าเป็นคนหน้าซื่อใจคด เราจะตรวจสอบตนเองอย่างไร เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้เป็นเหมือนพวกเขา โดยเน้นที่รูปแบบภายนอกของศาสนามากกว่าความจริงใจและความรัก? (คำถามนี้กระตุ้นให้พิจารณาถึงการตรวจสอบแรงจูงใจในการรับใช้พระเจ้า และการหลีกเลี่ยงการตัดสินผู้อื่น)

2.   พระเยซูทรงเตือนให้เหล่าสาวกเตรียมพร้อมสำหรับวันสิ้นโลก เราจะดำเนินชีวิตอย่างไรในปัจจุบัน เพื่อให้พร้อมสำหรับการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ โดยไม่ปล่อยให้ความกังวลในชีวิตนี้มาบดบังความเชื่อของเรา? (คำถามนี้กระตุ้นให้พิจารณาถึงการใช้ชีวิตอย่างมีจุดประสงค์ และการให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีค่าถาวร)

 

 

มัทธิว บทที่ 23 เป็นบทที่พระเยซูทรงกล่าวตำหนิพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีอย่างรุนแรง เนื่องจาก ความหน้าซื่อใจคดของพวกเขา ซึ่งมีข้อคิดและบทเรียนสำคัญหลายประการสำหรับผู้เชื่อและทุกคนที่สนใจ ดังนี้ครับ:

1.      การแยกแยะระหว่างคำสอนและการกระทำ (ข้อ 2-3):

o    จงทำตามสิ่งที่เขาสอน แต่ห้ามทำตามที่เขาทำ: พระเยซูยอมรับว่าพวกธรรมาจารย์และฟาริสีกำลัง "นั่งบนธรรมาสน์ของโมเสส" หมายถึงพวกเขาสอนตามพระบัญญัติ แต่การกระทำของพวกเขาขัดแย้งกับคำสอนนั้นอย่างสิ้นเชิง

o    บทเรียน: เราควรให้ความสำคัญกับความจริงของพระวจนะ ไม่ว่าผู้สอนจะเป็นใคร แต่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ที่ขาดความสัตย์ซื่อ

2.      ภาระหนักกับความเฉยเมย (ข้อ 4):

o    พวกเขาสั่งสอนให้คนอื่นทำตามกฎเกณฑ์ที่หนักอึ้ง แต่ตนเองกลับไม่ยอมทำตามหรือช่วยแบ่งเบาเลย

o    บทเรียน: ผู้นำหรือผู้ที่สอนผู้อื่นต้องเป็นแบบอย่างในการประพฤติตนตามสิ่งที่ตนสอน และไม่ควรสร้างภาระที่เกินกำลังแก่ผู้อื่น

3.      การแสวงหาเกียรติยศจากมนุษย์ (ข้อ 5-7):

o    พวกเขาทำทุกอย่างเพื่อให้คนเห็น เช่น ขยายหลักพระวจนะให้ใหญ่ ทำเครื่องหมายเด่นชัด ชอบที่นั่งที่มีเกียรติ ชอบการคำนับและได้รับตำแหน่งยกย่อง

o    บทเรียน: สิ่งที่น่าตำหนิคือการทำดีหรือทำศาสนกิจเพื่อความชื่นชมยินดีของมนุษย์ ไม่ใช่เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า

4.      การเป็นผู้รับใช้และการถ่อมตน (ข้อ 8-12):

o    พระเยซูสอนว่าในหมู่พวกเราไม่มีใครเป็นนายหรืออาจารย์เพียงคนเดียว (นอกจากพระคริสต์และพระบิดาในสวรรค์)

o    บทเรียน: ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือผู้รับใช้ และหลักการพื้นฐานคือผู้ที่ยกตนขึ้นจะถูกกดลง และผู้ที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกขึ้น นี่คือการกลับหลักการของโลก

5.      ความหน้าซื่อใจคดและสิ่งที่สำคัญกว่า (ข้อ 13-24):

o    พระองค์ทรงกล่าวคำว่า "วิบัติแก่พวกเจ้า" ถึงเจ็ดครั้ง เน้นย้ำถึงอันตรายของการเป็นคนสองหน้า

o    พวกเขาปิดประตูแผ่นดินสวรรค์ ไม่ยอมเข้าไปเองและขัดขวางผู้อื่น

o    พวกเขาใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อย (เช่น การถวายในเรื่องเครื่องเทศ) แต่ละเลยเรื่องสำคัญกว่าของธรรมบัญญัติ คือความยุติธรรม ความเมตตา และความเชื่อ (ข้อ 23)

o    บทเรียน: ความรัก ความยุติธรรม และความเมตตา สำคัญยิ่งกว่าพิธีกรรมภายนอก และการทำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (เช่น การถวายสัตวบูชา) จะไม่มีความหมายหากจิตใจไม่บริสุทธิ์และไม่ใส่ใจในหลักการที่ใหญ่กว่าของพระเจ้า

6.      การมองเห็นแต่ข้อบกพร่องของผู้อื่น (ข้อ 24):

o    พวกเขากรองลูกน้ำ (เรื่องเล็กน้อย) แต่อาจกลืนตัวอูฐ (เรื่องใหญ่) เข้าไป

o    บทเรียน: เตือนให้เราพิจารณาตนเองก่อนตัดสินผู้อื่น เราต้องกำจัดความหน้าซื่อใจคดและความบกพร่องที่ใหญ่หลวงในชีวิตเราเสียก่อน

มัทธิว 23 เป็นคำเตือนต่อการดำเนินชีวิตแบบเปลือกนอกที่ไร้ความจริงใจจากภายใน โดยเน้นย้ำว่าการเป็นผู้ติดตามพระเจ้าที่แท้จริงนั้นต้องมาพร้อมกับความสัตย์ซื่อ การถ่อมตน และการให้ความสำคัญกับหลักการที่ใหญ่กว่าของความยุติธรรม ความเมตตา และความเชื่อ เหนือกว่าการแสวงหาเกียรติยศหรือการทำพิธีกรรมที่ไร้จิตวิญญาณ