Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
มัทธิว 22

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
มาระโก 12

เรื่องย่อ

ในมัทธิว บทที่ 22 และ มาระโก บทที่ 12 พระเยซูทรงเผชิญหน้ากับคำถามท้าทายจากพวกฟาริสี พวกเฮโรด และพวกสะดูสี พวกเขาพยายามจับผิดพระองค์ด้วยคำถามเกี่ยวกับเรื่องภาษี การฟื้นคืนชีพ และบทบัญญัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พระเยซูทรงตอบคำถามเหล่านี้ด้วยสติปัญญาและความเฉลียวฉลาด โดยทรงแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในพระคัมภีร์และความสามารถในการโต้ตอบกับความเชื่อที่แตกต่างกัน พระองค์ทรงสอนว่าควรให้สิ่งที่ของซีซาร์แก่ซีซาร์ และสิ่งที่ของพระเจ้าแก่พระเจ้า พระองค์ทรงยืนยันว่าบทบัญญัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการรักพระเจ้าด้วยสุดใจ สุดจิต และสุดความคิด และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง พระองค์ยังทรงเตือนถึงพวกธรรมาจารย์ที่ชอบโอ้อวดและแสวงหาเกียรติยศจากมนุษย์ ในมาระโก บทที่ 12 พระเยซูทรงสังเกตหญิงม่ายยากจนที่ใส่เหรียญทองแดงสองอันลงในตู้บริจาค และทรงบอกว่าเธอได้ใส่มากกว่าทุกคน เพราะเธอได้ให้ทุกสิ่งที่เธอมี

 

อุปมาเรื่องงานเลี้ยงสมรสและเรื่องผู้เช่าสวนมีองค์ประกอบที่เหมือนกันหลายประการ ได้แก่ เจ้านาย บุตรชาย การส่งผู้รับใช้ การปฏิเสธ การฆ่าผู้รับใช้ ความยุติธรรมสำหรับผู้ปฏิเสธ และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น ในอุปมาเรื่องงานเลี้ยงสมรส การเชิญทั้งคนดีและคนเลวทำให้พวกฟาริสีขุ่นเคือง การมีเสื้อคลุมสำหรับงานแต่งงานเป็นสิ่งจำเป็นในการเข้าร่วมงานเลี้ยง ซึ่งอาจเป็นสัญลักษณ์ของเสื้อคลุมแห่งความชอบธรรมที่พระเจ้าประทานแก่ผู้ติดตามของพระองค์

พวกฟาริสีและผู้นำศาสนาพยายามล่อให้พระเยซูติดกับด้วยคำถามเกี่ยวกับภาษี โดยหวังว่าจะทำให้พระองค์ต้องเลือกระหว่างการเชื่อฟังโรมหรือการสนับสนุนการกบฏ พระเยซูทรงตอบว่าการจ่ายภาษีเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเคารพอำนาจที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งไว้ แม้ว่าอำนาจเหล่านั้นจะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม พวกสะดูสีพยายามทำให้พระเยซูสับสนด้วยคำถามเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพและการแต่งงานแบบเลวี แต่พระเยซูทรงตอบว่าในแผ่นดินสวรรค์ ผู้คนจะเหมือนทูตสวรรค์ที่ไม่แต่งงาน และพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าอับราฮัม อิสอัค และยาโคบยังมีชีวิตอยู่

ในการสนทนากับธรรมาจารย์ พระเยซูทรงสรุปพระบัญญัติทั้งหมด 613 ข้อในพันธสัญญาเดิมเป็นสองข้อ ได้แก่ ความรักต่อพระเจ้าและการรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ธรรมาจารย์รู้สึกประทับใจ และพระเยซูตรัสว่าเขา "ไม่ไกลจากแผ่นดินของพระเจ้าแล้ว" พระเยซูทรงถามว่าพระเมสสิยาห์จะเป็นเชื้อสายของดาวิดได้อย่างไร แต่ในขณะเดียวกันก็มีอยู่ก่อนดาวิด โดยเน้นย้ำถึงพระลักษณะอันเป็นนิรันดร์ของพระองค์ พระเยซูทรงเตือนผู้คนให้ระวังการโอ้อวดและการกระทำที่มุ่งให้คนเห็น โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความจริงใจและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

 

ข้อคิด: มัทธิว 22; มาระโก 12

พระเยซูทรงดึงดูดคนจนและคนบาป ซึ่งเป็นผู้ที่โลกมักมองข้าม โดยทรงเน้นย้ำถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อผู้ที่ไม่มีอะไรจะเสนอให้ ในความสัมพันธ์นี้ พระองค์ทรงเป็นผู้เดียวที่มีทุกสิ่งให้แล้ว เพราะทุกสิ่งที่เรามอบให้พระองค์นั้นคือสิ่งที่พระองค์ประทานให้เราแต่เดิม วงจรแห่งการให้และการรับนี้เริ่มต้นและจบลงที่พระองค์ และการมีส่วนร่วมในวงจรนี้เติมเต็มหัวใจของเราด้วยความชื่นชมยินดี เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของพระเจ้าในการเชิญชวนเราให้มีส่วนร่วมในความสมบูรณ์ของพระองค์ ซึ่งเป็นที่ซึ่งความชื่นชมยินดีที่แท้จริงพบได้

คำถาม

1.   พระเยซูทรงสอนว่าเราควร "ให้สิ่งที่ของซีซาร์แก่ซีซาร์ และสิ่งที่ของพระเจ้าแก่พระเจ้า" เราจะรักษาสมดุลระหว่างการเป็นพลเมืองที่ดีและการดำเนินชีวิตตามความเชื่อของเราได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกฎหมายของบ้านเมืองขัดแย้งกับหลักการในพระคัมภีร์? (คำถามนี้กระตุ้นให้พิจารณาถึงการมีส่วนร่วมในสังคมอย่างมีความรับผิดชอบ และการยืนหยัดเพื่อความจริง)

2.   พระเยซูทรงยกย่องหญิงม่ายยากจนที่ใส่เหรียญทองแดงสองอันลงในตู้บริจาค เราจะเรียนรู้ที่จะให้ด้วยใจกว้างและเสียสละได้อย่างไร แม้ว่าเราจะมีทรัพย์สมบัติน้อย? (คำถามนี้กระตุ้นให้พิจารณาถึงการให้ที่ไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนเงิน แต่ขึ้นอยู่กับเจตนาและความรัก)

 

 

มาระโก บทที่ 12 มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่คำสอนและการเผชิญหน้าของพระเยซูกับผู้นำศาสนาในกรุงเยรูซาเล็ม ข้อคิดหลักๆ ได้แก่:

1. อุปมาเรื่องคนเช่าสวนองุ่น (มก. 12:1-12)

  • การปฏิเสธพระเจ้าและผู้ส่งสาร: อุปมานี้ชี้ให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอลและผู้นำศาสนา ที่ปฏิเสธและทำร้ายผู้เผยพระวจนะที่พระเจ้าทรงส่งมา และในที่สุดก็ตั้งใจจะฆ่า พระบุตรสุดที่รัก (พระเยซู) เพื่อยึดอำนาจของตนเอง
  • พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของ: พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่ง และทรงคาดหวังผลตอบแทน (ความเชื่อฟังและการถวายเกียรติ) จากสิ่งที่เราได้รับมอบหมาย
  • ศิลาหัวมุม: พระเยซูคือ "หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม" (ข้อ 10-11) ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่ถูกปฏิเสธโดยผู้นำศาสนา จะกลายเป็นส่วนสำคัญที่สุดของแผนการของพระเจ้า

2. การเสียส่วยแก่ซีซาร์ (มก. 12:13-17)

  • การแยกแยะหน้าที่: เมื่อถูกถามว่าควรเสียส่วยให้ซีซาร์หรือไม่ พระเยซูตอบว่า "ของของซีซาร์ จงถวายแด่ซีซาร์ และของของพระเจ้า จงถวายแด่พระเจ้า"
  • ความรับผิดชอบต่อรัฐและต่อพระเจ้า: เป็นการสอนให้เห็นว่า คริสเตียนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อรัฐบาลและสังคมที่ตนอาศัยอยู่ (เช่น การเคารพกฎหมาย การเสียภาษี) แต่ในขณะเดียวกัน ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของพระเจ้า ดังนั้นหน้าที่สูงสุดของเราคือการถวายทุกสิ่งแด่พระเจ้า

3. การโต้เถียงเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย (มก. 12:18-27)

  • ความจริงเรื่องชีวิตนิรันดร์: พระเยซูทรงแก้ไขความเข้าใจผิดของพวกสะดูสี (ผู้ไม่เชื่อเรื่องการกลับคืนชีพ) โดยยืนยันว่า มีการเป็นขึ้นมาจากความตายจริง และในโลกหน้าชีวิตจะแตกต่างจากชีวิตปัจจุบัน
  • พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของคนเป็น: พระองค์ยืนยันว่าพระเจ้าคือพระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่กับพระองค์ในนิรันดร์

4. บัญญัติที่สำคัญที่สุด (มก. 12:28-34)

  • พระบัญญัติเอก: เมื่อมีคนถามถึงพระบัญญัติข้อที่สำคัญที่สุด พระเยซูตรัสว่า:

1.      "จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจ ด้วยสุดจิต ด้วยสุดความคิด และด้วยสุดกำลังของท่าน" (มก. 12:30)

2.      "จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง" (มก. 12:31)

  • หัวใจของธรรมบัญญัติ: พระเยซูสรุปว่า ไม่มีพระบัญญัติข้อใดที่สำคัญยิ่งไปกว่าสองข้อนี้ เพราะการรักพระเจ้าอย่างสุดใจจะนำไปสู่การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง และการรักเพื่อนบ้านคือการสะท้อนความรักต่อพระเจ้าที่เรามี

5. การถวายของหญิงม่าย (มก. 12:41-44)

  • การประเมินค่าที่แท้จริง: พระเยซูทรงชื่นชมหญิงม่ายที่ถวายเงินเล็กน้อย (สองเหรียญ) เพราะว่า:
    • การถวายนั้นมาจากความขาดแคลน: เธอได้สละ "ทั้งสิ่งที่เธอมีสำหรับใช้จ่ายเลี้ยงชีพ" (ข้อ 44)
    • พระเจ้าทรงมองที่ใจ: การประเมินค่าของพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณของสิ่งที่ถวาย แต่ขึ้นอยู่กับความเสียสละ และ แรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังการถวายนั้น

มาระโก บทที่ 12 สอนเราให้เห็นถึง ความสำคัญของการรักพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด และให้เราใช้ชีวิตอย่างรับผิดชอบทั้งต่อพระเจ้าและต่อโลกนี้ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า การถวายและการดำเนินชีวิตที่มาจากความรักแท้จริงและด้วยการเสียสละ นั้นมีคุณค่าอย่างยิ่งในสายพระเนตรของพระเจ้า