เรื่องย่อ
ในมาระโก บทที่ 11 และ ยอห์น บทที่ 12 เล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนการตรึงกางเขนของพระเยซู พระเยซูทรงเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเลมอย่างสง่าผ่าเผย โดยประทับบนลูกลา และประชาชนปูเสื้อผ้าและกิ่งไม้ตามทาง โห่ร้องสรรเสริญพระองค์ว่าเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงชำระพระวิหาร ขับไล่พ่อค้าและคนแลกเงินออกไป พระองค์ทรงสอนในพระวิหารและตอบคำถามของผู้คน ในยอห์น บทที่ 12 เล่าถึงการเจิมพระบาทของพระเยซูด้วยน้ำมันหอมราคาแพงโดยมารีย์น้องสาวของลาซารัส ซึ่งเป็นการแสดงความรักและการเตรียมพระศพของพระองค์สำหรับการฝัง พระเยซูทรงยืนยันการกระทำของเธอ การฟื้นคืนชีพของลาซารัสทำให้ผู้คนจำนวนมากเชื่อในพระเยซู แต่ก็ทำให้พวกปุโรหิตใหญ่และฟาริสีวางแผนที่จะประหารทั้งพระเยซูและลาซารัส
พระเยซูและอัครสาวกของพระองค์เสด็จไปยังชานเมืองเยรูซาเล็มเพื่อพักค้างคืน เช้าวันต่อมา ขณะที่พวกเขาเดินทางกลับเข้าไปในเมือง พวกเขาได้พบกับต้นมะเดื่อที่พระเยซูทรงสาปแช่ง เปโตรสังเกตว่าต้นไม้นั้นเหี่ยวแห้งไปถึงรากแล้ว พระเยซูทรงใช้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสในการสอนแก่เปโตร โดยเน้นถึงความสำคัญของความเชื่อ การอธิษฐาน และการให้อภัย
มารีย์ มาร์ธา และลาซารัสจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำให้พระเยซูและอัครสาวกของพระองค์ ขณะที่มาร์ธากำลังเตรียมอาหาร มารีย์ได้แสดงความจงรักภักดีอย่างลึกซึ้งโดยการชโลมพระบาทของพระเยซูด้วยน้ำมันหอมราคาแพงและเช็ดพระบาทของพระองค์ด้วยผมของเธอ การกระทำที่ถ่อมตัวนี้แสดงให้เห็นถึงความเคารพและรักใคร่ที่ยิ่งใหญ่ของเธอต่อพระเยซู ยูดาสซึ่งเป็นเหรัญญิกของกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของเธอ โดยอ้างถึงข้อกังวลเกี่ยวกับการกุศล แต่ความตั้งใจที่แท้จริงของเขาคือการขโมยเงิน พระเยซูทรงปกป้องมารีย์ โดยกล่าวว่าการกระทำของเธอเป็นการเตรียมตัวสำหรับงานศพของพระองค์
เมื่อข่าวลือเรื่องการประทับอยู่ของพระเยซูในเมืองแพร่กระจายออกไป ฝูงชนจำนวนมากก็มาชุมนุมกันเพื่อพบพระองค์และลาซารัส ซึ่งเป็นผู้ที่พระเยซูทรงชุบให้ฟื้นคืนพระชนม์ บรรดาผู้นำรู้สึกไม่พอใจกับการตอบสนองของผู้คน และถึงกับวางแผนที่จะสังหารลาซารัส สาวกต่างชาติสองสามคนที่ตระหนักว่าพระเยซูคือพระเมสสิยาห์ปรารถนาที่จะพบพระองค์ พระเยซูทรงกล่าวถึงความทุกข์ทรมานที่กำลังจะมาถึงของพระองค์และการเสียสละที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อความรอดของมวลมนุษยชาติ พระองค์ทรงยืนยันว่าแม้ว่าพระองค์จะทรงเศร้าโศก แต่พระองค์ทรงยอมรับแผนการของพระบิดา เพราะไม่มีหนทางอื่นใดที่จะคืนดีมวลมนุษยชาติกับพระเจ้าได้
ข้อคิด: มาระโก 11; ยอห์น 12
พระเยซูทรงสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีวิต สั่งการสภาพอากาศได้ และทำให้อาหารปรากฏขึ้นได้ แต่พระองค์ทรงยอมจำนนต่อพระบิดาด้วยความถ่อมใจ พระเยซูคือพระบุตรของพระเจ้า ไม่ใช่แค่ผู้เผยพระวจนะที่ทรงพลังหรือครูสอนศีลธรรมที่ดี พระองค์ทรงอ้างซ้ำๆ ว่าเป็นพระเจ้าเอง และพระบิดาทรงยืนยัน พระเยซูคือพระเจ้าและยังคงเชื่อฟังพระเจ้า แสดงให้เห็นถึงการยอมจำนนด้วยความถ่อมใจในระดับที่สูงกว่าที่เราสามารถทำได้ พระองค์คือที่ซึ่งความชื่นชมยินดีอยู่!
คำถาม
1. ประชาชนต้อนรับพระเยซูด้วยการโห่ร้องสรรเสริญและปูเสื้อผ้าตามทาง เราจะแสดงความเคารพและให้เกียรติพระเยซูในชีวิตประจำวันได้อย่างไร นอกเหนือจากการนมัสการในโบสถ์? (คำถามนี้กระตุ้นให้พิจารณาถึงการดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าในทุกด้าน)
2. มารีย์เจิมพระบาทของพระเยซูด้วยน้ำมันหอมราคาแพง ซึ่งเป็นการแสดงความรักและการเสียสละ เราจะแสดงความรักและความขอบคุณต่อพระเยซูด้วยการเสียสละสิ่งที่มีค่าสำหรับเราได้อย่างไร? (คำถามนี้กระตุ้นให้พิจารณาถึงการให้ด้วยใจกว้าง และการจัดลำดับความสำคัญของพระเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด)
ยอห์น บทที่ 12 เป็นเหตุการณ์สำคัญในช่วงก่อนที่พระเยซูจะเข้าสู่สัปดาห์แห่งความทุกข์ทรมาน (Passion Week) มีข้อคิดดังนี้ครับ:
1. การนมัสการและการเสียสละที่แท้จริง (ข้อ 1-8)
- ความรักและการถวายสุดจิตใจ: เหตุการณ์ที่มารีย์เทน้ำมันหอมราคาแพงชโลมพระบาทพระเยซูและใช้ผมเช็ด เป็นแบบอย่างของการ นมัสการ และ ความรักที่ไม่มีการยับยั้ง (Extravagant devotion) พระเยซูทรงตีความว่าการกระทำนี้เป็นการเตรียมพระองค์ไว้สำหรับการฝังพระศพ
- ความขัดแย้งเรื่องการใช้จ่าย: มีความขัดแย้งระหว่างความรักที่บริสุทธิ์ของมารีย์กับความโลภและการวิจารณ์ของยูดาส อิสคาริโอท (ที่ต้องการให้เอาเงินนั้นไปทำทาน) ประเด็นคือ การให้ความสำคัญกับการตอบสนองต่อพระเยซูเหนือกว่าสิ่งอื่นใด
2. การเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้มีชัยชนะ (ข้อ 12-19)
- การสำแดงความเป็นพระมหากษัตริย์: ประชาชนโห่ร้องต้อนรับพระเยซูเหมือนกษัตริย์ โดยใช้ใบอินทผลัมและร้องว่า "โฮซันนา" (ขอพระองค์โปรดช่วยให้รอด)
- การสำเร็จตามคำพยากรณ์: การที่พระเยซูเสด็จมาบนลูกลา เป็นการสำเร็จตามคำพยากรณ์ในพระธรรมเศคาริยาห์ (ยอห์น 12:15) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระองค์คือพระเมสสิยาห์ที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้
3. การสิ้นพระชนม์เพื่อเกิดผล (ข้อ 23-26)
- หลักการของเมล็ดข้าวที่ต้องตาย: ข้อความที่ว่า "ถ้าเมล็ดข้าวไม่ตกลงดินและตายไป ก็จะเป็นเมล็ดเดียว แต่ถ้าตายไปก็จะงอกเกิดผลมาก" (ข้อ 24) เป็นหลักข้อคิดสำคัญที่สุดข้อหนึ่งในบทนี้ หมายถึง:
- การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู: การสละชีวิตของพระองค์จะนำมาซึ่งความรอด (ผลมาก) แก่ผู้คนมากมาย
- การติดตามพระองค์ (การเป็นสาวก): ผู้ที่ต้องการรับใช้และเป็นเหมือนพระองค์ ต้องเต็มใจ "เกลียดชังชีวิตของตนในโลกนี้" หรือไม่ยึดติดกับชีวิตเดิม เพื่อจะได้มีชีวิตนิรันดร์ ความหมายคือ ต้องยอมเสียสละตัวตนเดิมเพื่อรับการทรงนำของพระเจ้า
4. การถูกยกขึ้นและการดึงดูดผู้คน (ข้อ 27-33)
- ชั่วโมงแห่งพระสิริ: พระเยซูทรงตระหนักดีว่า "ชั่วโมง" แห่งการถูกยกขึ้นบนกางเขนใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่พระองค์จะ "ได้รับพระเกียรติ" ผ่านการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์
- การถูกยกขึ้นเพื่อดึงดูด: พระเยซูตรัสว่าเมื่อพระองค์ "ถูกยกขึ้นจากแผ่นดินโลก" (หมายถึงการถูกตรึงกางเขน) พระองค์จะ "ดึงดูดทุกคนเข้ามาหาพระองค์" (ข้อ 32) นี่คือแผนการของพระเจ้าในการช่วยกู้โลก
5. การแยกแยะระหว่างความเชื่อและการไม่เชื่อ (ข้อ 37-50)
- การปฏิเสธท่ามกลางปาฏิหาริย์: แม้พระเยซูจะทรงกระทำหมายสำคัญมากมาย แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อ ซึ่งเป็นไปตามคำพยากรณ์ของอิสยาห์ (ข้อ 38)
- ความสว่างและการพิพากษา: พระเยซูทรงประกาศว่าพระองค์เสด็จมาเป็น "ความสว่าง" สำหรับโลกนี้ (ข้อ 46) ผู้ที่เชื่อในความสว่างนั้นจะกลายเป็นบุตรของความสว่าง แต่ผู้ที่ปฏิเสธพระวจนะของพระองค์ ก็จะมีพระวจนะนั้นเองเป็นผู้พิพากษาในวันสุดท้าย (ข้อ 48)
ยอห์น บทที่ 12 เน้นย้ำถึง การทรงเป็นพระเมสสิยาห์ของพระเยซู, ความจำเป็นของการเสียสละ (ตามหลักการของเมล็ดข้าวที่ต้องตาย) เพื่อให้เกิดผลแห่งชีวิตใหม่ และ การเลือกที่ทุกคนต้องทำคือการเชื่อในความสว่างหรือการเดินอยู่ในความมืด