Thai Mission Reading Plan 2025

อ่านพระคัมภีร์ให้สนุกและเกิดผลในหนึ่งปี มีข้อคิดที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ทุกตอน


Started on: Jan. 1, 2025

ร่วมกลุ่มอ่านพระคัมภีร์ในแผนนี้

อ่านพระคัมภีร์ | READ SCRIPTURES

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
กาลาเทีย 4

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
กาลาเทีย 5

THSV11 NIV AMP TNCV NASB NKJV NLT ESV
กาลาเทีย 6

เรื่องย่อ

ในกาลาเทียบทที่ 4-6 เปาโลสานต่อข้อโต้แย้งเรื่องเสรีภาพในพระคริสต์อย่างเข้มข้น โดยเปรียบเทียบการเป็นทาสภายใต้ธรรมบัญญัติกับการเป็นบุตรของพระเจ้าที่ได้รับเสรีภาพผ่านความเชื่อ พร้อมยกตัวอย่างจากเรื่องราวของนางฮาการ์และนางซาราห์เพื่อแสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาแห่งธรรมบัญญัติและพันธสัญญาแห่งพระคุณ ท่านกระตุ้นให้ผู้เชื่อยืนหยัดในเสรีภาพที่พระคริสต์ประทานให้ และไม่กลับไปติดแอกแห่งการเป็นทาสอีกครั้ง เน้นย้ำว่าเสรีภาพนี้ไม่ใช่ใบอนุญาตให้ทำบาป แต่เป็นโอกาสที่จะรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก เปาโลยังชี้ให้เห็นความขัดแย้งระหว่างการดำเนินชีวิตตามฝ่ายเนื้อหนังกับการดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ โดยเรียกร้องให้ผู้เชื่อดำเนินชีวิตโดยพระวิญญาณเพื่อจะเกิดผลของพระวิญญาณ สุดท้าย ท่านหนุนใจให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รับผิดชอบภาระของตนเอง และทำความดีแก่ทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในครอบครัวแห่งความเชื่อ และสรุปด้วยการประกาศว่าท่านจะไม่อวดในสิ่งใดนอกจากกางเขนของพระเยซูคริสต์ ซึ่งทำให้โลกถูกตรึงไว้แล้วสำหรับท่าน และท่านก็ถูกตรึงไว้แล้วสำหรับโลก

 

เปาโลเริ่มต้นด้วยข่าวดีว่า ในฐานะบุตรของพระเจ้า เราเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์และได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ทรงทำให้เราสามารถเรียกพระเจ้าว่าพระบิดาได้ ท่านวิงวอนไม่ให้พวกเขากลับไปเป็นทาส ไม่ว่าจะโดยการพึ่งพาธรรมบัญญัติหรือการยึดติดกับหลักปฏิบัตินอกรีต เช่น โหราศาสตร์ ท่านเน้นย้ำว่าการถือรักษาวันเทศกาลเหล่านั้นไม่ใช่ข้อกำหนดจากพระเจ้าสำหรับคนต่างชาติ การกระทำเช่นนั้นเป็นการกลับไปสู่การเป็นทาสทางกฎหมายอีกครั้ง ในขณะที่ความเชื่อที่แท้จริงแสดงออกผ่านความรัก ไม่ใช่พิธีกรรมภายนอก

การเทศนาสั่งสอนในตอนแรกของเปาโลเกิดขึ้นท่ามกลางความเจ็บป่วยทางกาย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับดวงตาของท่าน ท่านเคยกล่าวว่าพวกเขาคงจะควักดวงตาให้ท่าน ทั้งยังเขียนจดหมายด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ และมีรอยแผลเป็นของพระเยซูบนร่างกาย ความทุกข์ทรมานเหล่านี้ รวมถึงปัญหาทางสายตา อาจเป็น "หนามในเนื้อหนัง" ของท่าน ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจถึงการเผชิญหน้ากับพระคริสต์และการเปลี่ยนแปลงชีวิตของท่าน

เปาโลเตือนอย่างหนักแน่นว่า การยึดมั่นในการประพฤติตามธรรมบัญญัติเพื่อความชอบธรรมคือการ "หลุดพ้นจากพระคุณ" ซึ่งหมายถึงการเข้าใจผิดในข่าวประเสริฐและพระคุณของพระเจ้า ไม่ใช่การสูญเสียความรอด ท่านอธิบายว่าอิสรภาพในพระคริสต์ไม่ใช่ใบอนุญาตให้ทำบาป แต่เป็นโอกาสที่จะสะท้อนพระลักษณะและความรักของพระเจ้าผ่านผลของพระวิญญาณ ซึ่งรวมถึงการช่วยเหลือผู้อื่นที่ติดบ่วงบาปด้วยความถ่อมตน การแบ่งปันกับผู้สอน และการทำความดีต่อกัน โดยเฉพาะกับพี่น้องในความเชื่อ เพื่อเสริมสร้างสายสัมพันธ์ในฐานะครอบครัวเดียวกัน

Top of Form

 

ข้อคิด: กาลาเทีย 4-6

เมื่อพระเจ้าทรงปลูกเราดั่งต้นไม้ในสวนของพระองค์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ทรงเริ่มทำงานในเรา ก่อให้เกิด "ผล" ที่เป็นเอกพจน์ซึ่งมีลักษณะเก้าประการ ได้แก่ ความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความเมตตา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน และการควบคุมตนเอง การที่ลักษณะเหล่านี้เริ่มปรากฏในชีวิตของเราคือลายเซ็นของพระองค์ เป็นสัญญาณยืนยันว่าพระองค์ทรงกำลังทำงานอยู่ภายในเรา เมื่อเราเห็นการเติบโตเหล่านี้ในตนเอง เราจึงควรขอบคุณพระองค์ เพราะนั่นคือสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ ซึ่งนำมาซึ่งพระสิริแด่พระองค์และนำความยินดีมาสู่เรา เนื่องจากความยินดีที่แท้จริงนั้นอยู่ที่พระองค์

 

คำถาม

1.   เมื่อคุณได้รับอิสรภาพหรือการปลดปล่อยจากพันธนาการบางอย่าง (เช่น ความกลัว กฎเกณฑ์ที่ไร้สาระ หรือความคาดหวังของผู้อื่น) คุณจะใช้เสรีภาพนั้นเพื่อรับใช้ผู้อื่นและดำเนินชีวิตตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของคุณได้อย่างไร โดยไม่กลับไปตกอยู่ภายใต้พันธนาการรูปแบบอื่น(อ้างอิงจากกาลาเทีย 5:1, 13 ที่เตือนให้เรายืนหยัดในเสรีภาพที่พระคริสต์ประทานให้ และไม่ใช้เสรีภาพนั้นเพื่อสนองเนื้อหนัง แต่จงรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก และเปรียบเทียบชีวิตที่ดำเนินตามพระวิญญาณกับชีวิตที่ดำเนินตามเนื้อหนังในกาลาเทีย 5:16-25 วัตถุประสงค์ในชีวิตของคุณถูกกำหนดโดยอิสรภาพที่คุณได้รับอย่างไร และคุณจะรักษาเสรีภาพนั้นไม่ให้กลายเป็นใบอนุญาตสำหรับการทำตามใจตนเอง หรือกลับไปสู่กฎเกณฑ์ที่ไร้ความหมายได้อย่างไร?)

2.   ในชีวิตประจำวันของคุณ คุณจะมุ่งเน้นการ "หว่าน" สิ่งที่มีคุณค่าและยั่งยืนอย่างไร เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวคุณเอง ผู้อื่น และวัตถุประสงค์สูงสุดของคุณ มากกว่าการมุ่งแต่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ระยะสั้นหรือเพื่อความพึงพอใจส่วนตัว(พิจารณาคำสอนในกาลาเทีย 6:2 ที่ให้เราแบกภาระซึ่งกันและกัน และกาลาเทีย 6:7-9 ที่กล่าวถึงหลักการของการหว่านและการเก็บเกี่ยว – ผู้ที่หว่านเพื่อเนื้อหนังก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่า แต่ผู้ที่หว่านเพื่อพระวิญญาณก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์ วัตถุประสงค์ในชีวิตของคุณคืออะไรที่กระตุ้นให้คุณลงทุนในสิ่งที่มีค่าและยั่งยืน และคุณจะมองเห็นคุณค่าของการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณทำเพื่อผู้อื่นหรือเพื่อการเติบโตฝ่ายวิญญาณได้อย่างไร?)

 

 

กาลาเทีย บทที่ 5 เป็นหัวใจสำคัญเรื่องการดำเนินชีวิตคริสเตียนที่สมดุล ระหว่าง "เสรีภาพ" และ "ความรับผิดชอบ"

ข้อคิดหลักและการนำไปใช้ (กาลาเทีย 5)

1. เสรีภาพไม่ใช่ "ใบอนุญาต" แต่เป็น "เครื่องมือ" (ข้อ 1 และ 13)

  • ข้อคิด: พระเยซูปลดปล่อยเราจากการเป็นทาสของกฎเกณฑ์ (ศาสนาที่เน้นแต่พิธีกรรม) แต่เปาโลเตือนว่า อย่าใช้เสรีภาพนี้เป็นช่องทางทำตามใจตัวเอง
  • การนำไปใช้: ลองสำรวจดูว่า เรากำลังใช้คำว่า "พระเจ้าให้อภัยแล้ว" เพื่อทำบาปต่อหรือไม่? เป้าหมายแท้จริงของเสรีภาพคือ "เพื่อให้เราสามารถรักและรับใช้ผู้อื่นได้เต็มที่" โดยไม่มีกรอบของกฎเกณฑ์มาขวางกั้น

2. ความรักคือบทสรุปของทุกสิ่ง (ข้อ 6 และ 14)

  • ข้อคิด: สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การเข้าสุหนัต (พิธีกรรมภายนอก) หรือไม่เข้า แต่คือ "ความเชื่อที่แสดงออกผ่านทางความรัก"
  • การนำไปใช้: ศาสนาสอนให้เราโฟกัสที่ "ฉันทำถูกกฎไหม?" แต่พระเยซูสอนให้โฟกัสที่ "ฉันรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองไหม?" วันนี้ลองเปลี่ยนโฟกัสจากการจับผิดผู้อื่น มาเป็นการหยิบยื่นความรักดูครับ

3. ชนะเนื้อหนังด้วยการ "เดิน" ไม่ใช่การ "สู้" (ข้อ 16)

  • ข้อคิด: พระคัมภีร์บอกเคล็ดลับว่า "จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วท่านจะไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง"
  • การนำไปใช้: หลายครั้งเราพยายาม "หยุด" ทำบาปด้วยกำลังตัวเอง (ซึ่งมักล้มเหลว) แต่เคล็ดลับคือให้เปลี่ยนไปโฟกัสที่การ "เริ่ม" เดินไปกับพระเจ้า (อธิษฐาน, อ่านพระคำ, สามัคคีธรรม) เมื่อเราใกล้ชิดพระเจ้า ความปรารถนาทางเนื้อหนังจะลดลงไปเอง

4. เช็คลิสต์สุขภาพฝ่ายวิญญาณ: ผลของพระวิญญาณ (ข้อ 22-23)

ผลของพระวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่เรา "พยายามทำ" ให้เกิดขึ้น แต่เป็นสิ่งที่ "เกิดขึ้นเอง" เมื่อเราติดสนิทกับพระเจ้า เหมือนกิ่งไม้ที่ติดกับต้น ลองใช้ 9 ข้อนี้ตรวจเช็คสภาพจิตใจของพี่น้องในช่วงนี้:

ลองสำรวจตัวเองวันนี้ว่า ในสถานการณ์ที่กดดัน เรามีสิ่งเหล่านี้ไหม?

1.      ความรัก (Love) - รักคนที่น่ารำคาญได้ไหม?

2.      ความยินดี (Joy) - ยิ้มได้แม้สถานการณ์ไม่ดีไหม?

3.      สันติสุข (Peace) - ใจสงบแม้โลกวุ่นวายไหม?

4.      ความอดทน (Patience) - รอคอยโดยไม่บ่นได้ไหม?

5.      ความกรุณา (Kindness) - ไวที่จะช่วยเหลือคนอื่นไหม?

6.      ความดี (Goodness) - ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องไหม?

7.      ความซื่อสัตย์ (Faithfulness) - รักษาคำพูดไหม?

8.      ความสุภาพอ่อนโยน (Gentleness) - เตือนคนอื่นด้วยถ้อยคำนุ่มนวลไหม?

9.      การรู้จักบังคับตน (Self-control) - หยุดตัวเองก่อนจะทำผิดได้ไหม?

หากเรากำลังเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก หรือกำลังต่อสู้กับนิสัยบางอย่าง ลองใช้ ผลของพระวิญญาณ 9 ข้อ เป็นตัววัดดูว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำนั้น มาจากเนื้อหนัง หรือมาจากพระวิญญาณ?