เรื่องย่อ
การแบ่งพรรคแบ่งพวกและการโอ้อวดในปัญญาของมนุษย์ได้คุกคามคริสตจักรในเมืองโครินธ์อย่างหนัก จนอัครทูตเปาโลต้องเข้ามาตักเตือนอย่างจริงจัง โดยชี้ให้เห็นว่าการยึดติดผู้นำคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเปาโล อะปอลโล หรือเคฟาส ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะทุกคนเป็นเพียงผู้รับใช้ของพระเจ้าที่ทำงานร่วมกัน และพระคริสต์ต่างหากที่เป็นศิลาเอก เปาโลได้เน้นย้ำถึงความแตกต่างระหว่างปัญญาของมนุษย์ที่มองเรื่องไม้กางเขนเป็นเรื่องโง่เขลา กับปัญญาของพระเจ้าที่ทรงสำแดงฤทธิ์อำนาจและความรอดผ่านพระคริสต์ที่ถูกตรึงกางเขน ไม่ใช่ด้วยคำพูดที่คมคายแต่ด้วยการสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขาเตือนให้พวกเขาเข้าใจว่าแต่ละคนเป็นเพียงผู้สร้างที่กำลังก่อร่างสร้างขึ้นบนรากฐานเดียวคือพระเยซูคริสต์ และสิ่งที่สร้างนั้นจะต้องผ่านการทดสอบด้วยไฟ จึงไม่ควรโอ้อวดหรือทะนงตน แต่ควรถ่อมใจลงในฐานะผู้รับใช้และผู้ดูแลความล้ำลึกของพระเจ้า เพราะทุกสิ่งที่เรามีล้วนมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น
เปาโลพำนักในเมืองโครินธ์เป็นเวลา 18 เดือนเพื่อก่อตั้งคริสตจักร และคอยติดตามความเป็นไปของพวกเขาผ่านจดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจดหมายฉบับนี้ (1 โครินธ์) ซึ่งเขียนขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่เขาได้รับฟังมาและตอบคำถามที่พวกเขามี เปาโลเริ่มต้นด้วยการหนุนใจว่าพระเจ้าผู้ทรงเรียกพวกเขาจะทรงรักษาและทำให้พวกเขาบริสุทธิ์จนถึงที่สุด จากนั้นจึงกล่าวถึงปัญหาแรกคือการแบ่งพรรคแบ่งพวกในหมู่ผู้นำ โดยย้ำว่าเปาโลเป็นเพียงผู้ปลูก ส่วนพระเจ้าต่างหากที่ทรงให้การเจริญเติบโต และเน้นว่าการประกาศพระกิตติคุณนั้นสำคัญยิ่งกว่าพิธีบัพติศมา
สำหรับคนที่ไม่เชื่อ พระกิตติคุณดูเป็นเรื่องโง่เขลา เพราะชาวยิวแสวงหาหมายสำคัญ และชาวกรีกแสวงหาปัญญา แต่สำหรับผู้ที่เชื่อ พระกิตติคุณคือฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ชาวโครินธ์ซึ่งด้อยการศึกษาและมีฐานะต่ำต้อยกลับเข้าใจสิ่งนี้เป็นอย่างดี เพราะพวกเขาตระหนักถึงความยากจนทางจิตวิญญาณของตนเอง พวกเขาได้รับความชอบธรรมและพระปัญญาจากพระคริสต์ จึงไม่จำเป็นต้องอวดอ้างในครูบาอาจารย์คนใด แต่ควรอวดอ้างในพระราชกิจที่สำเร็จแล้วของพระคริสต์ผู้เดียว
เปาโลปรารถนาให้ผู้เชื่อเติบโตในพระปัญญาของพระเจ้าผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งกระทำได้โดยการศึกษาพระคัมภีร์และมี "พระทัยของพระคริสต์" อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของพวกเขายังแสดงให้เห็นว่ายังไม่พร้อมสำหรับคำสอนที่ลึกซึ้งกว่านี้ พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตตามสิ่งที่รู้แล้วเสียก่อน เปาโลเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะทรงทำให้การดีที่ทรงเริ่มต้นไว้ในพวกเขาสำเร็จ ท่านยังเน้นย้ำถึงบทบาทของผู้นำคริสเตียนว่าเป็นผู้รับใช้ที่รับผิดชอบต่อพระเจ้าเป็นอันดับแรก ซึ่งแม้จะเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก แต่ก็ทำไปด้วยความรักเพื่อพวกเขาและเพื่อพระเกียรติของพระเจ้า ท่านตั้งใจจะมาเยี่ยมด้วยความอ่อนโยน แต่ก็จะทำในสิ่งที่จำเป็นและเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับคริสตจักรเสมอ
ข้อคิด: 1 โครินธ์ 1-4
เปาโลอธิบายถึงสามสิ่งที่ประทานแก่เราในพระคริสต์: “ความชอบธรรม การชำระให้บริสุทธิ์ และการไถ่” (1 โครินธ์ 1:30) สิ่งเหล่านี้ชี้ไปยังช่วงเวลาที่แตกต่างกันในชีวิตของเรา อดีต: เราได้รับการประกาศว่าเป็นผู้ชอบธรรม ปัจจุบัน: การชำระให้บริสุทธิ์เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่เราได้รับการทำให้สะอาด อนาคต: พระเยซูตรัสว่าการไถ่ของเราใกล้เข้ามาแล้ว (ลูกา 21:28); เราคอยการไถ่ร่างกายของเราด้วยใจจดจ่อ (โรม 8:23) อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของคุณได้รับการจัดการโดยพระเยซู ไม่มีช่วงเวลาใดในเรื่องราวชีวิตของคุณที่พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำ พระองค์ทรงทำงานในทุกสิ่งเพื่อนำคุณเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์กับพระองค์ พระองค์ทรงมีอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของคุณ พระองค์ทรงอยู่ในทุกสิ่ง และพระองค์ทรงเป็นที่ซึ่งความชื่นชมยินดีอยู่!
คำถาม
1. ในโลกที่ให้คุณค่ากับ "สติปัญญา" และ "ความสำเร็จ" การที่พระเจ้าทรงเลือกใช้วิธีการที่ดูเหมือน "โง่เขลา" (เรื่องไม้กางเขน) เพื่อช่วยกู้มนุษย์นั้น สะท้อนให้เห็นว่าพระองค์ต้องการรื้อถอนค่านิยมใดในใจของเรา? (เพื่อให้เราพิจารณาว่า วัตถุประสงค์ของพระเจ้าไม่ได้ต้องการให้มนุษย์พึ่งพาความสามารถหรืออวดอ้างเกียรติของตนเอง แต่ต้องการให้เราถ่อมใจและยอมรับว่าความรอดและฤทธิ์เดชที่แท้จริงนั้นมาจากพระเจ้าเท่านั้น ตามที่ปรากฏใน 1 โครินธ์ 1:27-29)
2. หากเรามองว่าตนเองเป็นเพียง "คนงาน" (คนปลูกหรือคนรดน้ำ) และพระเจ้าเป็นผู้เดียวที่ทำให้เกิด "ผลลัพธ์" (การเติบโต) แนวคิดนี้ควรเปลี่ยนแปลงท่าทีที่เรามีต่อผู้นำ ความขัดแย้ง หรือความสำเร็จในงานที่เราทำอยู่อย่างไร? (เพื่อกระตุ้นให้เราตระหนักว่า วัตถุประสงค์ของการรับใช้หรือการใช้ชีวิตไม่ใช่เพื่อสร้างฐานอำนาจ แบ่งพรรคแบ่งพวก หรือยึดติดกับความสำเร็จส่วนตัว แต่คือการเป็นผู้อารักขาที่ "ซื่อสัตย์" ในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย โดยปล่อยให้ผลลัพธ์เป็นสิทธิอำนาจของพระเจ้า ตาม 1 โครินธ์ 3:6-7 และ 4:1-2)
1 โครินธ์ บทที่ 4 มุ่งเน้นไปที่บทบาทของผู้รับใช้และผู้ดูแลของพระเจ้า โดยให้ข้อคิดที่สำคัญเกี่ยวกับทัศนคติ การประเมิน และความสัมพันธ์กับพระเจ้าและผู้อื่น:
1. ความสัตย์ซื่อเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
- ผู้รับใช้และผู้ดูแล: อ.เปาโลสอนว่าเราควรถูกมองว่าเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์และเป็นผู้ดูแลสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า (ข้อ 1)
- สิ่งที่ต้องการจากผู้ดูแล: สิ่งที่เรียกร้องจากผู้ดูแลคือ ความสัตย์ซื่อ (ข้อ 2) ความสัตย์ซื่อต่อพันธกิจที่พระเจ้ามอบให้สำคัญกว่าคำสรรเสริญหรือคำติฉินของมนุษย์
- ข้อคิด: สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าคนอื่นคิดอย่างไรกับเรา แต่คือการที่เราสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าในสิ่งที่พระองค์ทรงมอบหมายให้เราทำหรือไม่
2. การประเมินและการตัดสินเป็นของพระเจ้า
- อย่าตัดสินก่อนเวลา: เปาโลระบุว่าการประเมินการปฏิบัติงานที่แท้จริงของเขานั้นเป็นของพระเจ้า (ข้อ 3–5) เราไม่ควรตัดสินกันก่อนองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา
- การสำแดงสิ่งเร้นลับ: เมื่อพระคริสต์เสด็จมา พระองค์จะทรงนำสิ่งที่ซ่อนเร้นในความมืดออกมาให้แจ้ง และทรงเปิดเผยความคิดในใจคน แล้วแต่ละคนก็จะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า
- ข้อคิด: เราไม่ควรให้คุณค่ากับความคิดเห็นของมนุษย์มากเกินไปหรือรีบตัดสินคนอื่น เพราะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบเจตนาและหัวใจที่แท้จริง
3. ทัศนคติที่ถ่อมใจและตระหนักถึงพระคุณ
- ไม่มีอะไรที่ไม่ได้รับ: เปาโลท้าทายชาวโครินธ์ที่เริ่มมีความเย่อหยิ่งว่า "ท่านมีอะไรที่ท่านไม่ได้รับมา?" (ข้อ 7) หากทุกสิ่งที่เรามีมาจากพระเจ้าแล้วเหตุใดจึงโอ้อวด?
- การแบ่งปันความทุกข์: เปาโลเปรียบเทียบตัวเองและอัครทูตคนอื่น ๆ ว่าเป็นเหมือน "คนที่ไม่ควรค่าแก่การเป็นนักแสดงคนสุดท้ายในโรงละคร" ที่ต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากและความอับอายเพื่อเห็นแก่ข่าวประเสริฐ (ข้อ 9-13) พวกเขาเลือกที่จะเป็นเหมือนคนโง่และอ่อนแอ เพื่อให้ชาวโครินธ์เป็นคนฉลาดและแข็งแกร่ง
- ข้อคิด: เราควรมีทัศนคติที่ถ่อมใจ เพราะทุกสิ่งที่เรามีไม่ว่าจะเป็นความสามารถ ตำแหน่ง หรือความสำเร็จ ล้วนเป็นของประทานที่มาจากพระคุณของพระเจ้า
4. บทบาทของผู้นำฝ่ายวิญญาณ
- บิดาฝ่ายวิญญาณ: เปาโลกล่าวกับชาวโครินธ์ว่าแม้พวกเขามีครูสอนมากมาย แต่เขามี "บิดาฝ่ายวิญญาณ" เพียงคนเดียวคือตัวเขาเอง เพราะเขาเป็นผู้ที่ประกาศข่าวประเสริฐแก่พวกเขา (ข้อ 15)
- เป็นแบบอย่าง: เปาโลหนุนใจให้พวกเขาเลียนแบบเขาในการดำเนินชีวิตในพระคริสต์ (ข้อ 16-17)
- ข้อคิด: ผู้นำที่แท้จริงต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตคริสเตียน และมีเจตนาที่จะสร้างความเติบโตทางจิตวิญญาณของผู้ที่อยู่ใต้การดูแลของตน
ในการรับใช้พระเจ้า สิ่งที่เราควรแสวงหาคือความสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ไม่ใช่คำยกย่องจากมนุษย์ และเราควรดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมใจ โดยตระหนักว่าทุกสิ่งมาจากพระคุณของพระองค์