เรื่องย่อ
ท่ามกลางความอื้อฉาวเรื่องบาปทางเพศที่ลามไปถึงขั้นคริสเตียนฟ้องร้องกันเองในศาลของคนต่างศาสนา อัครทูตเปาโลได้ฟันฝ่าความสับสนวุ่นวายในคริสตจักรเมืองโครินธ์ด้วยคำสอนที่คมคายและตรงไปตรงมา โดยเรียกร้องให้คริสตจักรชำระบาปออกจากหมู่คณะอย่างเด็ดขาดและเตือนว่าร่างกายของพวกเขาเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ควรแปดเปื้อนด้วยการผิดศีลธรรมใดๆ เปาโลยังได้ให้คำแนะนำอันชาญฉลาดเกี่ยวกับชีวิตคู่ การครองตัวเป็นโสด และการหย่าร้าง เพื่อให้ทุกคนสามารถรับใช้พระเจ้าได้อย่างเต็มที่ในทุกสถานการณ์ สุดท้าย ท่านได้หยิบยกประเด็นละเอียดอ่อนเรื่องการกินอาหารที่ถวายรูปเคารพ โดยเน้นย้ำถึงหลักการสูงสุดคือ "ความรัก" ที่สำคัญยิ่งกว่า "ความรู้" เพื่อไม่ให้การกระทำของเราที่อาจถูกต้องตามหลักการ ไปทำให้ผู้ที่อ่อนแอในความเชื่อต้องสะดุด ถดถอย หรือล้มลง เป็นการเรียกคริสตจักรให้ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และมีหลักความรักเป็นเครื่องนำทางในทุกการตัดสินใจ
ชาวโครินธ์บางคนเข้าใจพระคุณของพระเจ้าผิดพลาด โดยใช้เป็นข้ออ้างในการดำเนินชีวิตอย่างเสเพล เปาโลชี้แจงว่าเสรีภาพในพระคริสต์คือการที่เราพ้นจากการเป็นทาสบาป และได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อช่วยให้เชื่อฟัง พระคุณคือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ใบอนุญาตให้ทำบาปอย่างไม่ใส่ใจ ท่านเตือนอย่างหนักแน่นถึงบาปทางเพศ ซึ่งเป็นการดูหมิ่นทั้งบุคคลและพระวิญญาณที่สถิตในผู้เชื่อ คริสตจักรมีหน้าที่จัดการกับสมาชิกที่กบฏต่อความซื่อสัตย์ทางเพศอย่างเปิดเผย ไม่ใช่เพื่อตัดสินชะตากรรม แต่เพื่อนำไปสู่การกลับใจโดยการ "มอบเขาไว้กับซาตานเพื่อทำลายเนื้อหนัง" เพื่อให้วิญญาณของเขารอดในวันสุดท้าย
เปาโลยังให้คำแนะนำในการจัดการข้อพิพาทภายในคริสตจักร โดยส่งเสริมให้มีการแก้ไขภายในโดยผู้มีสติปัญญา หรือยอมถูกเอารัดเอาเปรียบ แทนการฟ้องร้องคริสเตียนด้วยกันในศาลโลก ท่านย้ำเตือนถึงรายชื่อผู้ที่จะไม่ได้ครอบครองอาณาจักร แต่ชี้ว่านั่นคือสิ่งที่เรา "เคยเป็น" ตอนนี้ผู้เชื่อไม่ใช่คนบาปที่ถูกกำหนดโดยบาปอีกต่อไป แต่เป็นวิสุทธิชนของพระเจ้า ผู้ซึ่งอัตลักษณ์ได้ถูกเปลี่ยนแปลงในพระคริสต์และมีพระวิญญาณของพระองค์สถิตอยู่ภายในเรา
ในเรื่องการแต่งงาน, ความเป็นโสด, การเป็นม่าย, และการหย่าร้าง เปาโลแยกแยะระหว่างคำสั่งสอนของพระเจ้าและความคิดเห็นส่วนตัวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระวิญญาณ ท่านถือว่าทั้งการแต่งงานและความเป็นโสดเป็นของประทานจากพระเจ้า ท่านแนะนำให้ผู้ที่แต่งงานกับผู้ที่ไม่เชื่อให้อดทน เพื่อประโยชน์ของคู่สมรสและบุตร ท่านยังกล่าวถึงเรื่องอาหารที่ถวายรูปเคารพ โดยเตือนผู้เชื่อที่มีประสบการณ์ไม่ให้ใช้เสรีภาพของตนเองจนทำให้ผู้เชื่อใหม่สะดุด ท่านเน้นย้ำว่า แม้การกระทำนั้นจะถูกหลักการ แต่การขาดความรักต่อพี่น้องก็ถือเป็นบาป และความรักควรนำทางการใช้ความรู้ของเราเสมอ
ข้อคิด: 1 โครินธ์ 5-8
"มีพระเจ้าองค์เดียวคือพระบิดา ผู้ซึ่งสรรพสิ่งมาจากพระองค์ และพวกเราดำรงอยู่เพื่อพระองค์ และมีพระเยซูคริสต์เจ้าองค์เดียว ผู้ซึ่งสรรพสิ่งเป็นมาโดยพระองค์ และพวกเราดำรงอยู่โดยพระองค์" (1 โครินธ์ 8:6) ถ้อยคำนี้เน้นย้ำถึงพระเจ้าในฐานะจุดเริ่มต้น การค้ำจุน และเป้าหมายสูงสุดของทุกสรรพสิ่ง พระเจ้าทรงเป็นแหล่งที่มา ผู้จัดเตรียม และเป็นที่ซึ่งความชื่นชมยินดีที่แท้จริงดำรงอยู่ เพราะทุกสิ่งมาจากพระองค์ ดำรงอยู่โดยพระองค์ และกลับคืนสู่พระองค์
คำถาม
1. เมื่อเปาโลย้ำว่า "ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์" และท่าน "ไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง" (บทที่ 6) ความจริงข้อนี้ควรเปลี่ยนนิยามของคำว่า "เสรีภาพ" ในการใช้ชีวิตของเราจากการทำตามใจปรารถนา ไปสู่เป้าหมายใด? (เพื่อให้เราพิจารณาว่า วัตถุประสงค์ของการไถ่เราด้วยราคาที่สูงลิ่ว ไม่ใช่เพื่อให้เราเป็นอิสระที่จะทำบาป แต่เพื่อให้เราใช้ร่างกายทุกส่วนถวายเกียรติแด่พระเจ้า และตระหนักว่าการกระทำส่วนตัวส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าผู้สถิตภายใน)
2. ในประเด็นเรื่องของที่บูชาแก่รูปเคารพ (บทที่ 8) เปาโลชี้ว่าแม้เราจะมี "ความรู้" ที่ถูกต้อง แต่หากขาด "ความรัก" ก็อาจทำให้พี่น้องสะดุดได้ การยอมสละ "สิทธิ" ส่วนตัวเพื่อเห็นแก่มโนธรรมของผู้อื่น สะท้อนให้เห็นถึงลำดับความสำคัญสูงสุดในการอยู่ร่วมกันอย่างไร? (เพื่อกระตุ้นให้เราตระหนักว่า วัตถุประสงค์ของการเป็นคริสเตียนไม่ใช่การพิสูจน์ว่าใครถูกหรือผิดด้วยหลักการทางตรรกะ แต่คือการ "เสริมสร้าง" ชีวิตของผู้อื่นด้วยความรัก แม้จะต้องแลกด้วยการจำกัดเสรีภาพของตนเองก็ตาม)
1 โครินธ์ บทที่ 8 กล่าวถึงประเด็นเรื่อง อาหารที่ถวายแก่รูปเคารพ และเน้นย้ำถึงหลักการสำคัญเกี่ยวกับ ความรู้ และ ความรัก ในการดำเนินชีวิตคริสเตียนร่วมกับผู้อื่น
1. ความรู้กับความรัก
ข้อคิดหลักที่สำคัญที่สุดคือการเปรียบเทียบระหว่างความรู้และความรัก:
- ความรู้ทำให้ลำพอง: ความรู้เพียงอย่างเดียวเกี่ยวกับเสรีภาพในพระคริสต์ (เช่น การรู้ว่ารูปเคารพไม่มีอำนาจจริง และอาหารนั้นไม่มีผลต่อจิตวิญญาณ) อาจทำให้คนหนึ่งรู้สึกเหนือกว่าและตัดสินใจตามใจตนเองโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น
- ความรักเสริมสร้าง: ความรักเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า ความรักช่วยให้เรามองเห็นและห่วงใยผู้อ่อนแอหรือผู้ที่ยังไม่เข้าใจหลักการอย่างถ่องแท้ การกระทำทุกอย่างควรมาจากความรักและมุ่งหมายเพื่อการเสริมสร้าง หรือหนุนใจผู้อื่น
2. การระวังไม่ให้เป็นเหตุให้สะดุด
- เสรีภาพต้องอยู่ใต้ความรัก: แม้ว่าผู้เชื่อจะรู้ว่าพวกเขามีเสรีภาพในการกินอาหารใดๆ ก็ตาม เพราะมีพระเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น แต่พวกเขาต้องระวังไม่ให้การใช้เสรีภาพนี้กลายเป็น "หินที่ทำให้สะดุด" หรือ "บ่วงแร้ว" สำหรับพี่น้องที่ยังอ่อนแอในความเชื่อ
- การใส่ใจต่อมโนธรรม: พี่น้องที่อ่อนแออาจยังคิดว่าการกินอาหารที่ถวายรูปเคารพเป็นบาป เมื่อเขาเห็นผู้เชื่อที่ "มีวิชาความรู้" กินอาหารนั้น เขาก็อาจทำตามด้วย มโนธรรม ที่ไม่แน่ใจ ซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายมโนธรรมของเขาเอง
3. การเสียสละเพื่อผู้อื่น
- ยอมละเว้นเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น: อัครทูตเปาโลสรุปข้อคิดนี้ด้วยการประกาศว่า ถ้าอาหารที่เขากินทำให้พี่น้องคนใดคนหนึ่งต้องสะดุด เขาก็จะไม่กินเนื้อสัตว์เลยตลอดไป (ข้อ 13) เพื่อที่จะไม่ทำให้พี่น้องต้องทำบาป
- ความรักสำคัญกว่าสิทธิ์: ข้อนี้สอนว่าสิทธิส่วนบุคคลหรือเสรีภาพส่วนตัวของเราในพระคริสต์ควรถูกจำกัดไว้ด้วยความรักและความห่วงใยต่อการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณของพี่น้องคนอื่น
ข้อคิดจาก 1 โครินธ์ 8 คือการเตือนให้ผู้เชื่อใช้ ความรู้ และ เสรีภาพ ของตนด้วยความ รัก โดยให้ความสำคัญกับการไม่ทำให้ผู้อื่นต้องสะดุดหรือทำลายความเชื่อของเขา การกระทำทุกอย่างควรมีจุดประสงค์เพื่อการเสริมสร้างและมาจากความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์