เรื่องย่อ
2 โครินธ์ 5-9 ได้เปิดเผยหัวใจที่แท้จริงของการเป็นคริสเตียน เมื่อเปาโลประกาศว่าในพระคริสต์ เราได้กลายเป็นสิ่งทรงสร้างใหม่และได้รับพันธกิจแห่งการปรองดองกับพระเจ้า ท่านได้ชี้ให้เห็นถึงชีวิตแห่งการรับใช้ที่ไม่ย่อท้อ แม้จะต้องผ่านความทุกข์ยากนานัปการ พร้อมทั้งเตือนให้คริสตจักรดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์และแยกตัวจากโลก จากนั้น ท่านได้แสดงความยินดีต่อการกลับใจของชาวโครินธ์ที่นำมาซึ่งความรอด และใช้โอกาสนี้กระตุ้นพวกเขาให้สำแดงความรักแท้ผ่านการถวายทรัพย์ด้วยใจกว้างขวาง โดยยกตัวอย่างความกระตือรือร้นของคริสตจักรมาซิโดเนีย เปาโลชี้ให้เห็นว่าการให้นั้นไม่ใช่แค่การช่วยเหลือผู้ยากไร้ แต่เป็นการหว่านด้วยความยินดีที่จะนำมาซึ่งการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์และถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า เป็นการดำเนินชีวิตที่สะท้อนการปรองดองและพระคุณของพระองค์อย่างแท้จริง
เปาโลเปรียบเทียบร่างกายชั่วคราวของเรากับเต็นท์ที่ต้องทนทุกข์และรอคอย "คฤหาสน์นิรันดร์" ซึ่งก็คือร่างกายที่ฟื้นคืนชีพของเรา พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะประทานสิ่งนี้ให้ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตในเรากำลังเตรียมเราสำหรับคฤหาสน์นั้น สำหรับผู้เชื่อ ความตายไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่สภาพ "ออกจากร่างกายไปอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้า" โดยวิญญาณของเราจะอยู่กับพระเจ้าก่อนจะได้รับร่างกายใหม่ที่ฟื้นคืนชีพเมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมา เราทุกคนจะปรากฏต่อหน้าพระคริสต์เพื่อรับการพิพากษาถึงรางวัล ซึ่งควรนำเรากลับไปหาพระเยซูเสมอ และย้ำเตือนถึงการทรงเรียกของเราให้เป็นผู้ปรนนิบัติแห่งการคืนดีแก่ผู้อื่น
เปาโลกระตุ้นให้ชาวโครินธ์เปิดใจรับข่าวสารของท่าน โดยเน้นว่าการรักสิ่งที่ถูกต้องจะช่วยให้ไม่ตกไปรักสิ่งที่ผิด การรักพระคริสต์เหนือสิ่งอื่นใดทำให้การเชื่อฟังคำสอนของพระองค์ง่ายขึ้น เช่น การ "ไม่เข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ" ซึ่งเป็นคำเตือนสำคัญโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้แต่งงาน ท่านเปรียบเปรยการกระทำนี้กับการเข้าร่วมกับศัตรู แม้คำพูดของเปาโลอาจฟังยาก แต่พระเจ้าทรงใช้การตักเตือนเช่นนี้เพื่อก่อให้เกิดความโศกเศร้าตามพระเจ้า ซึ่งนำไปสู่การกลับใจและชีวิต แตกต่างจากความโศกเศร้าทางโลกที่นำไปสู่ความตาย
นอกจากนี้ เปาโลยังขอให้คริสตจักรเก็บเงินทุกวันอาทิตย์เพื่อช่วยเหลือคริสเตียนในเยรูซาเล็ม ท่านกระตุ้นให้ชาวโครินธ์ใจกว้างเหมือนคริสตจักรมาซิโดเนีย โดยเตือนพวกเขาถึงพระทัยกว้างขวางของพระเจ้าที่ทรงประทานพระเยซูให้ยากจนเพื่อพวกเขาจะได้รับความมั่งคั่งฝ่ายวิญญาณ ท่านชี้ว่าการให้โดยสมัครใจจะได้รับพรตอบแทนที่ยั่งยืนกว่าเงิน พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการ ทั้งทางการเงินและจิตวิญญาณ ผู้ที่ให้ด้วยใจกว้างจะมั่งคั่งขึ้นในทุกด้าน เพื่อจะสามารถให้ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การขอบพระคุณพระเจ้า เราได้รับพรเพื่อเป็นช่องทางแห่งการจัดเตรียมและสรรเสริญพระองค์
ข้อคิด: 2 โครินธ์ 5-9
แม้จะเผชิญกับการทดลองอันแสนสาหัส คริสเตียนก็ยังคงมี "ความชื่นชมยินดีที่ไม่เสื่อมคลาย" ดังที่เปาโลกล่าวถึงตนเองว่า "ในการทนทุกข์ยากทั้งสิ้นของเรา ข้าพเจ้าก็เต็มล้นด้วยความชื่นชมยินดี" และชื่นชมคริสตจักรมาซิโดเนียที่ "ในการทดลองด้วยความทุกข์ยากอย่างหนัก ความชื่นชมยินดีอย่างเหลือล้นของพวกเขา...ได้ล้นออกมาเป็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างมากมาย" การทดลองมักเผยให้เห็นแก่นแท้ของสิ่งสำคัญ ซึ่งแม้ภาชนะดินของเราจะแตกสลาย แสงสว่างก็ยังคงส่องออกมาได้ ในทุกการทดลอง เรายังคงมีแสงสว่างและความชื่นชมยินดี เพราะพระเจ้าคือแหล่งกำเนิดแห่งความชื่นชมยินดีนั้น
คำถาม
1. ในบทที่ 5 เปาโลกล่าวว่า พระเจ้าทรงให้เรากลับคืนดีกับพระองค์แล้ว "มอบพันธกิจแห่งการคืนดี" ให้แก่เรา โดยแต่งตั้งเราเป็น "ทูตของพระคริสต์" สถานะนี้ควรเปลี่ยนแปลงเป้าหมายในการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง—แม้กระทั่งกับคนที่เราไม่ชอบหน้า—จากการตัดสินความผิดของเขาไปสู่ทิศทางใด? (เพื่อให้เราพิจารณาว่า วัตถุประสงค์ของการถูกสร้างใหม่ในพระคริสต์ ไม่ใช่เพียงเพื่อให้เรารอดพ้นจากโทษทัณฑ์และอยู่อย่างสุขสบายฝ่ายวิญญาณ แต่เพื่อให้เราเป็น "ตัวแทน" ของพระเจ้าในการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่แตกหัก และนำข่าวสารแห่งสันติสุขไปสู่โลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง)
2. เมื่อเปาโลสอนเรื่องการบริจาคในบทที่ 8 และ 9 ท่านชี้ให้เห็นว่าพระเจ้าประทานความมั่งคั่งบริบูรณ์ให้เรา "เพื่อ" ให้เรามีแจกจ่าย และเพื่อให้เกิด "การขอบพระคุณพระเจ้า" หลักการเรื่อง "กฎแห่งการหว่านและเก็บเกี่ยว" นี้ ท้าทายให้เรามองวัตถุประสงค์ของการมีทรัพย์สินเงินทองต่างจากค่านิยมของโลกที่เน้นการสะสมเพื่อความมั่นคงส่วนตัวอย่างไร? (เพื่อกระตุ้นให้ตระหนักว่า วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของพระพรด้านวัตถุ คือการให้เราเป็น "ท่อพระพร" ไหลผ่านไปยังผู้อื่น เพื่อสำแดงพระคุณของพระเจ้าที่เป็นรูปธรรม ซึ่งปลายทางสุดท้ายไม่ใช่ความร่ำรวยของผู้ให้ แต่คือเกียรติสิริของพระเจ้าที่ได้รับผ่านคำขอบคุณของผู้รับ)
2 โครินธ์ 5:1-9 เน้นย้ำถึง ความหวังของคริสเตียนในชีวิตนิรันดร์ และ การดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ ในขณะที่เรารอคอยสิ่งนั้น นี่คือข้อคิดสำคัญบางประการ:
1. ร่างกายชั่วคราวและบ้านนิรันดร์ (ข้อ 1-4)
- ร่างกายนี้เป็นเพียงเต็นท์: เปาโลเปรียบเทียบร่างกายปัจจุบันของเรากับ "เต็นท์" ที่ชั่วคราวและอาจผุพังได้
- บ้านถาวรจากพระเจ้า: เรามีความหวังใน "อาคาร" ที่ถาวรกว่า ซึ่งเป็นร่างกายใหม่ที่เป็นอมตะจากพระเจ้าในสวรรค์
- ความปรารถนาในความเป็นอมตะ: คริสเตียนถอนหายใจและปรารถนาที่จะสวมใส่ร่างกายใหม่ที่เป็นอมตะ ไม่ใช่เพื่อต้องการตาย แต่เพื่อที่จะถูก "กลืนกลบกาย" ด้วยชีวิตนิรันดร์ของพระเจ้า
ข้อคิด: มุมมองของเราต่อชีวิตนี้ควรเป็นมุมมองแบบชั่วคราว เราไม่ควรยึดติดหรือให้น้ำหนักกับสิ่งฝ่ายโลกมากเกินไป เพราะเรามีความหวังในความเป็นอยู่ที่ดีกว่าและนิรันดร์
2. หลักประกันแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ข้อ 5)
- ผู้เตรียมเราคือพระเจ้า: พระเจ้าทรงเป็นผู้ที่เตรียมเราสำหรับสภาพนิรันดร์นี้
- พระวิญญาณเป็นมัดจำ: พระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ทรงประทับอยู่ในเราเป็นเหมือน "มัดจำ" หรือ "หลักประกัน" ที่ยืนยันว่าเราจะได้ร่างกายใหม่และชีวิตนิรันดร์นั้นอย่างแน่นอน
ข้อคิด: การทรงสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตเราไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่เป็นการรับประกันจากพระเจ้าเองว่าเราเป็นของพระองค์และมีมรดกในสวรรค์แล้ว
3. การดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ (ข้อ 6-9)
- อยู่ห่างจากองค์พระผู้เป็นเจ้าในขณะนี้: ตราบใดที่เรายังอยู่ในร่างกายนี้ เราก็ถือว่า "อยู่ห่างจากองค์พระผู้เป็นเจ้า" ในแง่ของการไม่สามารถเห็นพระพักตร์พระองค์ได้โดยตรง
- เราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ ไม่ใช่ด้วยการมองเห็น: หลักการดำเนินชีวิตของเราคือ ความเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า แม้ว่าเราจะยังไม่เห็นความสมบูรณ์ของพระสัญญาด้วยตาของเราก็ตาม
- ความกล้าหาญและความปรารถนา: เรามีความกล้าหาญและปรารถนาที่จะจากร่างกายนี้ไปเพื่อ "ไปอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้า"
- เป้าหมายเดียว: ไม่ว่าเราจะอยู่ในร่างกายนี้หรือจากไปแล้ว เป้าหมายของเราคือการทำให้พระองค์พอพระทัย
ข้อคิด:
1. ความเชื่อคือกุญแจสำคัญ: ในชีวิตประจำวัน เราต้องพึ่งพาและวางใจในสิ่งที่มองไม่เห็น (คือพระเจ้าและพระสัญญาของพระองค์) ไม่ใช่แค่สิ่งที่ตาเห็น
2. ชีวิตมีวัตถุประสงค์: แรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของคริสเตียนคือ การเป็นที่พอพระทัยของพระคริสต์ นี่ควรเป็นแรงผลักดันทุกการกระทำของเราในโลกนี้
ความหวังในชีวิตนิรันดร์ควรเป็นพลังที่ช่วยให้เราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อที่กล้าหาญ และมีเป้าหมายในการทำให้พระเจ้าพอพระทัยในโลกที่ชั่วคราวนี้